โอ้ เห็นข่าวแล้วรู้สึกว่าเกินคาดจริงๆ ... ขอปรบมือให้ดังๆ กับ รมต. และผู้บริหาร กระทรวงศึกษาธิการ ที่ลุกขึ้นมาลุย ตั้ง "วาระแห่งกระทรวง" ที่จะเปิดเทอมภาคปลายนี้ โดยให้เด็กปลอดภัยพอที่จะกลับไปเรียนหนังสือที่โรงเรียนให้ได้
ถึงวันนี้ คนส่วนใหญ่ในประเทศน่าจะเริ่มเห็นภาพแล้วนะครับ ว่าเรา "วิ่งหนีเข้าถ้ำ" ลอคดาวน์ ซ่อนตัวจากโรคโควิด-19 ตลอดไป ไม่ได้หรอก ! เพราะมันมีแต่จะสร้างความถดถอย ความเสียหาย ให้กับทั้งเศรษฐกิจ สังคม และการศึกษาของคนในชาติ อย่างมหาศาล และยิ่งนาน ยิ่งยากที่จะฟื้นกลับมา
ดังนั้น แนวคิดเรื่อง "การอยู่ร่วมกับเชื้อโรค ให้ปลอดภัยขึ้น" จึงเป็นสิ่งที่จำเป็นจะต้องทำอย่างจริงจัง และช่วยกันระดมสมอง ระดมแรง ระดมงบประมาณ ในการจัดกิจกรรมต่างๆ ให้ดำเนินต่อไปได้อีกครั้ง ไม่ว่าจะเรื่องการใช้ชีวิตประจำวัน การประกอบอาชีพ การท่องเที่ยว ฯลฯ ไปจนถึงเรื่องการเรียนหนังสือในโรงเรียน ในมหาวิทยาลัย ในได้
ว่าแต่ กระทรวงศึกษาฯ เค้ารุกหนักขนาดนี้ แล้วกระทรวง อว. จะไม่ทำอะไรบ้างเหรอครับ ถ้าโรงเรียนเปิดเรียนได้ แต่มหาวิทยาลัยเปิดไม่ได้นี่ เสียชื่อสุดๆ นะครับ เดี๋ยวเค้าจะหาว่าเจ้ากระทรวง อว. ไม่มีความสามารถ เอาแต่วิ่งหนีเชื้อโรค หึๆๆ
----------------------------
(รายงานข่าว)
เมื่อวันที่ 13 กันยายน 2564 นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยว่าจากการหารือร่วมกันระหว่างกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงมหาดไทย เบื้องต้นมีแนวทางเตรียมความพร้อมสำหรับการเปิดภาคเรียนที่ 2/2564 โดยมีแผนฉีดวัคซีนไฟเซอร์ 2 เข็ม ให้เด็กที่มีอายุ 12-18 ปี ซึ่งจะครอบคลุมนักเรียน นักศึกษา ม.1-6 ประกาศนียบัตรวิชาชีพ หรือ ปวช., ประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง(ปวส.) หรือเทียบเท่า รวมถึงเด็กป.6 ที่มีอายุ 12 ปี
นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยว่าจากการหารือร่วมกันระหว่างกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงมหาดไทย เบื้องต้นมีแนวทางเตรียมความพร้อมสำหรับการเปิดภาคเรียนที่ 2/2564 โดยมีแผนฉีดวัคซีนไฟเซอร์ 2 เข็ม ให้เด็กที่มีอายุ 12-17 ปี 11 เดือน 29 วัน ณ วันที่ฉีด โดยจะอนุโลมให้นักเรียน นักศึกษาที่มีอายุเกิน 17 ปี 11 เดือน 29 วัน ด้วย ซึ่งจะครอบคลุมนักเรียน นักศึกษา ม.1-6, ประกาศนียบัตรวิชาชีพ, ประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง หรือเทียบเท่า รวมถึงเด็กป.6 ที่มีอายุ 12 ปี
น.ส.ตรีนุช กล่าวว่าในเดือนตุลาคมเป็นต้นไปจะเริ่มฉีดวัคซีนให้นักเรียนและนักศึกษาในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด หรือพื้นที่สีแดงเข้ม 29 จังหวัดก่อน แต่ตั้งเป้าหมายให้นักเรียน นักศึกษาทุกคนได้รับวัคซีนไฟเซอร์เข็มที่ 1 อย่างครบถ้วน
รมว.ศธ. เผยว่า ที่ประชุม ศบค. ชุดใหญ่ อนุมัติหลักการให้ฉีดวัคซีนไฟเซอร์ให้เด็กนักเรียน-นักศึกษาทุกสังกัดกว่า 4.5 ล้านคน ในสังกัด
-กระทรวงศึกษาธิการ
-กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)
-องค์กรปกครองสวนท้องถิ่น
-โรงเรียนพระปริยัติธรรม
-โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน
-และกรุงเทพมหานคร
ส่วนการฉีดวัคซีนให้ครูและบุคลากรทางการศึกษา ขณะนี้มีครูได้รับวัคซีนไปแล้วกว่า 70% โดยแผนการจัดสรรวัคซีนในเดือนตุลาคมจะให้สถานศึกษาส่งรายชื่อครูและบุคลากรทางการศึกษาที่ยังไม่ได้รับวัคซีนมาด้วย เพื่อเร่งจัดสรรวัคซีนให้กลุ่มครูด้วย
"ในเรื่องของการให้บุคลากรทางการศึกษาที่ได้ฉีดไปแล้วส่วนหนึ่งตอนนี้กว่า 70% แล้ว ซึ่งในเฟสที่ 2 เป็นช่วงในการที่เราจะต้องมีการเตรียมความพร้อมให้มีการเปิดภาคเรียนที่สอง เพราะเราก็เชื่อมั่นว่าการเรียนรู้ที่ดีที่สุดก็คือการที่เด็กได้ไปเรียนที่โรงเรียนจริง ๆ เพราะฉะนั้นวันนี้นายกรัฐมนตรี กระทรวงสาธารณสุข และทีมแพทย์ ได้มีการเตรียมความพร้อมในเรื่องของการวางแผนที่จะนำวัคซีนเพื่อที่จะลงไปให้กลุ่มเด็กอายุ 12-18 ปี ในกลุ่มแรกก่อน โดยเป็นกลุ่มที่ต้องใช้วัคซีนไฟเซอร์ที่รัฐบาลได้นำเข้ามา ซึ่่งก็ได้มีการวางแผนร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขในเรื่องของความพร้อม ว่าเราจะเป็นการฉีดในรูปแบบ School Best คือลงไปตรง พูดง่าย ๆ ว่าจะมีการจัดวัคซีนให้ไปถึงและรวดเร็วที่สุด" นางสาวตรีนุช กล่าว
สำหรับแผนดำเนินโครงการโรงเรียน Sandbox Safety Zone in School (SSS) ซึ่งเป็นมาตรการสำหรับโรงเรียนประจำ เช่น โรงเรียนศึกษาสงเคราะห์ โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ และโรงเรียนเอกชนที่มีความพร้อม โดยกระทรวงศึกษาธิการจะประสานกับกระทรวงสาธารณสุขในการลงพื้นที่ตรวจโรงเรียนที่จะประสงค์เข้าโครงการว่าเป็นไปตามมาตรการที่วางไว้หรือไม่
เงื่อนไขิการเป็นโรงเรียน SSS ต้องเป็นโรงเรียนประจำ เป็นไปตามความสมัครใจ และผ่านการประเมินความพร้อม โดยต้องแจ้งความประสงค์ผ่านตันสังกัด มีการหารือร่วมกับผู้ปกครองและผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด จัดให้มีสถานแยกกักตัวในโรงเรียน (School Isolation) จัดให้มี Safety Zone ในโรงเรียน รวมถึงมีการติดตามประเมินผลโดยทีมตรวจราชการของกระทรวงศึกษาธิการและกระทรวงสาธารณสุข และมีการรายงานผล ผ่าน MOE COVID และ Thai Stop Covid Plus
ขณะนี้มีสถานศึกษา 15,465 แห่ง ที่อยู่ในเขตพื้นที่สีแดงเข้ม 29 จังหวัด ใน 12 จังหวัด มีสถานศึกษา 1,687 แห่ง อยู่ในเขตพื้นที่ 45 อำเภอปลอดเชื้อ แบ่งเป็นสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ) 1,305 แห่ง สังกัดสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) 111 แห่ง สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการ อาชีวศึกษา (สอศ .) 21 แห่ง และสังกัดสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) 250 แห่ง ซึ่งกระทรวงศึกษธิการจะพิจารณาความพร้อมของสถานศึกษาสำหรับการเปิดภาคเรียนตามบริบทที่เหมาะสม
ขณะที่ นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค เปิดเผยว่าในช่วงรอบปีที่ผ่านมาสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้เกิดผลกระทบค่อนข้างมาก โดยเฉพาะกระทรวงศึกษาธิการที่มีการสั่งให้ปิดโรงเรียนโดยให้เรียนออนไลน์ ซึ่งสร้างผลกระทบต่อเด็กและผู้ปกครองเป็นอย่างมาก โดยนโยบายของนายกรัฐมนตรีจะสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลเพื่อสนับสนุนให้มีการฉีดวัคซีนให้กับเด็กและควบคุมการระบาดโดยสามารถกลับไปใช้ชีวิตได้ตามปกติ ซึ่งทางรัฐบาลได้จัดสรรวัคซีนไฟเซอร์ 30 ล้านโดส ให้เด็กนักเรียน-นักศึกษา และบุคลากรทางการศึกษาต่อไป
https://www.pptvhd36.com/news/%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%A1/156238
อาชีวศึกษา 在 อ้ายจง Facebook 的精選貼文
เจาะลึก "อาชีวศึกษา-การศึกษาสายอาชีพ" 1ในกลไกสำคัญ แก้ความยากจนในจีน และแก้ภาวะเศรษฐกิจ โดยเฉพาะหลังCOVID-19
อาชีวศึกษา 在 Cherprang BNK48 Facebook 的最佳貼文
ใครๆ ก็อยากทำงานดีๆ รายได้งามๆ สวัสดิการแจ่มๆ งานแบบนี้มีอยู่จริง แต่ต้องวางแผนการเรียนให้ถูกทางตั้งแต่การเลือกเรียน...สายอาชีพ!
ซีรีส์เด็กอาชีวะ "วิชาอนาคต" ตัวสุดท้าย เราพามาดูสาขางานปิโตรเคมีที่มีวิธีการสอนไม่เหมือนใคร เป็นสายงานอนาคตไกลที่สวัสดิการดีไม่แพ้รับราชการแต่เงินเดือนเฉลี่ยสูง แถมยังเนื้อหอมเพราะอุตสาหกรรมกำลังขาดคน
#เด็กอาชีวะ #อาชีวศึกษา #ปิโตรเคมี #เทคนิคมาบตาพุด #โอเปอเรเตอร์ #อุตสาหกรรมเคมี #echo #fookingecho