เรารู้สึกสงสารประเทศไทยมาก ๆ เลย เราสงสารยิ่งกว่าสงสารตัวเองที่ต้องอยู่ในสภาพแบบนี้ซะอีก สงสารคนที่ต้องทนอยู่ในสภาพแวดล้อมแบบนี้ ทั้งคนที่รู้ตัวว่าตัวเองและประเทศไทยกำลังเจอกับอะไรอยู่ และคนที่ไม่รู้เลยว่าโลกนี้มันยังมีประเทศที่ดีกว่าบ้านเราเยอะนะ ดีในหลาย ๆ แง่เลย แต่เมืองไทยจะบอกว่าไม่มีอะไรดีเลยมันก็ออกจะเวอร์ไปหน่อย แต่ทำไมเราต้องมามองว่าเราดีแค่นี้ก็พอแล้ว ไม่ต้องไปมากกว่านี้หรอก ไม่ต้องเหมือนคนอื่นหรอก ในเมื่อสิ่งเหล่านั้นเราทำได้ เหมือนคนที่ทำข้อสอบได้ 99 คะแนน แน่ ๆ แต่บอกว่าไม่เอาอะ ไม่เห็นต้องเหมือนคนอื่นเลย ทำเอาแค่ 50 คะแนนก็พอ ทำไมถึงมีคนที่คิดว่าเราไม่พัฒนาอะดีแล้ว คิดยังไงก็คิดไม่ออก ถ้าสามารถมีเงินเดือนได้เดือนละ 4-50,000 บาทได้บ้าง ไม่ดีเหรอ หรือหลาย ๆ อย่าง อย่างเช่น
ไม่อยากมีฟุตบาทดี ๆ เหรอ เนี่ย แบบญี่ปุ่นเนี่ย เดินบนฟุตบาท คนเดินเท้าคือพระเจ้าอะ รถยนตร์หรือรถจักรยานก็ตาม ต้องหลบให้อะ คือกลัวชนคน เพราะถ้าชนละมันจะเรื่องใหญ่ ตอนมาเรียนใหม่ ๆ อาจารย์รู้ว่าเด็กคงจะต้องซื้อจักรยานกัน ที่นี่ต้องทำประกันเลยนะ คือการขับจักรยานชนคนบาดเจ็บที่นี่ไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ เท่าไหร่ เงินเดือนทั้งเดือนอาจไม่พอจะชดใช้เลยนะ ไม่อยากมีกันเหรอหลักประกันชีวิตแบบนี้ ไม่อยากเป็นคนที่ถูกชนแล้วได้รับการชดใช้แม้กระทั่งเงินเดือนที่ต้องเสียไปจากการไปทำงานไม่ได้ อันนี้พูดถึงแค่จักรยานชนนะ ยังไม่ได้พูดถึงความใหญ่ของอุบัติเหตุอื่น ๆ การวิ่งบนฟุตบาท ซ้อมวิ่งอะ ออกกำลังกายอะ ไม่ต้องถ่อไปสวนสาธารณะละเบียดกันเต็มไปหมด จากวิ่งเหลือแค่เดิน เคยไปวิ่งสวนลุมอะ คือแทบจะเหลือที่แค่เดินอะ ญี่ปุ่นหรือไต้หวันคือ วิ่งได้ทั้งเมือง เช้ากลางวัน เย็น ดึกดื่น ปลอดภัย เราวิ่งจากโอซาก้าข้ามไปนาราอะ เจอถนนทุกแบบ ก็วิ่งไปสบาย ๆ ยังมีชีวิตกลับมา ถ้าเป็นเมืองไทยดิ ไม่ได้หรอก เผลอ ๆ โดนเอาไปกินด้วย การเดินผ่านปากซอยอะไรก็ตามที่รถทุกคันต้องหยุดให้อะ คือ เห็นคน 300 เมตรคือเบรครอแล้วอะ ไม่มีใครรีบ ไม่ต้องไปเบียดรถติด เขาก็รอให้เราเดินอะ เราแทบไม่ต้องหยุดเดินเลยถ้าไม่เจอไปแดงข้ามถนน ฟุตบาทที่กว้างแบบคนเดิน จักรยานขี่ก็สบาย ๆ อะ ไม่อยากมีกันเหรอ มีคนวิ่ง มีคนขี่จักรยาน มีคนพิการนั่งรถเข็นไปมา ไม่มีมอไซต์ ไม่มีรถจอด ไม่ได้แผงลอย ไม่อยากมีกันเหรอ ไม่ต้องเดินหลบระเบิดน้ำที่พร้อมจะระเบิดใส่ทุกคน หรือตกหลุมแบบไม่ทันต้องตัว ไม่อยากมีเหรอ
ไม่อยากมีจักรยาน U-bike แบบไต้หวันเหรอ เราเป็นคนที่ขี่ทุกครั้งที่ใช้ชีวิตในไต้หวัน คือขี่กลับบ้านอะ จากสถานีรถไฟฟ้า ทุกวันขาละ 2 โล ไม่ต้องเสียตังค์ต่อแท็กซี่ ต่อวินมอไซต์ที่ผาดโผน ไม่ต้องเบียดบนสองแถวที่เสี่ยงจะร่วงได้ตลอด ไม่ต้องเบียดบนรถกระป้อ รถบนถนนก็ไม่ติด ไม่ดีเหรอ ที่สำคัญมันถูกมาก ขี่ไปถึงไหนก็จอดตรงนี้ มี app เช็คได้ว่าต้องขี่ไปจอดที่ไหน ราคาก็ถูกแบบ ลูกชิ้นไม้นึงอะ ต่อเที่ยวอะ บางเมืองขี่ในเวลาที่กำหนด ขี่ฟรีอะ เราขี่ฟรีกลับบ้านทุกวันเลย มันดีมากเลยการวิ่งหรือการขี่จักรยาน มันได้มองเมือง ได้รู้จักเมืองที่ตัวเองอยู่ ได้เจอร้านอาหารใหม่ ๆ ในซอก ได้ใช้บริการร้านดี ๆ แต่ไม่มีหน้าร้านในทำเลทอง ญี่ปุ่นก็มีแบบไฟฟ้าเลยอะ ขี่สบาย เมืองไทยเหรอโดนสอยไปกี่คนละ จะนักกีฬาระดับจักรวาลก็แพ้รถยนตร์เมืองไทยอะ ถ้าไม่มีฟุตบาทดี ๆ ใครจะกล้าขี่ ถ้าไม่มีกฏหลายคุ้มครองใครจะกล้าขี่ ขี่ไปชนมอไซต์บนฟุตบาทเผลอ ๆ มอไซต์จะต่อยปากเอาด้วย อีกอย่างญี่ปุ่นอากาศร้อนทีร้อนไม่ต่างจากไทย แต่ทำไมทุกคนก็ยังขี่จักรยานได้ เพราะมันสะดวกและประหยัดพอไง มันหักลบกันแล้วมันคุ้มค่ามากกว่าไง
ไม่อยากมีเหรอ รถเมล์ดี ๆ อะ รถเมลที่จอดป้ายตรงเวลาเกือบจะเป้ะทุกรอบ ไม่ต้องรอลุ้นว่าจะสายไหมวันนี้ ไม่ต้องรีบออกไปรอแต่หัววัน ร้อนก็ร้อน มลพิษก็ที่สุด รถเมล์ที่จอดปุบไฮโดรลิคทำงานเอียงราบไปกับฟุตบาท รถเมล์ที่แบบบอกให้ทุกคนอย่ารีบลุกเพราะรถยังจอดไม่สนิท เพราะกลัวใครจะเป็นอะไร รถเมล์ที่มีจอมีเสียงพูดว่าป้ายไหนแล้ว บอกกระทั่งไปต่อขนส่งอะไรได้บ้าง รถไฟฟ้ามากี่โมง มีเวลาเดินนานแค่ไหน ป้ายไหนต่อป้ายไหนได้ จอบอกแบบ 3-4 ภาษาอะ ถ้ามีรถเมล์แบบนี้แบบญี่ปุ่นนะ การท่องเที่ยวเมืองไทย ไม่แพ้ที่ไหนสักที่อะ ด้วยสิ่งที่เรามีเป็นต้นทุน เสนห์ที่ประเทศอื่นหาไม่ได้อะ บวกกับสิ่งอำนวยความสะดวกที่ประเทศเจริญ ๆ เขามาอะ โห ไม่อยากจะคิด รายได้จะมหาศาลแค่ไหน การบริการการท่องเที่ยวไม่มีประเทศไหนสู้เมืองไทยได้หรอกจากใจเลย แต่มาตกม้าตายเรื่องง่าย ๆ รถเมล์ที่แบบนั่งขึ้นเขาอะ ไปเที่ยวธรรมชาติอะ แบบดี ๆ ไม่ใช่เสี่ยงตายแบบเมืองไทย รถเมล์ที่ดีที่คนไม่ต้องมายืนรอเป็นแถวเป็นห่างว่าว จะได้ขึ้นต้องเบียด ๆ กัน อยู่ญี่ปุ่นตั้งนานไม่เคยยืนบนรถเมล์เลย ขนาดโควิดต้องรักษาระยะแล้วนะ
พูดแล้วก็ต้องพูดถึงขนส่ง ไม่อยากมีเมืองที่ทุกคนไม่ต้องการใช้รถเหรอ รถยนตร์อะที่แห่กันซื้อ เป็นหนี้เป็นสินกันอะ เงินใช้ในชีวิตก็ไม่ค่อยจะพอละ ยังต้องผ่อนรถ ไม่มีอยู่ไม่ได้อีก ไอบ้าเอ้ย ถ้าเราสามารถสร้างเมืองที่ไม่จำเป็นต้องมีรถยนตร์ได้ เราไม่ได้ไปเที่ยวฝั่งประเทศที่เจริญ ๆ เยอะหรอก แค่ไต้หวันกับญี่ปุ่นที่ได้อยู่ใช้ชีวิตนอกจากมาเที่ยวกี่วันกลับ แค่สองที่นี่ถ้าเมืองไทยมองเป็นตัวอย่าง ก็พัฒนาทะลุจักรวาลไปละมั้ง รถไฟฟ้าที่ไปได้ทุกที่ที่อยากจะไป สะดวก ไว ตรงเวลา กลายเป็นขับรถเป็นปัญหาของชีวิตที่น่ารำคาญไปดื้อ ๆ อะ ที่จอดรถก็ต้องหา จอดใกล้ ๆ ก็ไม่รู้มีที่จอดหรือเปล่า อะไรแบบเนี่ย ไม่อยากมีกันเหรอกับคนบางคนที่ขวางไปหมด ไม่ฟังอะไรเลย
อากาศอะ ไม่อยากมีเหรออากาศดี ๆ ไม่ต้องดีมากไปขนาดอยู่ในป่าในเขาหรอก แค่ไม่ต้องเป็นภูมิแพ้คันยุบยิบ คัดจมูก นอนพ่นยาทั้งคืน ไม่ต้องไอที่ไอเป็นเดือน ๆ ภูมิแพ้มาทีไม่ต้องทำไรละชีวิต หลังจากได้อยู่ญี่ปุ่น คือ ภูมิแพ้หายอะ อยู่เมืองไทยตั้งแต่เด็กจนโตอะ หาหมอเป็นสิบ ๆ ล้าน แล้วมั้งรวม ๆ ตั้งแต่เกิดอะ ย้ายประเทศทีหายหว่ะ เออ เอากับมันดิ หมอก็ตกงานอะไม่อยากมีกันเหรอ ไม่เข้าใจ เดินไปไหนมาไหนไม่ต้องสูดกลิ่นขยะ กลิ่นแม่น้ำเน่า ๆ น้ำขังเหม็น ๆ หนูวิ่งเล่น แมลงสาบเดินเล่น ขี้หมาเรี่ยราด ไม่ใช่แค่ของหมา ของคนก็มีให้เห็นเนี่ย รักจังเลยความไม่พัฒนาของเมืองไทย ทำไมอะ
เงินเดือนเยอะ ๆ อะ เก็บตังค์ได้ ไปเที่ยวเมืองนอกได้หมด ที่เห็นบางคนคุณภาพชีวิตไม่ค่อยดีอะ เคยไปเที่ยวไหม ลาวอะ พม่าอะ มาเลเซียอะ บางคนไม่เคยไปเลย บางคนกว่าจะเห็นทะเลสักที ก็ไม่รู้กี่ปีครั้ง ทั้งที่บ้านเราทะเลยาวขนาดไหน บางคนไปก็ไปได้แค่หัวหิน พัทยา บางแสน ไม่ใช่ว่าไม่ดี แต่เมืองไทยมีทะเลสวย ๆ ตั้งเยอะ เมืองนอกมีอะไรให้ตื่นตาตื่นใจตั้งเยอะ พอมันเห็นมันก็รู้ว่ามันมี พอมันมีในสมอง มันก็จะมีในชีวิตจริง คนไม่เคยเห็นทะเลจะนึกออกได้ไงว่ากลิ่นทะเลเป็นยังไง เสียงคลื่นมันชโลมจิตใจได้ยังไง แสงแดดที่ส่องมากระทบ มันจะไปรู้ได้ไงวะ เคยถามคนเนปาลผู้ใหญ่ละ ผู้ที่เห็นเทือกเขา 7-8000 เมตรแทบทุกวัน ถามเขาว่าเคยไปทะเลไหม รู้มั้ยทะเลเป็นยังไง เขาบอกเขานึกไม่ออกเลย ก็ใช่ไง มันไม่เคยเห็น มันจะไปรู้ได้ไงว่าดี ภูเขาสำหรับเขาอาจจะที่สุดละ แต่วันนึงถ้าเขาได้เห็นทะเล เขาอาจจะรักทะเลอย่างที่คิดไม่ถึงเลยนะ เขาไม่รู้แม้กระทั่งปูรสชาติเป็นไง ถ้าเราไม่เคยออกไปเห็นเราจะไปรู้ได้ไงว่าโลกนี้มันมีอะไรเยอะแยะแค่ไหน ดูวีดีโอมันก็รู้ได้ มันก็สนุก แต่ถ้าไปเห็นจริง ๆ ละจะเป็นยังไง เราไม่ได้ไปหลากหลายประเทศหรอก แต่แค่ที่เคยเห็นมันก็เยอะมากพอที่จะทำให้ประเทศไทยดีขึ้นเป็นกอง ๆ แล้ว แต่ก่อนเป็นไกด์พานักท่องเที่ยวชาวไต้หวันเที่ยว คิดอยู่อย่างนึงตลอดเวลาที่ทำงานเลย คือ พนักงานเซเว่นซื้อทัวร์มาเที่ยวเมืองไทย คนขับรถเมล์ คนขับรถบรรทุก คนที่ทำงานเหล่านี้ ถ้าพูดกันตรง ๆ ไม่ได้ดูถูกนะ แต่จะมีสักกี่คนที่เป็นคนไทย ที่ทำงานเหล่านี้แล้วออกไปยืนดูประเทศต่าง ๆ กันบ้าง ทำได้เหรอ เคยถามคนขับรถตู้ที่ตัวเราเองคิดว่าเขาก็มีรายได้ที่เยอะนะ แต่มันไม่พอสำหรับการเสียโอกาสออกไปเที่ยว หรือใช้เงินไปในแง่นี้ ทั้ง ๆ อยากเห็นบ้าง อยากรู้บ้างที่อื่นเขาเป็นยังไงกัน มันไม่มีโอกาสแบบนี้อะดิ ทำไมอะ ทำไมเมืองอื่น บ้านอื่นเขาทำได้ ทำไมบ้านเราทำไม่ได้ และยังมีคนคิดว่าไม่เอาอะ
รถติดอีก คนไต้หวันเดินทางมากกว่า 15-30 นาที คือไกลอะ เมืองไทยคือปากซอยอะ เคยเดินทางจากไทเปไปไทจงอะ วันเดียวไปกลับ คนไต้หวันแบบโห เหนื่อยนะ รถไฟความสูงมั้ยอะ จะได้สบาย ๆ ก็จะตอบเหมือนเดิมทุกครั้งว่า กรุงเทพอะ จากบ้านเข้าเมืองระยะสัก 30 โล ก็สอง ชม อย่างต่ำอยู่แล้ว เดินทางไปทำงานก็อย่างต่ำสอง ชม อยู่แล้วคนกรุงเทพ ไทเปไทจงไปกลับสี่ ชม เอง นั่งรถไปกินข้าวสักมื้อยังชิวอะ ทั้งชิวและชิน ทำไมอะ ทำไมเราต้องอยู่แบบฝนตกแล้วจากสองจะกลายเป็นสี่ ห้า หก ชม ในระยะทางแบบกี่สิบโลอะ มีคนมากมายคำนวนในดูแล้วว่าคนไทย คนกรุงเทพเสียเวลาชีวิตบนรถไปเท่าไหร่ ต้องงีบบนรถ เพราะยังไงก็ตื่นทันไฟแดง ต้องกินข้าวบนรถ เปลี่ยนเสื้อผ้า ทำงาน อ่านหนังสือ มีแค่อาบน้ำเท่านั้นแหละที่น่าจะยังไม่มีใครทำได้ หรืออาจจะมีแล้วก็ไม่รู้
เหนื่อยแล้วอะ แค่ไม่กี่เรื่องเอง ไม่อยากเขียนต่อไปละ แต่ที่พูดมาทั้งหมด เพราะอยากพัฒนาจริง ๆ คือ ก็ไม่รู้จะอวยอะไรเมืองไทย คือคนไทยด้วยกันเรารู้แหละ เมืองไทยมีไรดี รักษามันไว้ แล้วเอาเรื่องแย่ ๆ ออกมาคุยกัน ทำให้มันดี มันดีกว่าไม่ใช่เหรอ จะเรื่องแย่ ๆ ที่แย่กันมานานแล้ว หรือเรื่องในอดีต จะอะไรก็แล้วแต่ น่าจะเลิกเอามาพูด เอามาเทียบ ว่าก็อยู่กันมาได้ ก็อยู่ได้แหละ แต่เห้ย มันดีกว่านี้ได้ บ้านหลังคารั่วเนี่ย ไม่ซ่อมเหรอ ประตูพัง ไม่เปลี่ยนเหรอ ไม่เอาเลยเหรอ เพราะพ่อแม่เหลือประตูบานนี้ไว้ให้ ก็เลยไม่เปลี่ยนเหรอ ถ้างั้นจะเรียนหนังสือกันทำไม จะมีโรงงานผลิตนวัตกรรมทำไมอะ ทำใช้เน็ตกันทำไมอะ ในเมื่อจดหมายมันก็ดีอยู่แล้วอะ คนต้องเดินไปข้างหน้าอะไม่ใช่เหรอ อยากแชร์ความคิดมากกว่านี้อีกนะ ไม่ได้เพราะเก่งนะ แต่เพราะตัวเราก็เห็นมาบ้าง ก็เข้าใจมาบ้าง ในฐานะที่ตัวเองก็ต้องทำหน้าที่แนะนำเมืองไทยในอาชีพ ในฐานะที่รู้จักคนต่างชาติบ้าง บางอย่างที่น่าอายที่เขาอยากรู้ ก็ต้องเล่าให้มันตลก หาข้ออ้างให้ได้ พูดออกไปให้ตัวเองไม่รู้สักอายให้ได้ มันต้องขนาดนั้นเลยเหรอ ก็มีใครไหมละ เพื่อนถามที่บ้านเป็นไง โห โคตรแย่เลยหว่ะ พ่อแม่ทะเลาะกัน ประตูก็เสีย น้ำรั่ว ท่อแตก แล้วทำไมไม่ซ่อมอะ มันเท่อะ พ่อแม่เหลือไว้ ดูคูลดี เจ๋งออก บ้านพัง ๆ จะมีคนพูดแบบนี้เหรอ แล้วก็ภูมิใจ บ้านตัวเองพังเละเทะ จริง ๆ ทุกอย่างเชื่อมโยงกันหมดแหละ ถ้าคิดดี ๆ แค่จะคิดกันหรือเปล่า อยากกินของอร่อยมั้ยละ อยากทุกคน มันก็เรื่องเดียวกัน อยากกินก็ต้องหา ถ้าเกิดอยู่ในเมืองที่มันไม่มีก็ต้องสร้างมันขึ้นมา ทุกอย่างที่พูดมาก็เหมือนกันอะ อยากกินของอร่อยกับอยากขึ้นรถเมล์ดี ๆ ก็เรื่องเดียวกันอะ อยากให้ชีวิตดีขึ้น ไม่ใช่เหรอ ไม่ใช่ว่าบ้านมีรถ รถเมล์ก็ไม่ใช่เรื่องของเรา เห้ย ตื่นหน่อย มันมีประเทศที่เขาคิดว่ารถยนตร์อะสิ้นเปลือง นับเป็นปัจจัยสี่ในชีวิตไม่ได้เลย เพราะเขามีสิ่งที่ดีกว่า อย่าลืมนะ หลาย ๆ อย่างมันมีสิ่งที่ดีกว่าเสมอ เสมอจริง ๆ ใครจะมาเล่นมุกคนรักที่ดีอาจจะมีคนเดียวไม่ได้นะ เพราะคนรักก็ยังสามารถพัฒนาตัวเองให้เป็นคนที่ดีขึ้นเพื่อคนอื่นอีกนะ เออ มันมีดีกว่าเสมอนะ จริง ๆ คิดดี ๆ ต่อให้เราคิดว่าเราดีแค่ไหน เรายังดีได้อีกนะ เราทำได้จริง ๆ นะเว้ย จริง ๆ ถ้าญี่ปุ่นมีทำไมคนไทยมีไม่ได้ ทำไมเขาทำให้คนไทยอยากไปอยู่ อยากไปเที่ยวได้ เราก็น่าจะทำให้ประเทศเรามีคนอยากมาเที่ยว อยากมาอยู่บ้างดิ แต่ไม่ใช่แบบอยากมาอยู่เพราะมีเงินแล้วทำได้ทุกอย่างนะ ได้ยินบ่อยมาก จะย้ายไปเมืองไทยเพราะมีเงินทำได้ทุกอย่าง ไม่เอานะ จบแค่นี้แหละ บาย
#อยากได้ประเทศไทยที่ดี
Search