Search
เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา เมื่อเข้าใจจะรู้ เมื่อเข้าถึงจะรัก เมื่อพัฒนาจะสามัคคี ก่อเกิดเป็น รู้ รัก สามัคคี
ชุมชนโหล่งขอด อ.พร้าว จ. เชียงใหม่ จากแห้งแล้งและขัดแย้งกัน วันนี้กลับมีแต่ความอุดมสมบูรณ์และความรักสามัคคี เป็นที่สถานที่ที่น่ามาเที่ยวมากเป็นดินแดนแห่งพระอรหันต์ ธรรมชาติสวยงาม อากาศบริสุทธิ์
ข่าวดี! สำหรับครูอาจารย์ทั่วประเทศไทย เที่ยวฟรี อบรมฟรี
รับหนังสือฟรี กับโครงการตามรอยพระราชา
“ทิพยสืบสาน รักษา ต่อยอด นวัตกรรมศาสตร์พระราชา ครั้งที่ 7 ณ โครงการอนุรักษ์ป่าสงวนแห่งชาติกุยบุรี อันเนื่องมาจากพระราชดำริ อำเภอกุยบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
วันเสาร์ที่ 11 – วันอาทิตย์ที่ 12 กรกฎาคม 2563 (2 วัน 1 คืน)
* เรียนรู้และซึมซับต้นกำเนิดแนวคิด ‘ขาดทุนคือกำไร’ และการปลูกป่าในใจคน
* ปล่อยปลาถวายเป็นพระราชกุศล ในอ่างเก็บน้ำในพระราชดำริ
* แหล่งดูช้างและกระทิงที่ดีที่สุดของเอเชีย
* กราบหลวงปู่พระอุปคุตที่ศักดิ์สิทธิ์ และเป็นพระประจำจังหวัดประจวบคีรีขันธ์
ร่วมกิจกรรมที่สอดแทรกคุณธรรม 4 ประการ คือ พอเพียง วินัย สุจริต จิตอาสา ซึ่งเป็นพระอัจฉริยภาพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ที่ก่อกำเนิดโครงการในพระราชดำริกว่า 4,741โครงการ ตลอดรัชกาล 70 ปี
จัดโดยศูนย์คุณธรรม (องค์การมหาชน) มูลนิธิประเทศไทยใสสะอาด สำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ (องค์การมหาชน) กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) และมูลนิธิธรรมดี โดยได้รับการสนับสนุนจาก บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน)
จุดประสงค์เพื่อต้องการสร้างแรงบันดาลใจให้เหล่าคณาจารย์ผู้เป็นแม่พิมพ์ของชาติ ได้ซึมซับและสานต่อพระราชปณิธาน เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา ต่อยอด “ศาสตร์พระราชา” พร้อมร่วมกันถ่ายทอดนวัตกรรมการเรียนรู้ให้กับเยาวชนในศตวรรษที่ 21
ร่วมเรียนรู้ต้นแบบแนวคิด “ขาดทุนคือกำไร” กับวิถีเศรษฐกิจพอเพียง ของคนในชุมชนอำเภอกุยบุรี ผ่านกิจกรรมต่างๆ เช่น การแปรรูปผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่ในท้องถิ่น โดยการนำสัปปะรด มาผลิตเป็นกระดาษใบสับปะรด ซึ่งได้รับการจดทะเบียนเป็นสินค้า OTOP ปี 2559 เป็นสินค้าที่สร้างรายได้ให้กับชุมชน
มอบถุงยังชีพ กองบุญ “ธรรมดีด้วยใจ ต้านภัยโควิด” ให้กับครอบครัวจาก 3 หมู่บ้าน และมอบหนังสือมรดกแห่งแผ่นดิน จากโครงการปันความรู้สู่สังคมให้กับโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนบ้านย่านซื่อ และโรงเรียนบ้านรวมไทย พร้อมทั้งร่วมกิจกรรมการสร้างฝายชะลอน้ำ เป็นการอนุรักษ์พื้นที่ป่าไม้ให้คงความอุดมสมบูรณ์
กิจกรรมสุดพิเศษกับการถอดพระอัจฉริยภาพผ่าน Board Game
ครูอาจารย์ สามารถลงทะเบียนร่วมกิจกรรมดังกล่าว โดยไม่มีค่าใช้จ่าย (จำนวนจำกัด 30 ท่าน) ผ่านทางเว็บไซต์ https://bit.ly/3cXLkeo พร้อมทั้งดูรายละเอียดการเดินทางและชมภาพบรรยากาศโครงการครั้งที่ผ่านมา
สอบถามข้อมูล คุณจันทร์จิรา
โทร. 086 416 8823
บุคคลทั่วไปที่ประสงค์ร่วมเดินทาง
กรุณาติดต่อสอบถามได้ที่คุณนก 0929561145 โดยมีค่าใช้จ่าย
Facebook มูลนิธิธรรมดี
Official Line
https://bit.ly/2VaWeV1
เป็นบทความที่ดีมาก อ่านแล้วนึกถึงคลิปนึงที่นักข่าวต่างประเทศมาสัมภาษณ์ในหลวง ร.9 สมัยที่มีปัญหาคอมมิวนิสต์ในประเทศเราและประเทศเพื่อนบ้าน ในหลวงท่านเสด็จไปให้ขวัญและกำลังใจประชาชน และ จนท ที่กำลังสร้างเขื่อน นักข่าวต่างประเทศก็สัมภาษณ์ท่านว่า ท่านคิดว่าจะชนะการต่อสู้ในครั้งนี้หรือไม่ ในหลวง ร.9 ทรงถามนักข่าวว่า ต่อสู้กับใคร? นักข่าวตอบว่า กับคอมมิวนิสต์
ในหลวงท่านตอบว่า ไม่รู้สิ แต่เราชนะความอดอยากหิวโหย นี่คือสิ่งที่เราต่อสู้ เราไม่ได้ต่อสู้กับประชาชน เราปรารถนาให้ประชาชนมีชีวิตที่ดีขึ้น ถ้าประชาชนมีชีวิตที่ดีขึ้น ฝ่ายที่ท่านเรียกว่าคอมมิวนิสต์ก็จะมีชีวิตที่ดีขึ้นด้วยเช่นกัน ทุกคนต่างๆก็จะมีความสุข
จากกรณีที่มีการเผยแพร่บทความในเชิงแบ่งแยกเชื้อชาติ โดยมีการอ้างอิงชาวม้งและชาวมุสลิมว่ามาแย่งที่ดินและแย่งทำกินในประเทศไทยนั้น
TAF ไม่เห็นด้วยกับบทความดังกล่าว ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้
ถ้าจะมีใครสักคนที่เข้าใจถึงความหลากหลายของชาติพันธุ์ไทย ผู้นั้นก็คือพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร หรือ #ในหลวงรัชกาลที่9
#ชาวม้ง เป็นกลุ่มชาติพันธุ์ที่อาศัยอยู่ในประเทศจีนตอนใต้ แต่ถูกทางการจีนปราบปรามจนต้องอพยพหนีลงมาทางใต้ของจีน เมียนมาร์ ลาว และภาคเหนือของไทย และยึดถืออาชีพทำไร่เป็นส่วนมาก และในช่วงนั้นเนื่องจากไม่มีความรู้และไม่มีช่องทางในการทำมาหากิน ชาวม้งจึงปลูก #ฝิ่น เป็นจำนวนมาก รวมถึงเมือครั้งที่ประเทศไทยยังประสบกับภัยคุกคามจากลัทธิ #คอมมิวนิสต์ ที่เผยแพร่ในพื้นที่ชนบท ชาวม้งก็เป็นอีกกลุ่มหนึ่งที่พรรคคอมมิวนิสต์มาเผยแพร่แนวคิดจนมีแนวร่วมเป็นจำนวนมาก
เมื่อครั้งในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงเสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมเยียนราษฎรที่พื้นที่ภาคเหนือเมื่อหลายสิบปีท่าน ทรงพบว่าชาวม้งแทบทั้งหมดไม่มีสัญชาติไทย ทำให้เวลาไปไหนก็ถูกตรวจสอบและหลายครั้งถูกกลั่นแกล้งโดยข้าราชการและเจ้าหน้าที่รัฐ รวมถึงยังไม่มีความรู้ในการทำเกษตรสมัยใหม่ พระองค์จึงทรงพระราชทาน #สัญชาติไทย ให้กับชาว #ม้ง โดยเฉพาะในเหตุการณ์ที่อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อปี 2525 ที่พระองค์ทรงเสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมราษฎรม้ง และทรงชักชวนให้ชาวม้งเลิกปลูกฝิ่น หันมาทำเกษตรเช่น ปลูกกะหล่ำปลี กาแฟ มันฝรั่ง โดยได้ทรงพระราชทานพันธุ์พืชและรับสั่งให้ทางการให้ความรู้ในการทำเกษตร
แม้ว่าจะเป็นการยากในช่วงแรกเนื่องจากชาวม้งไม่แน่ใจว่าการทำเกษตรจะดีกว่าการปลูกฝิ่นหรือไม่ แต่เมื่อเวลาผ่านไป การปลูกกะหล่ำปลี กาแฟ มันฝรั่ง หรือพืชเมืองหนาวต่าง ๆ กลับให้ผลตอบแทนดีกว่าการปลูกฝิ่นเสียอีก ชาวม้งและชาวเขาเผ่าต่าง ๆ จึงเลิกปลูกฝิ่น หันมาทำเกษตรจนมีชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้น ทั้งยังทรงพระราชทานเหรียญพระบรมฉายาลักษณ์ ตลอดจนพระราชทานสัญชาติไทย ให้ชาวม้งทุกคนเป็นคนไทย ซึ่งต้องได้รับการคุ้มครองจากกฎหมายไทยเท่าเทียมกับคนไทยทุกคน ทำให้เงื่อนไขความอยุติธรรมลดลงจนชาวเขาต่าง ๆ เปลี่ยนมาร่วมมือกับทางราชการ และการพัฒนาเกษตรพื้นที่สูงเพื่อทดแทนการปลูกฝิ่นก็กลายเป็นโครงการตัวอย่างระดับโลกที่แสดงให้เห็นถึงต่อสู้กับยาเสพติดอย่างยั่งยืนกว่าการใช้กำลังกองทัพเข้าปราบปราม ปัจจุบันวัฒนธรรมของชาวเขาเผ่าต่าง ๆ เป็นจุดขายด้านการท่องเที่ยวที่ช่วยสร้างรายได้ให้กับประชาชนในเขตภาคเหนือเป็นจำนวนมาก
เช่นเดียวกับชาว #มุุสลิม ในพื้นที่ภาคใต้ ที่มักได้รับความไม่เป็นธรรมจากเจ้าหน้าที่รัฐมาเป็นเวลานาน จนมีเหตุก่อความไม่สงบหลายครั้ง แต่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ก็ยังทรงให้การดูแลพสกนิกรของพระองค์โดยไม่แบ่งแยกเชื้อชาติและศาสนา ทรงทำนุบำรุงศาสนาอิสลามและวิถีชีวิตของชาวมุสลิมในพื้นที่ ทรงพระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์ในการปรับปรุงมัสยิดกลางปัตตานี และมีโครงการพระราชดำริหลายร้อยโครงการที่มุ่งปรับปรุงและพัฒนาวิถีชิวิตของชาวบ้านในพื้นที่ อีกทั้งยังทรงเสด็จแปรพระราชฐาน ณ #พระตำหนักทักษิณราชนิเวศน์ อยู่บ่อยครั้ง
เมื่อเหตุการณ์ก่อความไม่สงบทวีความรุนแรงขึ้นเมื่อเกือบ 20 ปีก่อน ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงพระราชทานแนวพระราชดำริ เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา เพื่อเป็นแนวทางที่ยั่งยืนในการแก้ไขปัญหาการก่อความไม่สงบ ที่มุ่งเน้นการขจัดเงื่อนไขของการก่อเหตุ การพัฒนาคุณภาพชีวิตของชาวบ้าน ตลอดจนการยอมรับความแตกต่างทางศาสนา วัฒนธรรม และประเพณี ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลา แต่จากสถิติก็แสดงให้เห็นชัดเจนว่า ตลอด 5 ปีหลังมานี้ การก่อเหตุรุนแรงลดลงอย่างต่อเนื่อง ถือเป็นเครื่องยืนยันถึงความสำเร็จของแนวพระราชดำรินี้เป็นอย่างดี
ประเทศไทยประกอบด้วยคนหลายเชื้อชาติ หลายศาสนา หลายชาติพันธุ์ แต่ความแตกต่างเหล่านั้นถูกหล่อหลอมรวมกันด้วยพระมหากษัตริย์ไทยที่ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณกับคนทุกศาสนาและเชื้อชาติ สภาพสังคมและวัฒนธรรมไทยที่เปิดรับความหลากหลาย เพราะคนไทยที่แท้จริงไม่ใช่คนไทยที่ต้องแต่งตัวแบบนี้ หน้าตาแบบนี้ เชื้อชาติแบบนี้ หากแต่คนไทยคือผู้ที่อาศัยอยู่ในแผ่นดินไทยทุกคน สมควรที่คนไทย โดยเฉพาะข้าราชการจะต้องตระหนักในใจความสำคัญนี้ และน้อมนำแนวพระราชดำริของในหลวงรัชกาลที่ 9 และรัชกาลที่ 10 ที่ทรงให้ดูแลประชาชนทุกคนในผืนแผ่นดินไทยอย่างเท่าเทียม โดยไม่แบ่งแยกเชื้อชาติและศาสนา
และก็คงไม่เป็นการสมควรหากจะมีใครพยายามแบ่งแยกคนไทยออกจากกันด้วยเหตุผลเพียงแค่เชื้อชาติและศาสนาที่ต่างกันครับ/TAF
"เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา" ศาสตร์ของพระราชาเพื่อการพัฒนาชุมชน บทเรียนรู้จากโครงการถอดบทเรียนกระบวนการจัดการองค์ค วามรู้และสร้างชุมชนแห่งการเรียนรู้เพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยื ... <看更多>
นับแต่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงขึ้นครองราชย์ เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2489 พระองค์ทรงดำรงไว้ซึ่ง ... ... <看更多>
เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา 在 ศูนย์ประชาสัมพันธ์ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ... 的推薦與評價
หลักการทรงงาน "เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา" เป็นหัวใจสำคัญที่พระองค์ทรงใช้ในงานด้านการพัฒนาประเท ศ โดยเฉพาะในชุมชนที่อยู่ห่างไกลความเจริญ . ... <看更多>