วานนี้มีเรื่องเล่า👇👇
เมื่อวานช่วงหัวค่ำพาลูกไปในเมือง ซึ่งมีการจัดงานเนื่องในเทศกาลวันคริสมาสต์เหมือนทุกๆ ปี โอมาโอปา (ทวดๆ) ก็ไปด้วย
ไปถึงงาน คนก็เยอะ เด็กก็แยะ มีการแสดงนิทานจากนักแสดง Theater เมื่อวานไปทันเรื่อง หนูน้อยหมวกแดงพอดี ซุ้มนี้ได้รับความสนใจจากเด็กๆ มาก เอ็มม่าเข้าไปไม่ถึงด้านหน้าเวที ก็ขี่คอป่ะป๊าดูเอา
การแสดงจบ ก็พากันเดินเล่นในงานไปเรื่อยๆ จนมาถึงหน้าธนาคารซึ่งอยู่ในสถานที่จัดงานพอดี ที่หน้าธนาคาร เห็นผู้หญิงเข็นรถเข็นเด็กมาจอดไว้แล้วก็เดินเข้าไปทำธุระในธนาคาร (คงกดตังค์เพราะธนาคารปิดวันเสาร์) เห็นอย่างนั้นทวดผู้ชายก็ เดินไปดูในรถเข็นเห็นเด็กผู้หญิงอายุไล่เลี่ยเอ็มม่า ดูดจุกหลอกอยู่ ทวดบอกให้พวกเรายืนเฝ้าเด็กไว้ตรงนี้ แล้วแกก็ปรี่ขึ้นธนาคารตรงไปที่ผู้หญิงคนนั้น คุยแป๊ปเดียวก็ออกมา จนสักพักผู้หญิงคนนั้นก็รีบออกมาแล้วบอก ขอบคุณพวกเรา แล้วก็เข็นเด็กไป
ทวดเล่าให้ฟังว่า แกขึ้นไปถามผู้หญิงคนนั้นว่า "เด็กในรถเข็นเป็นลูกคุณใช่หรือเปล่า?" ผู้หญิงตอบว่า ใช่ค่ะ แล้วทวดก็บอกว่า "ถ้าอย่างนั้น คุณทำธุระของคุณตรงนี้ให้เสร็จ เราจะเฝ้าเด็กไว้ให้ด้านล่าง เราไม่รู้จักกันเป็นการส่วนตัวแต่เรามีเหลนอายุเท่ากับลูกของคุณ เรารู้ดีว่าถ้าลูกหลานหรือเหลนของเราถูกลักพาตัวไป มันจะรู้สึกยังไง"
#ไม่ใช่มีแต่ในบ้านเราที่เกิดเหตุการณ์การลักพาตัวเด็ก ในต่างประเทศก็มีเหตุการณ์ทำนองเดียวกันนี้เกิดขึ้นถึงจะไม่บ่อย แต่ทุกครั้งที่เกิดขึ้น ทุกครั้งที่ได้ฟังข่าว มันก็หดหู่อดเจ็บปวดแทนคนเป็นพ่อเป็นแม่เหมือนกันไม่ได้ ยิ่งเด็กช่วงวัย 1ขวบครึ่งถึง 3 ขวบ ช่วงที่ยังพูดไม่เก่ง ช่วงกำลังหัดพูด ยิ่งมีบันทึกเด็กหายบ่อย เพราะน้องยังเล็กไม่สามารถบอกที่อยู่ชื่อพ่อแม่ได้ชัดเจน ช่วงเวลาเสี้ยวนาทีก็อาจพรากแก้วตาดวงใจไปจากเราไปตลอดชีวิต ต้องระวัง!
#เพราะสายตาของคนระวังไม่ทันสายตาคนที่จ้องจะพราก
Search