ไลฟ์โค้ชของผม (ยาวหน่อยแต่คุ้มที่จะอ่านนะครับ)
My basic life principles
หลังจากเฝ้ามอง ติดตาม และพยายามหาเหตุผล
ถึงความจำเป็นของการมีอยู่ของอาชีพ "#ไลฟ์โค้ช"
ที่ในช่วง 3-4 ปี ที่ผ่านมาเป็นที่นิยมโด่งดังและทำให้หลายคนร่ำรวยเป็นกอบเป็นกำ (จนตอนนี้กลายเป็นประเด็นดราม่า) ว่ามันคืออะไรกันแน่
และในช่วงชีวิตของผมเอง...
แม้ในยามที่อ่อนแอ เปราะบาง
และทรมานกับบางอย่างถึงที่สุด
ผมเคยต้องการผู้นำทางในชีวิต หรือโค้ชเหล่านั้นรึเปล่า?
คำตอบที่ได้ในห้วงคำนึงของความคิดที่ซับซ้อนแต่ผ่านการกลั่นกรองอย่างจริงใจ ไร้อคติ
และเต็มไปด้วยความเคารพต่อทุกคน ก็คือ...
ผมอาจต้องการเพื่อน ต้องการสังคม ต้องการครอบครัวที่อบอุ่น ต้องการการยอมรับ หรืออาจต้องการเงิน
แต่ผมไม่เคยต้องการคนมาชี้นำ หรือแนะนำเลยว่าผมควรทำยังไงดีในเรื่องต่างๆถึงจะผ่านมันไปได้ ผมไม่เคยต้องการโค้ชชีวิต!
(แต่ต้องการโค้ชกีฬาและอาจารย์ในด้านอื่นๆนะ)
แน่นอนว่าคนเราไม่เหมือนกัน แข็งแกร่ง และปรับตัวหรือรับมือกับปัญหาได้ไม่เท่ากัน ดังนั้นประสบการณ์ชีวิตของผมจึงไม่สามารถไปตัดสินได้ว่าอะไรดี อะไรไม่ดี อะไรควรมี อะไรไม่จำเป็น
แต่สิ่งนึงที่ผมสามารถพูดได้ก็คือ
จริงๆแล้วเรามีฟรีไลฟ์โค้ช หรือผู้นำทางชีวิตที่เป็นแบบอย่างที่ดี ที่น่าสนใจ น่าเรียนรู้หรือลองทำตามได้ โดยไม่ต้องเสียเงินเลยสักแดงเดียว อยู่มากมายในโลกใบนี้ และบางทีเค้าอาจจะอยู่รอบๆตัวเรา อยู่ในภาพยนตร์บางเรื่อง หรืออยู่ในหนังสือบางเล่ม ที่เราไม่เคยเปิดอ่าน หรือเคยอ่าน แต่ไม่ได้ตั้งใจฟังหรือทำความเข้าใจตัวหนังสือข้างในนั้นเพียงพอ
สำหรับผม ผมอ่านหนังสือมาไม่มากในชีวิต แต่ถ้าจะมีหนังสือสักเล่มที่ผมจะแนะนำให้ใครสักคนที่กำลังตามหาที่พึ่งพาทางจิตใจ
หรือหลักการในดำเนินชีวิตที่เข้มแข็ง
ผมจะแนะนำ หนังสือที่ผมค่อนข้างมั่นใจว่าไม่ปรุงแต่ง ไม่หลอกลวง
.
หนังสือที่อาจเรียกได้ว่าเป็น Basic principles ในชีวิตของผมจริงๆ
หนังสือที่ผมเคยอ่านเมื่อ 11 ปีก่อนตอนที่หัวใจบอบช้ำที่สุด หนังสือที่ตอนนี้ผมกำลังจะอ่านมันอีกครั้ง......
.
.
.
เรื่องราวที่ทำให้ผมร้องไห้ พ่อในแบบที่ผมอยากจะเป็น
ไลฟ์โค้ชที่น่ายกย่องและจริงใจที่สุด
.
เรื่องของ แรนดี้ เพาซ์
.
เค้าเป็นนักปาฐกถา อาจารย์ในมหาวิทยาลัย
ศาสตราจารย์ด้านวิทยาการคอมพิวเตอร์ วิศวกร นักกีฬา
สามีและคุณพ่อที่น่ายกย่อง
.
.
แรนดี้ เพาซ์ (Randy Pausch)
อาจารย์แห่งมหาวิทยาลัย คาเนกี้ เมลลอน
ผู้เขียนหนังสือที่ว่ากันว่ามีผู้คนอ่านมากกว่า 20 ล้านคนทั่วโลก
และในจำนวนนั้นผู้คนมากมายยังคงขอบคุณในเนื้อหาสิ่งที่เค้าบอกเล่าทิ้งไว้
.
ว่ากันว่า เค้าเขียนมันขึ้นเพื่อใช้ย้ำเตือนและสอนลูกศิษย์ของเค้าหลังจากที่รู้ว่าตัวเองกำลังจะตายจากเนื้องอกที่กลายเป็นมะเร็งในตับอ่อน
.
ว่ากันว่ามันคือของขวัญชิ้นสำคัญที่มีค่าที่สุดที่เค้าตั้งใจทิ้งไว้ให้ลูกๆทั้งสาม ที่เค้ารักมากที่สุด
.
The Last Lecture #เลคเชอร์ครั้งสุดท้าย
สรุปบทเรียนจากเลคเชอร์ที่ดีสุด ที่ผมไม่ได้มีโอกาสเข้าเรียน
แต่อ่านมาจากคนที่สรุปได้ดีมากๆมาอีกที
.
ผมขออนุญาตคัดลอกเลคเชอร์นะครับ (และยินดีให้ลอกต่อ)
ส่วนเรื่องราวแบบเต็มๆไปหาอ่านเอาเองนะครับ
มันเรียบง่ายแต่สวยงาม ซาบซึ้งและดีมากๆเลย 🙂
.
1. เราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงไพ่ชีวิตในมือที่เรารับมาได้
แต่เราสามารถปรับเปลี่ยนแผน และวิธีเล่นให้เข้ากับสถานการณ์ต่างๆ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดในสถานการณ์นั้นๆได้
คนที่ประสบความสำเร็จ คือคนที่รับรู้ จดจำ และยอมรับการเปลี่ยนแปลง จนสามารถหาวิธีรับมือกับเหตุการณ์ต่างๆเหล่านั้นได้ดี
.
2. ปัญหา ก็เหมือนกำแพงอิฐ มันคือเครื่องพิสูจน์ว่าเราต้องการสิ่งๆนั้นมากแค่ไหน มันจะปรากฏ มันจะอยู่ตรงนั้นเสมอ ด้วยเหตุผล
เพื่อให้เราพิสูจน์ เพื่อให้เรากล้าที่จะต่อสู้ ฝ่าฟันและปีนไปข้างหน้า
.
3. การถูกวิจารณ์ คือสิ่งที่ดีที่สุดที่เกิดขึ้นกับคุณ มันหมายความว่ามีคนที่ยังแคร์ ยังเห็นความสำคัญ ยังอยากเห็นคุณเก่งขึ้น ดีขึ้นได้อีก
.
4. "ผู้คน" สำคัญกว่าสิ่งของเสมอ จงเลือกให้ความสำคัญให้ถูกจุด ถูกเวลา และถูกคน
.
5. พูดความจริง อย่างจริงใจ รีบขอโทษเมื่อทำผิด รู้จักให้ความสำคัญกับคนอื่นมากกว่าตัวเองบ้าง
.
6. การขอโทษที่ดี 3 ขั้นตอน
1) ผมขอโทษนะครับ
2) ผมผิดเอง
3) ผมจะทำยังไงเพื่อแก้ไขให้มันถูกต้องหรือดีขึ้น ผมจะทำทันที
.
7. จงกตัญญู รู้คุณ ความกตัญญูทรงพลังมากกว่าที่คุณคิด
.
8. คุณจะไม่ได้ทุกอย่าง และจะไม่ชนะเสมอไป และเมื่อคุณแพ้ สิ่งที่คุณได้คืนมาคือ “ประสบการณ์”
.
9. หยุดเอาแต่บ่น แล้วเอาเวลามาทำบางอย่าง หรือทำงานให้หนักขึ้น
.
10. เมื่อต้องเลือก จงเลือกทำสิ่งที่ถูกต้อง “เสมอ”
.
11. ฝันให้ใหญ่ ฝันให้ไกล ฝันอย่างไร้ความกลัว และพยายามฝันให้เจาะจง เพื่อจะได้รู้ว่าจะต้องทำอย่างไร ไม่ให้มันเป็นเพียงแค่ความฝัน
.
จงทำความฝันอย่างน้อย 1 อย่างให้เป็นความจริงให้ได้.....
จงผจญภัยไปกับชีวิตในวิถีทางและแบบฉบับของตัวเอง...
จงเป็นคนที่มีความสุขและรู้จักแบ่งปันความสุขให้ผู้อื่น
.
ศาสตราจารย์ แรนดี้ เพาซ์ เสียชีวิตหลังจากการบรรยายครั้งสุดท้าย 11 เดือน (July, 2008)
.
หนังสือ “เลคเชอร์ครั้งสุดท้าย” ถูกแปลเป็นภาษาต่างๆมากกว่า 48 ภาษาทั่วโลก แค่ในอเมริกาอย่างเดียว หนังสือเล่มนี้ก็ถูกสั่งซื้อมากกว่า 5 ล้านครั้งในปีแรก
.
ผมไม่ทราบว่าฉบับภาษาไทย มันถูกตีพิมพ์เป็นรอบที่เท่าไหร่แล้ว ผมรู้แต่ว่า ผมอ่านรอบแรก ผมร้องไห้ อ่านรอบที่สองก็ยังร้องไห้ และขณะที่กำลังพิมพ์ บทความนี้ ผมก็น้ำตาไหล ขอบคุณไลฟ์โค้ชที่ยอดเยี่ยม ที่ช่วยขัดเกลาตัวตนของผมตลอดระยะเวลา 11 ปีที่ผ่านมา
ไลฟ์โค้ชราคา 175 บาท เท่านั้นเอง
.
ขอบคุณ คุณเพาซ์ครับ.................
#the_last_lecture
#peoplepersona
#randypausch
Search