13 พฤษภาคม 2019 เป็นวันที่ผมเริ่มสร้างเพจสมองไหล แต่มาลงบทความแบบสม่ำเสมอจริงๆ ก็ช่วงเดือนกันยายน เพราะตอนนั้นผมให้ความสำคัญกับใน Blockdit เสียมากกว่า
.
จนปัจจุบันเพจสมองไหลมีอายุประมาณ 2 ปี กับผลลัพธ์ที่ได้คือ การมีผู้ติดตามมากกว่า 500,000 คน รวมทุกช่องทาง และสามารถทำเงินจากเพจได้สูงสุด 5 ล้านบาท ภายใน 1 ปี (เริ่มทำเงินในปีที่ 2) ทั้งจากการขายหนังสือ สปอนเซอร์ พาร์ทเนอร์ทางธุรกิจ และ ด้านการศึกษา
.
ทั้งนี้ผมต้องถือโอกาสขอบคุณแฟนเพจทุกท่าน ที่สนับสนุนผมจนถึงวันนี้ เพราะถ้าไม่มีคุณ ก็ไม่มีผมวันนี้เช่นกัน คุณคือ คนที่ผม “นึกถึง” ก่อน “ลูกค้า” เสมอ...
.
“ถ้าเราทำคอนเทนต์ดี เราก็ไม่จำเป็นต้องเสียเงินยิง Ads แม้แต่บาทเดียว”
.
นี่คือ คำสั้นๆ ที่กลั่นมาจากประสบการณ์ที่ผมได้เรียนรู้มาทั้งหมดจากการทำเพจมาตลอด 2 ปี แล้วในคำสั้นๆ ที่ว่านี้ มันมีอะไรที่คนกำลังเริ่มต้นทำเพจ ทำสื่อ ทำธุรกิจ หรือ ขายออนไลน์ สามารถนำไปปรับใช้ได้บ้าง ผมจะเล่าให้ฟัง…
.
หลายคนเข้าใจว่าการยิง Ads สามารถเพิ่มยอดขายได้ แต่ผมเชื่อว่าหลายคนก็รู้แล้วว่ามันไม่เป็นความจริง
.
การยิง Ads ก็เหมือนการที่เราจ้างคนแจกใบปลิว ไปแจกลูกค้า ยิ่งยิงมากเท่าไหร่ก็เหมือนกับการจ้างหลายคนมากเท่านั้น
.
แต่คำถาม คือ การมีคนแจกเยอะ ช่วยเพิ่มยอดขายจริงๆ หรอ ?
.
คำตอบ คือ “ไม่”
.
เพราะตัวตัดสินว่าลูกค้าจะซื้อของๆ คุณหรือไม่ มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับ “คนแจกใบปลิว” แต่ขึ้นอยู่กับตัวใบปลิว ซึ่งก็คือ “คอนเทนต์” ต่างหาก
.
ถ้าคอนเทนต์ คุณดึงดูดมากพอลูกค้าก็จะเดินมาที่หน้าร้านเพื่อซื้อของคุณจากที่อยู่ในใบปลิวนั้น หรือ ไม่ก็เอาไปส่งต่อให้เพื่อนๆ ดูอีก เปรียบเหมือนการ “แชร์”
.
แต่ถ้าคอนเทนต์ที่คุณทำออกมามันไม่สามารถทำให้ลูกค้าอยากซื้อได้ ต่อให้มีคนแจกใบปลิวมากเท่าไหร่ หรือแจกสักกี่ใบ ลูกค้าก็เอาไปทิ้งถังขยะ ซึ่งเปรียบเหมือนการ “เลื่อนผ่าน” อยู่ดี
.
ฉะนั้น สิ่งที่เราต้องกลับมาให้ความสำคัญเป็นอันดับแรกคือ การทำ “คอนเทนต์” เมื่อทำคอนเทนต์ได้อย่างทรงพลังแล้ว การยิง Ads หรือ การจ้างคนแจกใบปลิวถึงจะใช้ได้ผล
.
.
# แต่ก่อนจะทำคอนเทนต์ เราต้องเข้าใจก่อนว่าคอนเทนต์นั้นมีกี่ประเภท ซึ่งโดยหลักแล้วมันจะถูกแบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ
.
1) Topical Content หรือ เรียกง่ายๆ คือ คอนเทนต์ที่ทำออกมาตามกระแสต่างๆ ส่วนใหญ่จะพูดถึงเหตุการณ์ข่าวสารในแต่ละวัน ว่าอะไรที่เขากำลังฮิต อะไรที่คนพูดถึงในช่วงนี้ และต้องลงให้ถูกจังหวะเวลาด้วย คือ ถ้าช้าเพียง 1 ชั่วโมง ก็อาจจะไม่มีประโยชน์แล้ว ซึ่งข้อดีของมันคือเรียก Traffic ได้ดีมาก แต่ข้อเสียของมันคือ มันอยู่ได้ไม่นาน ใช้ได้ครั้งเดียว ผ่านแล้วก็ผ่านไป
.
คนที่ติดตามผมมาตลอดจะรู้ว่าผมไม่ค่อยทำคอนเทนต์ประเภทนี้สักเท่าไหร่ อาจจะมีบ้างบางครั้ง แต่ไม่บ่อย
.
2) Evergreen Content หรือ เรียกง่ายๆ คือ คอนเทนต์แนว ความรู้, ปรัชญา, How to ข้อดีของมันคือมันจะไม่เสื่อมค่าไปตามกาลเวลา แม้จะผ่านไป 1 วัน 1 เดือน 1 ปี ก็ยังสามารถอ่านได้ไม่มีเบื่อ และนำมาใช้ได้จริงในชีวิตเสมอ แต่คอนเทนต์ประเภทนี้ถ้าไปลงในช่วงที่มีกระแสเรื่องอื่นอยู่ อาจจะไม่ได้รับความสนใจมากนัก และทำยากกว่าแบบเเรกมาก
.
ซึ่งผมจะทำคอนเทนต์ประเภทนี้เป็นหลัก
.
3) Value Content หรือ คอนเทนต์แบบเน้นคุณค่า นี่คือ สุดยอดคอนเทนต์เลยก็ว่าได้ เพราะมันคือการนำ 2 ข้อแรกมาผสมผสานกัน จึงทำให้คอนเทนต์แบบนี้สามารถเรียกได้ทั้งกระแส และ มีการสอดเเทรกความรู้ลงไปด้วยไม่ให้เสื่อมค่าตามการเวลา ทำให้คอนเทนต์มีความสมบูรณ์แบบและเป็นอมตะ แต่ประเด็นคือ มันทำโคตรยาก เพราะต้องทำให้มันทั้งมีคุณค่าและถูกที่ถูกเวลาด้วย แต่ถ้าทำได้ บอกเลยว่าผลของมันคุ้มค่ามากๆ
.
ซึ่งผมเคยทำคอนเทนต์แบบนี้ได้ประมาณ 10 ครั้ง ตลอด 2 ปี เช่น คอนเทนต์เรื่อง ทิลลี่ สมิธ ช่วยคนชาวจังหวัดไม้ขาวให้รอดชีวิตจากสึนามิ และ เผยแพร่ในวันรำลึกสึนามิพอดี ซึ่งผลลัพธ์ของมันคือ บทความนี้ได้ถูกหยิบยกไปในรายการข่าวใส่ไข่ ทางช่องไทยรัฐทีวี
.
ส่วนอีกเรื่องคือ บทความ ประวัติศาสตร์โรคระบาดร้ายแรง ที่จะเกิดขึ้นทุกๆ 100 ปี เผยแพร่ในช่วงไวรัส covid-19 ระบาดแรกๆ ซึ่งผลของมันคือ คุณหนุ่มกรรชัย เชิญผมไปออกรายการโหนกระแส ทางช่อง 3 จากบทความนี้
.
รวมทั้งบทความอื่นๆ อย่าง คนขับรถของลีกาซิง, โรงงานผลิตยาสีฟัน, เด็กอเมริกันจะหยุดเรียน 2 ปี เพื่อค้นหาตัวเองก่อนเข้ามหาลัย, จุดประสงค์ที่แท้จริงของเทศกาล 11.11 ของอาลีบาบา และธนบัตรญี่ปุ่น ที่มีผู้แชร์มากกว่า 20,000 ครั้ง ซึ่งส่งผลให้ยอดการติดตามเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจาก 3,000 เป็น 150,000 คนภายใน 4 เดือน
.
# ทำคอนเทนต์เพื่อให้คน "กดแชร์" มากกว่าแค่ "กดไลค์"
.
เป้าหมายในการทำคอนเทนต์ของผม คือ การทำให้คนแชร์มากกว่าคนกดไลค์ และเเน่นอนว่าการทำให้คนแชร์นั้นยากกว่ายอดกดไลค์อยู่แล้ว เพราะผมเชื่อเสมอว่า การที่คนยอมกดแชร์คอนเทนต์เราออกไปหมายความว่า เขาอยากจะบอกต่อคอนเทนต์นั้น ซึ่งสำหรับผมมันมีคุณค่ามากกว่าการที่เขาแค่กดไลค์หรือชอบมันเพียงคนเดียว
.
แต่ก่อนที่เราจะทำคอนเทนต์ให้คนแชร์ได้ เราต้องรู้เหตุผลที่ทำให้คนแชร์คอนเทนต์ของเราก่อน ซึ่งหลักๆ มันมีอยู่ 5 อย่าง คือ
.
1) ภาพลักษณ์ทางสังคม การที่เขาแชร์อะไร หน้าฟีตของเขา มันต้องทำให้เขามีภาพลักษณ์ดีขึ้น เพราะคงไม่มีใครอยากแชร์อะไรที่ทำให้คนอื่นมองตัวเองไม่ดีอยู่แล้ว
.
2) ตัวกระตุ้น คือ บทความที่ช่วยกระตุ้นให้เขาได้ฉุกคิดหรือลุกขึ้นมาทำอะไรบางอย่างได้ ซึ่งมันคือ คอนเทนต์สั้นๆ ที่ผมลงทุกเช้า ให้คุณได้อ่านก่อนออกไปทำงาน เพื่อช่วยกระตุ้นและให้กำลังใจคุณ ซึ่งคนมักจะแชร์เสมอ
.
3) อารมณ์ความรู้สึก คือ อ่านแล้วเกิดอารมณ์ร่วม ส่วนใหญ่เป็นบทความแนวเรื่องเล่า
.
4) ความมีประโยชน์ อันนี้ชัดเจน ถ้ามีประโยชน์ใครๆ ก็อยากแชร์ไว้ให้ตัวเองอ่านซ้ำๆ หรือ อยากส่งต่อมันให้คนอื่น
.
5) เป็นเรื่องเล่า เพราะธรรมชาติของคนชอบเรื่องเล่ามากที่สุด และสิ่งที่คนจดจำได้ดีที่สุดคือเรื่องเล่า และเรื่องเล่าเป็นสิ่งที่คนชอบนำไปเล่าต่อ
.
ผมใช้หลักการนี้ในการทำคอนเทนต์เสมอ นั่นจึงทำให้ถึงแม้บางคอนเทนต์จะเป็นโฆษณา แต่คนก็ยังอยากจะแชร์มันอยู่ดี
.
.
# พาดหัว คือ “จุดชี้เป็นชี้ตาย” ของคอนเทนต์ เพราะมันคือตัวตัดสินว่าคนจะหยุดอ่านคอนเทนต์ของเราหรือไม่ ?
.
นี่ คือสิ่งที่ผมให้ความสำคัญ 70% เลยก็ว่าได้ เพราะคนจะอ่านตรงนี้ก่อน ถ้ามันไม่โดนใจ เนื้อหาดีแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์
.
ซึ่งพาดหัวนั้นมีส่วนประกอบอยู่ 2 อย่างหลักๆ คือ “ตัวอักษร” และ “ภาพ” ต้องผสมผสานระหว่างสองอย่างนี้ให้ลงตัว
.
ซึ่งการคิดคำพาดหัวนั้นบอกเลยครับว่าไม่ใช่เรื่องง่าย นอกจากใช้เทคนิคแล้ว ต้องอาศัยการฝึกฝนด้วย บอกเลยว่าตรงส่วนนี้ผมใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 40 นาที กว่าจะคิดคำพาดหัวที่สมบูรณ์แบบออกมาได้
.
และสิ่งที่ต้องคำนึงถึง คือ ผู้อ่านมีเวลาแค่ 2 วินาทีเท่านั้น ในการตัดสินว่าจะอ่านคอนเทนต์ของเราหรือเลื่อนผ่านไป ซึ่งสิ่งที่ตัดสินก็คือ “พาดหัว” เพราะฉะนั้น เราต้องตอบให้ได้ ผู้อ่านจะได้อะไรจากคอนเทนต์ของเรา ใส่มันลงไปในพาดหัวให้ได้
.
แล้วสิ่งที่เราต้องการสื่อทั้งหมด ค่อยมาใส่ตรง “เนื้อเรื่อง”
.
และสุดท้าย คอนเทนต์ของเรามีผลกระทบอะไรกับผู้อ่านบ้าง ใส่ลงไปใน “สรุป” ช่วงท้าย
.
ทั้งหมดนี้ คือ เทคนิคที่สามารถทำให้เราประสบความสำเร็จในการทำเพจได้โดยไม่ต้องเสียเงินค่าโฆษณามากมาย เพราะต่อให้ยิง Ads หนักแค่ไหน แต่ถ้าคอนเทนต์ไม่ดี คนก็เลื่อนผ่านอยู่ดี...
.
มาถึงตรงนี้หลายคนอาจสงสัยว่าสิ่งที่ผมเล่ามาทั้งหมดนี้ ผมไปเอามาจากไหน ?
.
คำตอบ คือ ผมไม่ได้เก่งมาตั้งแต่เกิด หรือ รู้ด้วยตัวเองทั้งหมดหรอกครับ แน่นอนว่าส่วนหนึ่งมันเกิดจากการฝึกฝน การลองผิดลองถูก และ เก็บเกี่ยวประสบการณ์มาตลอด 2 ปี
.
แต่ถ้าอาศัยแค่การลองผิดลองถูกอย่างเดียว มันก็คงต้องใช้เวลามากกว่านี้ เพราะเราต้องนั่งงมไปกับสิ่งที่ไม่รู้ ลองโดยไม่มีเป้าหมาย ซึ่งมันเสียเวลามากๆ
.
แต่โชคดีที่ตอนทำงานประจำผมรู้จักกับพี่คนหนึ่ง ซึ่งมีประสบการณ์ด้านนี้มา 8 ปี เป็นเจ้าของเพจชื่อดังที่มีผู้ติดตามมากกว่า 1 ล้าน ซึ่งคอยสอน คอยชี้แนะ ให้คำปรึกษา บอกเป้าหมายที่จะต้องเดินไป มันจึงทำให้เส้นทางการลองผิดลองถูกของผมนั้น ไม่ค่อยจะพลาดเป้า และ เสียเวลามากนัก
.
ผมกล้าพูดเลยว่า ถ้าไม่มีพี่คนนี้ ก็คงไม่มีผม ไม่มีสมองไหล และ ไม่มีหนังสืองานประจำสอนทำธุรกิจ เช่นกัน เพราะหลายสิ่งที่ผมทำ ผมได้เรียนรู้มาจากเขาเกือบทั้งหมด
.
เพราะจริงๆ แล้วชีวิตคนเราไม่ได้ยาวพอที่จะเสียเวลาเรียนรู้ทุกอย่างด้วยตัวเอง เพราะการลองผิดลองถูกแบบไม่มีเป้าหมาย มันอาจจะนานกว่าที่คิด
.
และ แน่นอนว่า คุณเองก็คงไม่อยากเป็นคนที่ลองผิดลองถูกเองแบบไม่มีเป้าหมาย ทำมาตั้งนานแต่จับทางยังไม่ถูก ทำไปเท่าไหร่ก็ยังไม่ก้าวหน้าสักที
.
วันนี้ผมจึงกลั่นบทเรียนจากประสบการณ์ทั้งหมดในการทำธุรกิจออนไลน์มาตลอด 2 ปี มาให้คุณเรียนรู้ ลงมือทำ และ ได้ผลลัพธ์ทันทีภายใน 2 เดือน ในคอร์ส Online Signature Master Class 2021 ซึ่งตอนนี้มีพี่น้องมากกว่า 300 คน เข้ามาลุย และ ได้ผลลัพธ์จริงนับไม่ถ้วนแล้ว
.
ยกตัวอย่างเช่น
.
# คุณอานนท์ ซึ่งทำอาชีพขายประกัน ทักมาบอกผมทันทีที่เรียนจบคอร์สไปเพียงไม่ถึง 1 สัปดาห์ ว่า…
.
ผมใช้วิธีการขายแบบเสียงย่างเนื้อ ก็สามารถทำยอดขายประกันได้ 3 ล้านภายในเดือนเดียว ซึ่งทั้งหมดนี้มาจากช่องทางออนไลน์ทั้งหมด”
.
# คนต่อมาที่เติบโตแบบก้าวกระโดดไม่แพ้กัน คือ คุณชมพู เจ้าของแบรนด์ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวกายตัวหนึ่ง เธอบอกกับผมว่า
.
“ตอนเริ่มต้นทำแบรนด์ คือ ตอนอายุ 20 ค่ะ แต่ตอนนั้น ทำไปเพราะแค่อยากมีรายได้ ไม่มีทุนโปรโมต ไม่มีการวางแผนอะไรทั้งนั้น ลองผิดลองถูกเอา คือ ตอนนั้นสั่งของมาทดลองใช้เอง ใช้แล้วผิวดีขึ้น ก็เริ่มโพสต์ขายเลย ดั้นด้นขายแบบออแกนิคมา 2 ปีค่ะ ขายใน Shopee เฟซบุ๊ก และ ไอจี ซึ่งตอนนั้นก็ทำแบบขำๆ ตัดภาพเองแบบตลกๆ ก็เลยไม่ค่อยน่าซื้อเท่าไหร่ และในช่วง 2 ปีนี้ ก็มีลองยิงแอดบ้าง แต่ก็ไม่ได้ทำออกมาได้ดีเท่าไหร่
.
จนมา ปีที่ 3 ปีนี้ (ปัจจุบัน) เป็นปีการเปลี่ยนแปลง ช่วง ต้นปี 64 เดือนมกราคม ก็ยังโพสต์ขายอยู่ แบบเรื่อยๆ เดือนมกราคมยอดไลค์ ยอดผู้ติดตามอันน้อยนิด แบบ 2 ปีที่ผ่านมาเลย
.
แต่พอได้มาเรียนในคอร์สนี้ แล้วลองทำ ลองโพสต์ และลองทำตามเทคนิคไปสักระยะ บวกกับมาลองยิงแอดอีกครั้ง คือ งง มาก มันปังค่ะพี่ เป็นครั้งแรกที่ได้แตะออเดอร์วันละ 100 บ้าน ด้วยงบยิงแอดแค่ 90 บาท พอรู้สึกว่ามันดี ก็เลยไปสอนตัวแทนขายต่อค่ะ สอนเค้าแบบบ้านๆ เลย .
.
สรุปคือ ตัวแทนทำตาม นางขายได้ แลดูจะเข้าใจง่ายด้วย คือ ขอบคุณจริงๆ ค่ะ
.
**ผลลัพธ์ในปัจจุบัน
.
2 ปีที่ ขายมา
ปีแรก 62 มีเงินเก็บแค่ 10,000 บาท/ปี
ปีสอง 63 มีเงินเก็บถึง 50,000 บาท/ปี
(ดั้นด้นเอง มึนๆ มั่วๆ)
.
ปีที่สาม (ปัจจุบัน 64) แค่ช่วง 5 เดือนนี้ มีเงินเก็บ เกือบ 1 ล้านบาท (ไม่เคยคิดว่าจะเป็นไปได้ค่ะ)
.
**ความต่างที่ชัดคือ ในระยะ 5 เดือนนี้ ที่ตัดสินใจเติมความรู้ เหมือนได้เบิกเนตร คือ มันต่อยอดได้แบบสุดจริงค่ะ**
.
.
# อีกคนหนึ่งคือ น้องภัค สาวน้อยวัย 19 ปี ที่เข้ามาในคลาส Online Signature ทั้งที่ยังไม่ได้ทำธุรกิจใดๆ แต่เมื่อเรียนไปถึงบทที่ 3 ผมก็ให้ทุกคนทำ Workshop ชิ้นหนึ่ง คือ ให้ขายสินค้าของตัวเองโดยใช้เทคนิคที่สอนไป แต่ถ้าใครยังไม่มีธุรกิจของตัวเอง ก็ให้หยิบของในบ้านมาทำ Workshop ไปก่อน ซึ่งน้องภัคก็ไปหยิบสเปรย์ระงับกลิ่นกายของตัวเองมาขาย
.
ผลปรากฎว่ามีเพื่อนๆ ในคลาสดูการบ้านที่น้องภัคทำส่ง แล้วก็สั่งซื้อจริงๆ เธอก็เลยลองไปเปิดเพจขายจริงดู จนล่าสุดเธอมาบอกผมว่า “ลองเริ่มขายไปได้แค่เดือนเดียว ยอดขาย 5,000 บาท แล้วค่ะ ตอนนี้กำลังจะลองยิงแอดตามเทคนิคที่สอนในคลาสเพิ่ม เพื่อกระตุ้นยอดขายให้มากขึ้นอีก”
.
นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของพี่น้องอีกกว่า 300 คน เท่านั้น ที่ผมหยิบยกมาเล่าให้ฟัง ซึ่งถ้าจะให้ผมเล่าเคสทั้งหมดทุกคน ก็คงเขียนเป็นหนังสือเล่มนึงได้ เอาเป็นว่าหากคุณอยากจะรู้ว่าพี่น้องแต่ละคนในคลาสเขาเติบโตก้าวกระโดดขนาดไหน ก็เข้ามาลุยกับพวกเราในคลาส Online Signature ได้ครับ .
.
# โดย คลาส Online Signature Master Class 2021 จะลุยกันทั้งหมด 10 บทเรียน ประกอบด้วย
.
Module 1 : Overview เข้าใจภาพรวมการตลาดออนไลน์
Module 2 : กลยุทธ์สร้างความต่างทางธุรกิจ โดยไม่ต้องแข่งราคา
Module 3 : จิตวิทยาปิดการขาย
Module 4 : Inbound Content Marketing การตลาดคอนเทนต์แบบแรงดึงดูด
Module 5 : การเขียนโพสต์ขายแบบป้ายยา
Module 6 : ศิลปะการเขียนโพสต์ขายตรง ให้ทำเงินได้แบบ Passive Income (Copy Writing)
Module 7 : การตลาด เพิ่มยอดขาย 2-10 เท่า แบบยั่งยืน
Module 8 : เทคนิคสร้างเพจให้พรีเมี่ยมด้วย Canva
Module 9 : Data thinking
Module 10 : การยิง Ads ขั้นสูง
.
✅ Bonus class : วิธีสร้างธุรกิจ ทดลองตลาด โดยไม่ต้องใช้เงินทุน
✅ Bonus class : การบริหารเงินธุรกิจ
.
และผมจะอัพเดทเนื้อหาและเทรนด์การตลาดออนไลน์ใหม่ๆ แบบเรียลไทม์เป็น Bonus ให้ทุกเดือนจนถึงสิ้นปี 2021
.
ทั้งหมดนี้เราจะเรียนกันแบบออนไลน์ เรียนที่ไหนเมื่อไหร่ก็ได้ และ สามารถเรียนซ้ำได้ตลอดชีพครับ
.
คอร์ส Online Signature Master Class 2021
จากปกติราคา 46,000 บาท
ช่วงโปรโมชั่นเหลือเพียง 18,000 บาท
.
แต่เดี๋ยวก่อน !! เฉพาะคนที่แชร์โพสต์นี้ และ สมัครเข้ามา 10 คนแรก
คุณสามารถเข้ามาลุยในคอร์สนี้ในราคาเพียงพิเศษ 10,860 บาท เท่านั้น !!
.
# พร้อมรับของขวัญสุดพิเศษ เป็นคำเชิญเข้ากลุ่มลับ War Room ที่อาจารย์เจษแห่งสำนัก Ohmpiang นักขายมือโปร ที่สามารถขายของทุกอย่างที่อยู่ใกล้ตัว ในแบบที่เหมือนเพื่อนคุยกัน แต่ทุกคนที่ฟังต้องควักกระเป๋าเงินออกมาซื้อแบบ งงๆ ทุกที โดย อ.เจษ จะแอบมา Live เรื่อง “การขาย” ให้ฟังพร้อมเปิดรับคำถามและแจกสคริปต์การขายเรื่อยๆ แบบฟรีๆ
.
หากใครอยากจะลุยไปด้วยกัน ก็ทักไลน์มาได้ครับที่ @samounglai (ใส่ @ ข้างหน้าด้วย) จากนั้นบอกทีมงานว่า “ลุย OSM”
.
ปล1. ราคาพิเศษ 10,860 บาท และ คำเชิญเข้ากลุ่มลับ War Room นี้ เฉพาะ 10 คนแรก เท่านั้น !!
.
ปล2. สามารถชำระผ่านบัตรเครดิต หรือ ผ่อน 0% นาน 10 เดือนได้ (บัตรเครดิตที่ร่วมรายการ)
.
ปล3. เมื่อเข้ามาเรียนแล้วคิดว่าไม่คุ้ม ผมยินดีคืนเงินให้เต็มจำนวน ภายใน 7 วัน
同時也有1部Youtube影片,追蹤數超過18萬的網紅ZadistiX,也在其Youtube影片中提到,ติดตามข่าวสาร พูดคุยหรือขอแบบบ้านได้ที่แฟนเพจลิงคืนี้เลย https://www.facebook.com/zadistix/ #Zadistix #ClashOfClansไทย #แคลชออฟแคลน รายชื่อผู้โชคดี ไ...
แบบ ภายใน บ้าน 在 สมองไหล Facebook 的精選貼文
ถึงเจ้าของธุรกิจทุกคน ถ้าวันนี้คุณยังต้องใช้เวลา 80% ของชีวิต ไปกับการระแวงเรื่องค่าแอดว่ามันจะแพงจนเกินเพดานกำไรไหม และ ใช้เวลาอีก 20% ไปกับการเฝ้าสังเกตว่าวันนี้เฟซบุ๊ก จะปรับอัลกอริทึมหรือลดการมองเห็นยังไงบ้าง นี่คือ บทความที่ควรค่าแก่การตั้งใจอ่านอย่างยิ่งครับ
.
เพราะสิ่งที่ผมกำลังจะเล่าให้ฟังต่อไปนี้ จะเปลี่ยน “ค่าแอด” ที่คุณต้องเสียไป ให้กลายเป็น “กำไร” ที่คุณควรได้รับ และ จะทำให้การ ยิงแอด เป็นแค่ “ทางเลือก” ไม่ใช่ “ทางรอด” อีกต่อไป
.
.
นี่คือ เคล็ดลับที่ผมใช้กับการทำธุรกิจออนไลน์มาตลอด 2 ปี ซึ่งได้เปลี่ยนชีวิตของผม และ พี่น้องในคลาส Online Signature จากคนธรรมดา ให้กลายเป็นมนุษย์เงินล้านมานับไม่ถ้วนแล้ว
.
ที่สำคัญ คือ มันไม่ใช่เทคนิคยอดมนุษย์ใดๆ แต่มันเป็นเพียงวิธีการอันเรียบง่าย ที่ได้ผลลัพธ์โคตรทรงพลัง เพราะมันจะทำให้คุณไม่ต้องคอยนั่งระแวงเรื่องค่าแอด และ การปรับอัลกอริทึมของเฟซบุ๊กอีกเลย
.
.
ถ้าคุณติดตามเพจสมองไหลมาสักระยะ คุณจะไม่เคยเห็นผมออกมาบ่นเรื่องค่าแอด หรือ วิ่งตามการปรับอัลกอริทึมของเฟซบุ๊กเลย นั่นก็เพราะตลอดเวลา 2 ปีที่ผมทำธุรกิจออนไลน์มา ผมไม่เคยได้รับผลกระทบจากมันเลยสักครั้งเดียว ที่สำคัญคือ มันไม่ได้เกิดขึ้นกับผมแค่คนเดียว เพราะพี่น้องใน คลาส Online Signature ตอนนี้ก็เป็นอย่างนั้นเช่นกัน
.
พวกเขาใช้เวลา 80% ของชีวิต ไปกับการคิดกลยุทธ์ในการต่อยอด และ แตกไลน์ธุรกิจ ว่าจะโตธุรกิจยังไง ให้ยอดขายแตะหลักล้านต่อเดือนได้ ส่วนอีก 20% คือ เวลาที่ใช้ไปกับการทำตามเคล็ดลับที่ผมกำลังจะนำมาเปิดเผยในบทความนี้
.
.
Seth Godin นักการตลาดชั้นนำของโลก ได้กล่าวเอาไว้ตั้งแต่ปี 2008 ว่า “Content Marketing จะเป็นการตลาดเพียงอย่างเดียวที่เหลืออยู่ต่อจากนี้” เพราะผู้คนจะวิ่งหนีโฆษณากันมากขึ้น ถ้าไม่เชื่อก็ลองมองย้อนดูตัวเองก็ได้ครับ ว่าทุกวันนี้เวลาคุณจะตัดสินใจซื้อสินค้าอะไรสักอย่าง คุณเชื่อโฆษณา หรือ เชื่อคอนเทนต์ เชื่อรีวิว มากกว่า ?
.
นั่นหมายความว่า ถ้าวันนี้ธุรกิจของคุณยังพึ่งยอดขายจากการยิงแอด ธุรกิจของคุณก็กำลัง “อ่อนแอ” ลงเรื่อยๆ
.
ดังนั้น สิ่งแรกที่คุณต้องทำ คือ การปรับหน้าเพจ จากที่เคยโพสต์รูปสินค้า เขียนแคปชั่น ร่ายคุณสมบัติ แล้วก็ยิงแอด (ซึ่งไม่ได้ผล) ให้อยู่ในรูปแบบนี้เฟซบุ๊กชอบและเปิดการมองเห็นแบบออแกนิคมากที่สุด โดยแบ่งเป็น
.
- คอนเทนต์ให้คุณค่า 80%
- รีวิว 15%
- และ โพสต์ขาย 5%
.
ถามว่าทำไมต้องเป็น 3 องค์ประกอบนี้ นั่นก็เพราะคุณต้องเข้าใจก่อนว่าหน้าที่เดียวของเฟซบุ๊ก นั่นก็คือ การคัดในสิ่งที่คนไม่ชอบทิ้ง แล้วนำส่งเฉพาะสิ่งที่คนชอบไปให้ผู้คนเห็น
.
และในเมื่อผู้คนกำลังหนีโฆษณาสินค้า จึงไม่แปลกที่เฟซบุ๊กจะต้องคัดคอนเทนต์ประเภทนี้ทิ้ง (ถ้าอยากให้คนเห็นก็ต้องจ่ายเงินยิงแอดมา) เพราะถ้าเฟซบุ๊กไม่ทำอย่างนี้ สุดท้ายผู้คนจะพากันเลิกใช้เฟซบุ๊กกันหมดเสียก่อน เพราะมันมีแต่สิ่งที่คนไม่ชอบเต็มไปหมด
.
เพื่อไม่ให้คุณถูกคัดทิ้งก่อนจะไปถึงสายตาของลูกค้า คุณจึงต้องทำแต่คอนเทนต์ที่เฟซบุ๊กเปิดการมองเห็น และ สนับสนุน ตั้งแต่แรก ดังนี้
.
1) คอนเทนต์ให้คุณค่า
.
ถ้าเปรียบเหมือนร้านขายเสื้อผ้า คอนเทนต์ให้คุณค่าก็เหมือน เสื้อผ้าที่แขวนโชว์อยู่ในร้าน ให้ลูกค้าได้เดินเลือก เดินชม ตามใจชอบ
.
ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้ว เวลาที่เราตัดสินใจซื้อสินค้า เราก็มักจะตัดสินใจซื้อ เพราะได้เดินเลือกดูจนถูกใจด้วยตัวเอง ไม่ใช่ตอนที่พนักงานขายเดินตามหลังแล้วพยายามยัดเยียดขายสินค้าให้กับเราจริงไหม ?
.
แต่น่าแปลกที่พอมาอยู่บนออนไลน์ คนส่วนใหญ่มักชอบเอาแต่ทำโพสต์ขาย ซึ่งไม่ต่างอะไรกับการส่งพนักงานไปเดินตามหลังลูกค้า จนสุดท้าย ลูกค้าก็ไม่ชอบ แล้วก็เดินหนีออกจากร้านไป
.
ดังนั้น สิ่งที่คุณต้องทำ คือ การสร้างคอนเทนต์ที่มีประโยชน์ สามารถสร้างความอยาก และตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้เอาไว้หน้าเพจให้ลูกค้าเข้ามาเดินชม เลือกดู ด้วยตัวของเขาเอง แล้วเมื่อไหร่ที่ลูกค้าถูกใจ เขาก็จะทักแชทไปขอซื้อสินค้าเอง เหมือนกับการที่เขาหยิบเสื้อผ้าที่ชอบแล้วเดินไปจ่ายเงินที่เคาน์เตอร์แคชเชียร์นั่นแหละ
.
.
2) รีวิว
.
เหตุผลที่เราต้องทำคอนเทนต์ประเภทรีวิว ก็เพื่อให้คอนเทนต์คุณค่าที่เราทำไปแล้วนั้นมีน้ำหนักมากขึ้น เพราะสิ่งที่เราต้องไม่ลืมก็คือ คำพูดจากลูกค้าด้วยกัน มีน้ำหนัก มากกว่า คำพูดของเรา เสมอ
.
แต่คำว่า รีวิว ในที่นี้ ก็ไม่ได้หมายถึงการแคปเจอร์คำชมของลูกค้า แล้วไปโพสต์เฉยๆ นะครับ เพราะรีวิวแบบนั้นมันมีพลังในการโน้มน้าวที่น้อยมาก ถ้าคุณอยากจะให้รีวิวช่วยเพิ่มน้ำหนักความน่าเชื่อถือ และ โน้มน้าวลูกค้าได้จริงๆ คุณจำเป็นต้องทำคอนเทนต์รีวิวให้อยู่ในระดับที่เข้มข้นมากกว่านี้
.
โดยการทำคอนเทนต์รีวิวนั้นแบ่งออกเป็น 4 Level ตามความเข้มข้น คือ
.
Level 1 คือ รูปภาพ และ ข้อความ บอกสถานะต่างๆ เช่น ยอดขาย รูปส่งของ แชทการสั่งซื้อ
Level 2 คือ รูปภาพ และ ข้อความ ที่บ่งบอกถึงผลลัพธ์จากการใช้งานสินค้าหรือบริการจากลูกค้า
Level 3 คือ รูปภาพ และ ข้อความ ที่มีคำอธิบาย เรื่องราว ที่มาที่ไป และ อารมณ์ร่วม
Level 4 คือ วิดีโอ ที่มีคำอธิบาย เรื่องราว ที่มาที่ไป และ อารมณ์ร่วม พูดง่ายๆ ก็คือ เหมือน Level 3 แต่ทำมาในรูปแบบของ วิดีโอ
.
สาเหตุเพราะรีวิว ในรูปแบบของวิดีโอนั้นจะดูน่าเชื่อถือมากกว่า เพราะรูปภาพ หรือ ข้อความ สามารถที่จะปลอมแอคเคาท์กันได้ แต่สีหน้า แววตา และ คำพูด ของผู้ใช้งานจริงๆ มันหลอกกันยาก
.
ถ้าที่ผ่านมาคุณทำคอนเทนต์รีวิว แค่ Level 1 กับ 2 ก็ให้ลองทำแบบ Level 3 กับ 4 ดูครับ แล้วคุณจะพบว่าผลลัพธ์ของมันจะดีขึ้นมากกว่าอย่างสิ้นเชิง
.
.
3) โพสต์ขาย
.
พอพูดถึงโพสต์ขาย หลายคนอาจจะคิดว่ามันคือ การเอารูปสินค้า เขียนแคปชั่น บอกคุณสมบัติ เสนอโปรโมชั่น แต่ความจริงแล้ว มันไม่ใช่อย่างนั้นเลยครับ เพราะการเขียนโพสต์ขายที่ได้ผลมากที่สุด คือ ต้องเขียนโดยใช้ศาสตร์ Copy Writing หรือ ที่ผมมักจะเรียกว่า “การเขียนโพสต์ขายแบบป้ายยา”
.
อย่างไรก็ตาม อีกสิ่งหนึ่งที่คุณต้องทำความเข้าใจเกี่ยวกับโพสต์ขายก็คือ “โพสต์ขาย” ไม่ได้มีหน้าที่ “ขาย”
.
อ้าว !! ชื่อก็บอกอยู่ว่า “โพสต์ขาย” ถ้าไม่ได้มีหน้าที่ขาย แล้วมันมีหน้าที่ทำอะไร ?
.
คุณลองนึกภาพร้านเสื้อผ้าแบรนด์ใหญ่ๆ เวลาคุณไปซื้อเสื้อผ้า คุณตัดสินใจซื้อเพราะตัวเอง หรือ ตัดสินใจซื้อเพราะพนักงานขายครับ ?
.
ใช่ครับ !! ส่วนใหญ่ คือ คุณเดินเลือก (คอนเทนต์) และ ทดลองใส่ (รีวิว) จนกว่าจะถูกใจ แล้วก็เดินไปจ่ายเงินซื้อด้วยตัวเอง
.
เว้นเสียแต่ว่า พนักงานขายเขาเห็นคุณยืนเลือกนานไปหน่อย ไม่ยอมตัดสินใจซื้อสักที เขาก็เลยเดินมาบอกคุณว่า “ถ้าคุณซื้อภายในวันนี้ คุณจะได้รับโปรโมชั่นส่วนลด 30% หรือ ไม่ก็บอกคุณว่าสินค้ากำลังจะหมด ถ้าไม่รีบซื้อตอนนี้ คุณอาจจะไม่มีสิทธิ์เป็นเจ้าของมันอีกแล้ว”
.
เมื่อได้ยินอย่างนั้น คุณก็เลยรีบหยิบเสื้อผ้าที่ยืนดูอยู่นานแสนนาน แล้ววิ่งไปจ่ายเงินที่เคาน์เตอร์แคชเชียร์ทันที
.
เห็นไหมครับว่า พนักงานขายของร้านเสื้อผ้าแบรนด์ใหญ่ๆ ที่มียอดขายหลักล้าน เขาไม่ได้มายืนตะโกนขายของให้คุณเหมือนในตลาดนัด แต่เขาแค่มา “กระตุ้น” ให้คุณรีบ “ตัดสินใจซื้อ” ก็เท่านั้น
.
โพสต์ขายก็เช่นกันครับ มันไม่ได้มีหน้าที่ขายเหมือนแม่ค้าที่ตะโกนใส่ลูกค้า แต่โพสต์ขายมีหน้าที่ “กระตุ้น” ลูกค้าที่มี “ความต้องการ” อยู่แล้ว แต่ยังไม่ตัดสินใจซื้อ (ซึ่งเกิดจากการที่ลูกค้าได้เข้ามาอ่านคอนเทนต์ ดูรีวิว ก่อนหน้านี้) ให้รีบตัดสินใจซื้อทันทีนั่นเอง
.
นี่จึงเป็นเหตุผลที่ผมพยายามบอกว่า อย่าเอารูปภาพมาโพสต์ขายแห้งๆ ตรงๆ เพราะมันก็เหมือนการไปยืนตะโกนใส่หูลูกค้า สุดท้ายลูกค้าก็มีแต่จะเดินหนีไปเปล่าๆ
.
.
อ่านมาถึงตรงนี้ หลายคนคงจะพูดขึ้นมาในใจว่า “ก็รู้แหละ ว่าต้องทำคอนเทนต์ ต้องทำรีวิว ต้องทำโพสต์ขาย แต่ปัญหา คือ มันคิดไม่ออกว่าจะทำคอนเทนต์ยังไง แต่ถึงจะคิดออก แล้วทำออกมาได้ ก็ไม่มีใครทักมาซื้ออยู่ดี ยิ่งไปกว่านั้น บางคนทักมาถามราคา พอบอกก็เงียบหายไปเลยก็มี”
.
สาเหตุที่เป็นอย่างนั้น ก็เพราะหลายคนรู้แต่เพียงโครงสร้างการทำคอนเทนต์ แต่ไม่รู้วิธีทำให้คอนเทนต์นั้นทำงานได้ยังไงล่ะครับ ซึ่งมันก็ไม่ต่างอะไรกับรถยนต์ที่มีแต่โครงสวยงาม แต่ปราศจากเครื่องยนต์ที่เป็นตัวขับเคลื่อนให้คุณไปถึงที่หมาย
.
หากคุณอยากให้คอนเทนต์สามารถทำงานหาเงินให้กับคุณได้ ประดุจมีท็อปเซลล์มือทองอยู่ข้างกาย คุณจำเป็นต้องนำจิ๊กซอว์อีก 3 ชิ้น มาเติมเต็มให้สมบูรณ์เสียก่อน
.
.
# จิ๊กซอว์ตัวแรก คือ การขาย
.
คุณอาจจะแปลกใจ ว่าการขายมันเกี่ยวอะไรกับการทำคอนเทนต์ การรีวิว และ โพสต์ขาย เพราะนี่มันในออนไลน์ เราไม่ต้องไปเดินขายลูกค้าแล้วหนิ แค่เรียนการทำคอนเทนต์ก็น่าจะพอแล้วไม่ใช่หรอ
.
ผมบอกเลยครับว่ามันเกี่ยวข้องกันเต็มๆ และนี่คือ เหตุผลที่คนส่วนใหญ่ไปเรียนเขียนคอนเทนต์มาเท่าไหร่ ก็ไม่สามารถทำให้คนซื้อผ่านคอนเทนต์ได้สักที
.
สาเหตุก็เพราะคอนเทนต์มันก็เหมือนกับเซลล์แมนที่คุณฝึกให้มันออกไปขายของแทนคุณ แต่คำถาม คือ ถ้าตัวคุณเองยังขายไม่เป็น แล้วคุณจะฝึกเซลล์แมนของคุณให้ขายเป็นได้ยังไง
.
ดังนั้น ถ้าวันนี้คุณยังขายของต่อหน้าไม่ได้ ก็อย่าหวังเลยครับว่าจะเขียนคอนเทนต์ให้คนอยากซื้อได้ เพราะขนาดต่อหน้ายังขายไม่ได้ แล้วนับประสาอะไรกับการขายผ่านตัวอักษรล่ะ จริงไหม ?
.
คุณอยากรู้ไหม ว่าคนที่เขียนคอนเทนต์แค่โพสต์เดียว แต่สามารถทำยอดขาย 7 หลักต่อเดือนได้ โดยไม่ต้องไปตามง้อลูกค้า แถมยังใช้คอนเทนต์เดียวทำเงินให้เรื่อยๆ แบบ Passive Income ได้อีก 5 ปี เขามีเคล็ดลับยังไง ผมบอกเลยครับว่าความจริงแล้วมันเป็นเพียงจิตวิทยาง่ายๆ ที่ใครๆ ก็ฝึกฝนกันได้
.
เมื่อคุณได้เรียนรู้กระบวนการของมันจริงๆ ละก็ คุณจะมีทรัพย์สินที่คอยทำเงินให้กับคุณไปแบบยาวๆ โดยที่คุณไม่ต้องออกแรงทำงานเลย
.
.
# จิ๊กซอว์ตัวที่สอง คือ การตลาดแบบสมองไหล
.
แม้ว่าจะทำทุกอย่างที่ผมกล่าวมาข้างต้นจนหมดแล้ว แต่สิ่งที่มักจะทำให้หลายคนมาตายตอนจบ ก็คือ การโดนคู่แข่งตัดราคา จนหลายคนถึงกับคิดว่าตลาดออนไลน์มันแดงเดือนจนเกินไป จะเข้ามาทำตอนนี้ก็มองไม่เห็นกำไร และ ถึงแม้จะพอขายได้ แต่เมื่อเวลาผ่านไป ก็สู้ราคาคู่แข่งไม่ได้อยู่ดี
.
หากคุณติดตามเพจสมองไหลมาสักระยะ คุณจะพบว่าผมไม่เคยลดราคาหนังสือแข่งกับใครเลย แถมยังคิดค่าส่งแพงอีกต่างหาก แต่ทำไมยอดขายยังเพิ่มขึ้นทุกเดือน ทั้งที่ไม่ได้มีเพจสมองไหลเพจเดียว ที่ทำคอนเทนต์แนวนี้ และ ไม่ใช่เพจเดียวที่ขายหนังสือ ที่สำคัญ คือ ลูกค้าก็รู้ทั้งรู้ว่าที่อื่นขายถูกกว่า แต่ทำไมเขาถึงยังยอมจ่ายแพงกว่าให้ผม
.
ผมบอกเลยครับว่ามันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่มันเกิดจากการวางกลยุทธ์และรากฐานมาอย่างเป็นระบบแล้ว ที่สำคัญ คือ กระบวนการของมันไม่ได้ซับซ้อนอย่างที่คิด จะเรียกว่าเส้นผมบังภูเขาเลยก็ว่าได้ เพราะมันเป็นเรื่องง่ายๆ แต่น้อยคนนักที่จะมองเห็นแล้วใช้ประโยชน์จากมัน
.
ซึ่งผมได้เปิดเผยเรื่องนี้กับพี่น้องในคลาส Online Signature แบบหมดเปลือกไปแล้ว และ ทันทีที่พวกเขารู้เรื่องนี้ ปัญหาคู่แข่งล้นตลาด และ การโดนตัดราคา ก็ไม่ใช่ปัญหาโลกแตกของพวกเขาอีกต่อไป
.
.
# จิ๊กซอว์ตัวสุดท้าย คือ ดาต้า
.
หากวันนี้คุณทำธุรกิจออนไลน์แล้วไม่เคยเอาดาต้ามาใช้ประโยชน์ บอกเลยครับว่าคุณกำลังนั่งทับทรัพย์สมบัติมูลค่ามหาศาลอยู่ เพราะข้อมูลต่างๆ ที่ลูกค้าให้คุณมา ทั้งข้อความในแชท รายชื่อลูกค้า ที่อยู่การจัดส่ง รายการสินค้า ยอดโอน ฯลฯ ทุกอย่างล้วนเป็นสิ่งที่นำมาใช้เพิ่มยอดขาย 2-10 เท่าได้สบายๆ ขอแค่รู้จักนำมันมาใช้ประโยชน์ก็พอ
.
และความลับอีกข้อหนึ่งที่ผมจะบอกก็คือ ดาต้า เหล่านี้สามารถนำมายิงแอดแบบเฉพาะเจาะจงได้ นั่นหมายความว่าการยิงแอดของคุณจะตรงกลุ่มเป้าหมายในระดับบุคคลที่เป็นลูกค้าจริงๆ ไม่มีการสุ่มยิงทิ้งยิงขว้างอีกต่อไป ที่สำคัญ คือ ในยุคนี้การใช้ดาต้ามันง่ายยิ่งกว่าปลอกกล้วยเข้าปาก ใครๆ ก็ทำได้ถึงแม้จะเป็นคนที่ไม่เคยมีความรู้ด้านนี้มาก่อนเลยก็ตาม
.
.
ซึ่งทั้งหมดนี้ผมได้เปิดเผยแบบหมดเปลือกในคลาส Online Signature Master Class 2021 จนล่าสุดมีนักเรียนหลายคนทักมาบอกผมว่า...
.
.
# “ผมใช้วิธีการขายแบบเสียงย่างเนื้อ ก็สามารถทำยอดขายประกันได้ 3 ล้านภายในเดือนเดียว ซึ่งทั้งหมดนี้มาจากช่องทางออนไลน์ทั้งหมด”
.
คุณอานนท์ ซึ่งทำอาชีพขายประกัน ทักมาบอกผมทันทีที่เรียนจบคอร์สไปเพียงไม่ถึง 1 สัปดาห์
.
.
# คนต่อมาที่เติบโตแบบก้าวกระโดดไม่แพ้กัน คือ คุณชมพู เจ้าของแบรนด์ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวกายตัวหนึ่ง เธอบอกกับผมว่า
.
“ตอนเริ่มต้นทำแบรนด์ คือ ตอนอายุ 20 ค่ะ แต่ตอนนั้น ทำไปเพราะแค่อยากมีรายได้ ไม่มีทุนโปรโมต ไม่มีการวางแผนอะไรทั้งนั้น ลองผิดลองถูกเอา คือ ตอนนั้นสั่งของมาทดลองใช้เอง ใช้แล้วผิวดีขึ้น ก็เริ่มโพสต์ขายเลย ดั้นด้นขายแบบออแกนิคมา 2 ปีค่ะ ขายใน Shopee เฟซบุ๊ก และ ไอจี ซึ่งตอนนั้นก็ทำแบบขำๆ ตัดภาพเองแบบตลกๆ ก็เลยไม่ค่อยน่าซื้อเท่าไหร่ และในช่วง 2 ปีนี้ ก็มีลองยิงแอดบ้าง แต่ก็ไม่ได้ทำออกมาได้ดีเท่าไหร่
.
จนมา ปีที่ 3 ปีนี้ (ปัจจุบัน) เป็นปีการเปลี่ยนแปลง ช่วง ต้นปี 64 เดือนมกราคม ก็ยังโพสต์ขายอยู่ แบบเรื่อยๆ เดือนมกราคมยอดไลค์ ยอดผู้ติดตามอันน้อยนิด แบบ 2 ปีที่ผ่านมาเลย
.
แต่พอได้มาเรียนในคอร์สนี้ แล้วลองทำ ลองโพสต์ และลองทำตามเทคนิคไปสักระยะ บวกกับมาลองยิงแอดอีกครั้ง คือ งง มาก มันปังค่ะพี่ เป็นครั้งแรกที่ได้แตะออเดอร์วันละ 100 บ้าน ด้วยงบยิงแอดแค่ 90 บาท พอรู้สึกว่ามันดี ก็เลยไปสอนตัวแทนขายต่อค่ะ สอนเค้าแบบบ้านๆ เลย .
.
สรุปคือ ตัวแทนทำตาม นางขายได้ แลดูจะเข้าใจง่ายด้วย คือ ขอบคุณจริงๆ ค่ะ
.
**ผลลัพธ์ในปัจจุบัน
.
2 ปีที่ ขายมา
ปีแรก 62 มีเงินเก็บแค่ 10,000 บาท/ปี
ปีสอง 63 มีเงินเก็บถึง 50,000 บาท/ปี
(ดั้นด้นเอง มึนๆ มั่วๆ)
.
ปีที่สาม (ปัจจุบัน 64) แค่ช่วง 5 เดือนนี้ มีเงินเก็บ เกือบ 1 ล้านบาท (ไม่เคยคิดว่าจะเป็นไปได้ค่ะ)
.
**ความต่างที่ชัดคือ ในระยะ 5 เดือนนี้ ที่ตัดสินใจเติมความรู้ เหมือนได้เบิกเนตร คือ มันต่อยอดได้แบบสุดจริงค่ะ**
.
.
# อีกคนหนึ่งคือ น้องภัค สาวน้อยวัย 19 ปี ที่เข้ามาในคลาส Online Signature ทั้งที่ยังไม่ได้ทำธุรกิจใดๆ แต่เมื่อเรียนไปถึงบทที่ 3 ผมก็ให้ทุกคนทำ Workshop ชิ้นหนึ่ง คือ ให้ขายสินค้าของตัวเองโดยใช้เทคนิคที่สอนไป แต่ถ้าใครยังไม่มีธุรกิจของตัวเอง ก็ให้หยิบของในบ้านมาทำ Workshop ไปก่อน ซึ่งน้องภัคก็ไปหยิบสเปรย์ระงับกลิ่นกายของตัวเองมาขาย
.
ผลปรากฎว่ามีเพื่อนๆ ในคลาสดูการบ้านที่น้องภัคทำส่ง แล้วก็สั่งซื้อจริงๆ เธอก็เลยลองไปเปิดเพจขายจริงดู จนล่าสุดเธอมาบอกผมว่า “ลองเริ่มขายไปได้แค่เดือนเดียว ยอดขาย 5,000 บาท แล้วค่ะ ตอนนี้กำลังจะลองยิงแอดตามเทคนิคที่สอนในคลาสเพิ่ม เพื่อกระตุ้นยอดขายให้มากขึ้นอีก”
.
.
นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของพี่น้องอีกกว่า 300 คน เท่านั้น ที่ผมหยิบยกมาเล่าให้ฟัง ซึ่งถ้าจะให้ผมเล่าเคสทั้งหมดทุกคน ก็คงเขียนเป็นหนังสือเล่มนึงได้ เอาเป็นว่าหากคุณอยากจะรู้ว่าพี่น้องแต่ละคนในคลาสเขาเติบโตก้าวกระโดดขนาดไหน ก็เข้ามาลุยกับพวกเราในคลาส Online Signature ได้ครับ
.
เพราะที่นี่เราอยู่กันแบบสังคมที่สนับสนุนการเติบโตซึ่งกันและกัน ไม่มีใครในคลาสนี้บั่นทอนความฝันของคนอื่น ไม่มีใครหัวเราะหากมีเด็กคนหนึ่งประกาศกร้าวว่าจะทำเงินล้าน มีแต่เชียร์ว่า “ลุยเลย !! เอาเลย !! ” เพราะการทำเงินหลักล้านในสังคมแห่งการเติบโตนี้มันเป็นเรื่องปกติมากๆ
.
ทุกคนในนี้พร้อมที่จะเติบโตสวนกระแสท่ามกลางคนภายนอกที่เอาแต่บ่นว่าเศรษฐกิจไม่ดี จะไปทำอะไรได้...
.
แต่พี่น้องชาว Online Signature คิดเสมอว่า “ในเวลาที่คนอื่นหยุด คุณแค่เดินไปช้าๆ ก็ยังนำหน้าเขาไปได้ตั้งหลายก้าว เพราะถึงจะอยู่ในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจทรุด แต่เรายังโอกาสพัฒนาตัวเองและธุรกิจให้ก้าวหน้าได้ และเมื่อไหร่ที่เศรษฐกิจกลับมาสู่สภาพเดิม เราจะกลายเป็น ผู้นำ ทันที”
.
.
และสุดท้าย แอบกระซิบบอกสำหรับคนที่อยากจะเข้ามาลุยด้วยกันว่า “ผมมีสอนสูตรลับการยิงแอดร้อยให้ได้ล้าน ที่ใครได้เรียนไปแล้ว ก็ไม่เคยกลับมาบ่นเรื่องค่าแอดแพงอีกเลย” อันนี้เอาไว้เป็นทางเลือกถ้าอยากจะเพิ่มยอดขายให้มากขึ้นอีก (แต่หลายคนแทบไม่ได้ใช้ เพราะขนาดไม่ยิงแอดยอดขายก็รับไม่ทันแล้ว)
.
ที่สำคัญ สำหรับมือใหม่ที่อยากเริ่มต้นทำธุรกิจออนไลน์ ผมเชิญผู้เชี่ยวชาญด้านการทำรูปคอนเทนต์แบบง่ายๆ จากมือถือด้วย Canva มาสอนให้ด้วย จะได้ไม่ต้องกังวลว่า “ทำไปแล้วจะไม่มีรูปพรีเมี่ยมใช้”
.
.
# คอร์ส Online Signature Master Class 2021 จากปกติราคา 46,000 บาท ช่วงโปรโมชั่นเหลือเพียง 18,000 บาท
.
แต่เดี๋ยวก่อน !! เฉพาะคนที่แชร์โพสต์นี้ และ สมัครเข้ามา 20 คนแรก คุณสามารถเข้ามาลุยในคอร์สนี้ในราคาเพียงพิเศษ 10,860 บาท เท่านั้น !!
.
.
# พร้อมรับคำเชิญเข้ากลุ่มลับ War Room ที่อาจารย์เจษแห่งสำนัก Ohmpiang นักขายมือโปร ที่สามารถขายของทุกอย่างที่อยู่ใกล้ตัว ในแบบที่เหมือนเพื่อนคุยกัน แต่ทุกคนที่ฟังต้องควักกระเป๋าเงินออกมาซื้อแบบ งงๆ ทุกที โดย อ.เจษ จะแอบมา Live เรื่อง “การขาย” ให้ฟังพร้อมเปิดรับคำถามและแจกสคริปต์การขายเรื่อยๆ แบบฟรีๆ
.
.
สมัครเรียน แอดไลน์ @samounglai (ใส่ @ ด้วย) จากนั้นบอกทีมงานว่า “ลุย OSM”
.
แล้วพบกันในคลาสนะครับ ^^
.
.
ปล1. ราคาพิเศษ 10,860 บาท และ คำเชิญเข้ากลุ่มลับ War Room นี้ เฉพาะ 20 คนแรก เท่านั้น !!
.
ปล2. สามารถชำระผ่านบัตรเครดิต หรือ ผ่อน 0% นาน 10 เดือนได้ (บัตรเครดิตที่ร่วมรายการ)
.
ปล3 ราคาอาจจะดูแรง แต่ผลตอบแทนที่ได้ แพงกว่าแน่นอน ถ้าเข้ามาเรียนแล้วคิดว่าไม่คุ้ม ผมยินดีคืนเงินให้ ภายใน 7 วัน
แบบ ภายใน บ้าน 在 Aten Arnon: เอเท็น อานนท์ Prince of Marketing Facebook 的最佳貼文
*Promotion Last Call
( ก่อนราคาขยับขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ )
*คลาส OTO (Online Take Over) ปีหน้า จะ “เพิ่มเนื้อหา"
เป็น Ver. PLUS ต่อยอดจากปัจจุบัน
ใครที่สมัครมาก่อนหน้า และ สมัครใน Pro นี้ จะได้ สิทธิ์ Upgrade ฟรี
โดยไม่ต้องสมัครรุ่นใหม่
*และราคาจะขยับขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เมื่อเปิดตัวรุ่น PLUS
เพราะฉะนั้น ใครที่เล็ง OTO ไว้
อยากเรียนรอบสด และอยากได้ราคาพิเศษที่สุด รอบนี้ ห้ามพลาดครับ
====
Online Take Over Masterclass
"ชนะทั้งตลาด ด้วย Online"
Online คือโลกยุคใหม่
ที่มีลูกค้าไม่จำกัด
และเราเข้าถึงลูกค้าได้
ได้ทุกวัน ตลอด 24 ชม.
แต่ปัญหาคือ เมื่อลูกค้าไม่จำกัด
ก็มีคนทำ (คู่แข่ง) มาก ! ไม่จำกัดเช่นกัน
เพราะเราไม่ได้ แค่แข่งกับเฉพาะ ร้านไม่กี่ร้านแถวๆ บ้าน
แต่เราต้องแข่งกับทุกๆ ร้าน ที่อยู่บน Online
นั่น เป็นเหตุผลที่ว่าการ Post ขายเฉยๆ
แบบเหมือนๆ กัน
กับ ที่อื่นๆ จึง "ไม่ได้ผล" อีกต่อไป
( ใครที่เคยขายดีจะเริ่มเห็นว่ายอดเริ่มตกลงเรื่อยๆ, ค่าโฆษณาเริ่มแพงขึ้น, ลูกค้าเริ่มน้อยลง )
เพราะฉะนั้น
เราต้องการ กลยุทธิ์ การทำเนื้อหา
ที่ทำให้เราโดดเด่น ทำให้คนคิดถึงเรา
และ อยากซื้อกับเรา ก่อนเป็นเจ้าแรกๆ
นี่คือ วิธีเดียวที่จะทำให้เรา ชนะทั้งตลาด
และนี่ คือสิ่งที่ผมจะนำมาถ่ายทอดในคลาสนี้
=======
# เนื้อหาบางส่วนในคลาส
- วิธีเพิ่มลูกค้า แบบไม่จำกัด "ด้วย Online"
- 5 ขั้นตอน ทำการตลาด "Online" ยุคใหม่ อย่างถูกต้องและไม่ "หลงทาง" อีกต่อไป
- วิธีทำยังไงให้โดดเด่น ในโลกที่คู่แข่งบน Online เยอะมากๆ
- วิธีทำยังไงให้ลูกค้า คิดถึงเรา อยากซื้อกับเราเป็นคนแรกๆ หรือ แม้กระทั่ง ยอมขับรถทางไกล ผ่านร้านอื่นๆ เพื่อมาใช้บริการ หรือ ซื้อสินค้าจากร้านเรา (แบบผลลัพธ์ของพี่ น้องชาว 1year ที่เคยลงในหน้าเพจ ไม่ว่าจะเป็น ธุรกิจ สักคิ้ว, กล้องติดรถยนต์, อสังหา, คุณหมอ, ... )
- ทำยังไงให้ลูกค้า "เชื่อใจ" เรา (มากกว่าที่อื่นๆ) ทั้งๆ ที่ของคล้ายๆ กัน และ อยากที่จะซื้อกับเรา แม้ว่าราคาเราอาจจสูงกว่า
- วิธีทำยังไง ให้ลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำ และบอกต่อ (ไม่ใช่เป็นลูกค้าครั้งเดียว) - เพราะคนที่ทำธุรกิจจะทราบดีกว่า ค่าใช้จ่ายในการหาทำให้ลูกค้าซื้อครั้งแรก มีมูลค่าสูงมาก และไม่มีธุรกิจไหนที่อยู่ได้ ด้วยการหาลูกค้าใหม่ เพียงอย่างเดียว
- ที่สำคัญคลาสนี้ เน้นที่ "แก่น" และ "หลักการ" การตลาด Online โดยใช้ Facebook เป็นเพียงแค่เครื่องมือ เพราะฉะนั้น เนื้อหาในคลาส จะเป็น Timeless คือ ใช้ได้ตลอดไม่ว่า Facebook จะเปลี่ยนแปลงบ่อยแค่ไหน (และเราไม่ต้องกลัวการเปลี่ยนแปลงของ Facebook เลย) เพราะเน้นที่แก่น จริงๆ
และ หัวข้ออื่นๆ เช่น
- 6 วิธีทำ Content ที่คนอยากแชร์
- 5 วิธีทำยังไงให้ "แตกต่าง" (ในสินค้าที่แทบจะเหมือนๆ กัน) และไม่มีใครตามคุณได้ทัน
- “กฎข้อเดียว” ของการตลาดยุคใหม่ (ที่คนส่วนมากไม่รู้) ที่จะทำให้ยอดขายของคุณเปลี่ยนไปมหาศาล - (ข้อนี้ข้อเดียว อาจเปลี่ยนธุรกิจของคุณได้เลยทันที !)
- 5 วิธีทำให้ธุรกิจ Online โต อย่างรวดเร็วที่สุด (โดยที่คุณออกแรงน้อยที่สุด)
- 9 วิธีที่จะทำให้คน เชื่อใจคุณ และอยากซื้อสินค้ากับคุณ (แค่ทำ 1-2 ข้อ ผลลัพธ์ก็เปลี่ยนแปลงมหาศาล)
และ อื่นๆ อีกมากมาย
เพราะฉะนั้น คลาสนี้เลยเหมาะกับ
- คนที่เคยทำ Online มาก่อน และต้องการต่อยอดขึ้นไปอีก หรือกำลังมีปัญหา ยอดตกลง ค่าโฆษณาแพงขึ้นเรื่อยๆ หรือ คู่แข่งมากขึ้นเรื่อยๆ
- "ธุรกิจ offline" ที่ต้องการขยายมา Online
- "คนที่เริ่มต้นใหม่" ที่คุณจะได้เริ่ม แบบถูกทิศทาง ตั้งแต่เริ่มต้น (เพราะมี Bonus สอนแบบจับมือทำตั้งแต่เริ่มต้น )
- เหมาะกับ "Freelance, นักขาย หรือ เจ้าของธุรกิจ" ที่ต้องการให้ลูกค้าวิ่งเข้าหา (ไม่ใช่ต้องวิ่งออกไปหางานเอง เพียงอย่างเดียว)
- เหมาะกับทุกคน ทุกอาชีพ ที่ต้องการเข้ามาในโลก Online
========
พิเศษ!
ยังมีสิ่งที่เกินกว่าคลาส เป็นSpecial Bonus พิเศษให้
เพื่อต่อยอด และคลายทุกกังวล
***Special Bonus
สำหรับคนที่สมัครช่วงนี้เท่านั้น
Bonus#1: มือใหม่ “ไม่ต้องกังวล” เรื่องการใช้เทคโนโลยี อีกต่อไป
“นี่คือปัญหาที่ใหญ่ที่สุด
สำหรับคน “เริ่มต้น” ทำ online”
ไม่ใช่เราไม่เก่ง
ไม่ใช่เราไม่มีของ
แต่เราขาดแค่
เราไม่ถนัดการใช้เทคโนโลยี
ทั้งๆ ที่จริงแล้ว
นี่คือ เรื่องที่ง่าย มากๆ
(ถ้าเข้าใจ และมีคนแนะนำจริงๆจังๆ)
เพียงแต่ที่ผ่านมา
ไม่เคยมีที่ไหน เคยรวบรวม
และ คัดแต่เฉพาะ แก่นที่ใช้งานจริงๆ เท่านั้นมา
เพราะฉะนั้น
Bonus นี้ จะทำให้คุณ
“ไม่ต้องกังวล เรื่องเทคโนโลยีอีกต่อไป”
ประกอบด้วย
- วิธีเริ่มต้นธุรกิจด้วย “Facebook FanPage”
- วิธีต่อยอดธุรกิจ “Facebook Ads”
- ปิดการขาย และติดตามลูกค้า ด้วย “Line Official"
- สร้างหน้าร้าน Online ให้ดูดีด้วย “Website”
*แค่ Bonus นี้สำหรับคนที่ ไม่ถนัดเรื่องเทคนิค
ก็เกินคุ้มค่าสมัครแล้ว
เพราะฉะนั้นไม่ต้องกังวลเรื่อง
ใช้เทคโนโลยีอะไรไม่เป็น
ถ้าใจคุณได้ คุณพร้อม(เรื่องพวกนี้ไม่ใช่ปัญหา)
(อย่าให้ปัญหาพวกนี้มาหยุดคุณ)
ทุกอย่างมีในนี้สำหรับคุณ
และมีผู้เชี่ยวชาญพร้อมช่วยคุณ
----
Bonus#2: ทำเพจยังไงให้สวย และแพง แบบมี Style “Fanpage Premium”
ทำยังไงให้ “แฟนเพจ (หน้าร้าน)”
ดูแพง เพื่อยกระดับ Brand และ Product ของเรา และ ยกระดับราคา !
ไม่ใช่แค่ทำเป็น
แต่จะทำยังไงให้ดูแพง และ แตกต่าง !
----
Bonus#3: ทำ Video ยังไงได้อย่าง มืออาชีพ (ด้วยอุปกรณ์แบบธรรมดาๆ) “Video Premium”
ในยุคที่คนออก Live กันเต็มไปหมด
ทำยังไงให้ “Video ดูแพง” เพื่อดึงดูด
คนให้อยากดู และ ยกระดับ Brand และ Product ของเรา
----
Bonus#4: ถ่าย Live ยังไงให้สวย และดูแพง “Live Premium”
ในยุคที่คนออก Live กันเต็มไปหมด
ทำยังไงให้ “Live ดูแพง” ดึงดูดคนให้อยากดู
เพื่อ ยกระดับ Brand และ Product ของเรา
----
Bonus#5: แต่งตัวยังไงให้ดูดี (โดยเฉพาะเวลาออกกล้อง) “You! Premium”
ปรับตัวคุณ ยังไงให้สวย/หล่อ
ดูแพง แบบมี Style เพื่อยกระดับ Brand และ Product ของเรา
(ดูแพงโดยที่ไม่จำเป็นต้องใช้ของแพงๆ )
-------
Bonus ทั้งหมดนี้
สอนโดย Special Guest
ที่ผมคัดเลือก และมั่นใจแล้วว่า
เป็นผู้เชี่ยวชาญ “ตัวจริง” ในเรื่องนั้นๆ
ซึ่ง Guest จะมาเจาะลึกเฉพาะเรื่อง
และ ผมจะลงลึกเรื่องการตลาด
การนำไปใช้
ว่าเอาในแต่ละเรื่อง
จะเอาไปใช้จริง ได้อย่างไร
มีหลักคิดและจิตวิทยาตรงไหน ที่จะเอาไปต่อยอดธุรกิจได้ทันที
เพราะฉะนั้น
Bonus ทั้ง 5 นี้
“เป็นคลาสที่เกิดจาก ความร่วมมือพิเศษ”
คุณไม่สามารถหาได้ จากที่ไหน
นอกจากที่นี่ที่เดียว
(เพราะที่นี่จะทำให้คุณเห็นทั้งเทคนิคภาครายละเอียด และภาพใหญ่ทั้งหมด)
ซึ่ง Bonus เพียงแค่ ข้อใดข้อหนึ่ง
“เพียงข้อเดียว”
มูลค่าจริงๆ ของมัน
มันมากกว่า ราคาค่าคลาสนี้ไปแล้ว
ถ้าคุณกำลัง “เริ่มทำ” ธุรกิจ Online
Bonus#1:
Facebook Page, Facebook Ads, website, Line Official, Live OBS
จะทุ่นเวลา ให้คุณได้มาก
ทำให้คุณเริ่มทำ Online
โดยไม่ต้องกังวลเรื่องเทคโนโลยีอีกต่อไป
และสำหรับคนที่
ต้องการต่อยอด
Bonus#2,3,4,5
จะทำให้
เพจคุณสวยขึ้น
Video คุณดูดีขึ้น
Live คุณน่าสนใจขึ้น
และ ตัวคุณน่าสนใจขึ้น
เพื่อ ยกระดับ Brand และมูลค่า Product ของคุณ
———
เพราะฉะนั้น
คุณค่าของคลาสนี้
ถ้าคุณเอาไปใช้
มันสามาถเพิ่มยอดขายคุณได้
“ไม่จำกัด”
เพราะนี่คือคลาส
ของการทำ ธุรกิจ Online ในยุคใหม่
แบบครบวงจร
เฉพาะ Bonus
แค่ข้อใดข้อหนึ่ง เพียงข้อเดียว
ผมสามารถทำออกมา
เป็นคลาสแบบแยกแต่ละคลาสออกมาได้
ที่ราคา 15,000 - 20,000 ต่อคลาส
โดยที่คุ้มค่า ทุกบาท ทุกสตางค์
รวม 5 Bonus
มูลค่าจะอยู่ที่ 75,000 บาท
ยังไม่นับรวม เนื้อหาหลักของคลาส
ทั้งหมด 10 Module
ที่ราคาปกติ จะอยู่ที่
75,000 บาท
( เทียบไม่ได้เลย กับการที่คุณทำการตลาด online
หาลูกค้าได้ไม่จำกัด, ต่อยอดธุรกิจ, เพิ่มยอดขาย, และมีฐานลูกค้าอย่างยั่งยืน ซึ่งทักษะนี้จะเป็นทักษะติดตัวไปตลอด
==================
***Super Special Bons
(Bonus 6-9 เพิ่มเข้ามาทีหลัง ไม่มีใน Video)
**Bonus 6: "พูดหน้า กล้องยังไงให้โดนใจ" โดย ขุนเขา สินธุเสน
จากประสบการณ์ตรง จาก ผู้ที่ผ่านมาแล้วกว่าพันเวที
( และเค้าเป็น Coach ที่ให้คำแนะนำผม ก่อนที่จะขึ้นเวที )
และ มีคลิปหน้าเพจ ร่วมพันคลิป
และ เจ้าของหลักสูตร Speakology ที่มีผู้เรียนกว่าพันคน
เพราะฉะนั้นใครที่ติดเรื่องการพูดหน้ากล้อง
ไม่กล้า, กลัว, ไม่รู้จะเรียบเรียงยังไง
Bonus นี้ ช่วยคุณได้ !
---
***Bonus 7: "เพจโตไว ด้วย Clip Viral" โดย โปรเชน
จากประสบการณ์ตรง จากผู้ที่มีคลิป Viral เยอะเป็นอันดับ 1 ของประเทศ
ทั้งหมดกว่า 105 คลิป ที่มีคนดูมากกว่า 1 ล้านวิว
และมีคนแชร์เกิน 3 หมื่นแชร์ แบบไม่ได้โฆษณา (ข้อมูลปี 2019)
และ เค้าคือผู้อยู่เบื้องหลัง คลิป Viral หลายคลิป ในเพจของผ
เพราะฉะนั้น ใครที่
ทำเพจหลังบ้านดีแล้ว
อยากทำให้คน รู้จักเราให้มากขึ้น
แบบไม่ต้องใช้ โฆษณา
Bonus นี้ จะช่วยต่อยอดให้คุณได้
*Bonus#8: เคล็ดลับขายดี บน Lazada & Shopee โดย อ.เจด
เจ้าของ Brand กล้องติดรถยนต์ grovvygang
---
และ สุดยอด Bonus
*Bonus#9: ทำ Video ยังไงให้ขายดี และ Facebook Ads ขั้นสูง !
(Ads แบบ Conversion)
โดย วินเนอร์ ธันย์ธรณ์ Winner Thunthorn
ผู้ยิง Ads มาแล้วมากกว่า 20 ล้านบาท และได้รับ โล่ห์จาก Facebook โดยตรง
=========
โดยสรุป คลาส
Online Take Over
“ชนะทั้งตลาด ด้วย Online”
10 Core Module (มูลค่า 75,000)
+5 Bonus หลัก ! (มูลค่า 75,000)
+Bonus จาก ขุนเขา - พูดหน้ากล้องยังไง ให้โดนใจ
+Bonus จาก Pro เชน - เพจโตไว ด้วย Clip Viral
+Bonus จาก อ.เจตน์ - เคล็ดลับขายดีบน Shopee & Lazada (มูลค่า 19,950)
+Bonus จาก วินเนอร์ - Facebook Ads ขั้นสูง (Ads แบบ Conversion) (มูลค่า 19,950)
มูลค่ารวมทั้งหมดกว่า 189,900
แต่ผมตั้งราคาคลาสนี้อยู่ที่ 75,000 บาทเท่านั้น
และพิเศษสุด สำหรับ ช่วงนี้
ราคา Promotion จะอยู่ที่ 45,000 บาท
======
** พิเศษ Promotion Last Call
ส่งท้ายปี 2020
*ก่อนราคาขยับขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
เพราะ คลาส OTO (Online Take Over) ปีหน้า จะ “เพิ่มเนื้อหา"
เป็น Ver. PLUS ต่อยอดจากปัจจุบัน
ใครที่สมัครมาก่อนหน้า และ สมัครใน Pro นี้ จะได้ สิทธิ์ Upgrade ฟรี
ราคาเต็ม 75,000
Promotion จะอยู่ที่ 45,000 บาท
**พิเศษ Promotion Last Call
ทัก Line: @iClass
เพื่อรับ ส่วนลด Promotion พิเศษ
ก่อน รุ่น PLUS จะเปิดตัวต้นปีหน้า และราคาจะขยับขึ้นอีกครับ
-----
“สมัครแล้ว เข้าเรียนได้เลยทันที"
"เรียน Online เรียนเวลาไหนก็ได้ ซ้ำกี่รอบก็ได้ ไม่มีหมดอายุ"
"Bonus: ผมจะอยู่ตอบคำถาม
และตรวจงานย้อนหลังแบบละเอียด อย่างน้อยๆ จนถึง สิ้นปี 2020
(ผมจะตรวจด้วยตัวเอง ทุกๆ 1-2 สัปดาห์ ย้ำว่าผมตรวจเองไม่ใช่ทีมงาน)
**Special Bonus - สมัครช่วงนี้ ได้ Upgrade เป็นรุ่น PLUS เพิ่มเนื้อหา + Live สดๆ ปีหน้า ฟรี !
ใครที่ทำ Online
ไม่อยากให้พลาดครับ
ราคาพิเศษกว่านี้ไม่มีอีกแล้วครับ
=====
สมัครได้ที่ Line: @iClass
(ใน inbox และใต้ Comment ไม่มีทีมงาน Standby นะครับ อาจจะตอบล่าช้า แนะนำ ทัก Line: @iclass จะรวดเร็วที่สุดครับ)
****30Day guarantee
รับประกันความพอใจ
ภายใน 30 วัน ถ้าเรียนแล้วรู้สึกไม่คุ้มค่า หรือไม่เหมาะกับเรา
ยินดีคืนเงิน เต็มจำนวน (เพียงทักบอกแอดมิน ช่องทางเดียวกับที่สมัครเข้ามา)
*เข้ามาลุย แล้วพิสูจน์ความคุ้มค่า ด้วยตัวเองครับ
แบบ ภายใน บ้าน 在 ZadistiX Youtube 的最佳貼文
ติดตามข่าวสาร พูดคุยหรือขอแบบบ้านได้ที่แฟนเพจลิงคืนี้เลย
https://www.facebook.com/zadistix/
#Zadistix #ClashOfClansไทย #แคลชออฟแคลน
รายชื่อผู้โชคดี ได้รับ Gold Tier คือ "Kamisama"
ทักเฟสส่วนตัวหรือเพจมาภายใน 1 อาทิตย์ไม่งั้นถือว่าสละสิทธิ์
บ้าน 11 เป็นบ้านแรกที่เราจะได้ Grand Warden และมังกรไฟฟ้า
ใครที่อยู่บ้าน 10 ตัน คิงและควีนเลเวล 40 ขึ้นบ้าน 11 มา
ให้อัพแกรน วอเด้นให้เป็น 10-15 ให้เร็วที่สุดจะทำให้ ตีบ้าน 12 ง่าย
เซ็ตที่ 1
ยัก 12-16 ระเบิด 6 พ่อมด 10 นางฟ้า 4 ปาหิน 12-16
ม่วง 2 แช่ 3 ดินไหว 4 ขอม่วงเพื่อนอีก 1 เอารถเจาะมาด้วย
ในแคลนขอเป็นปาหินล้วน ตีได้ทั้งบ้าน 11 และ 12
ขึ้นอยู่กับว่าเสาลาวาเป็นเป้าหมายอะไรมากที่สุด
เซ็ตที่ 2
บอลลูน 4 มังกรไฟฟ้า 8
ม่วง 3 แช่ 5 ขอเพื่อนอีก 2 ขอเป็นบอลลูนทุ่มหิน
เหมาะสำหรับฐานที่จัดป้อมชิดกัน จะทำให้ไฟฟ้าชิ้งหมด
พยายามแช่ ปืนอากาศ เสาลาวาเป้าหมายเดี่ยวและที่เป่าลม
เซ็ตที่ 3
ธนู 1 ระเบิด 6 พ่อมด 3 นางฟ้า 4 เบบี้ดราก้อน 2 ขุดดิน 14 หมู 15
่ฮิล 3 ม่วง 1 แช่ 2 ยาพิษ 1 ขอม่วงเพื่อนอีก 1 เอาบาแรคลอบฟ้ามา
ไม่เหมาะกับฐานที่แบ่งเป็นๆเกาะ และเว้นว่างกับดักเยอะ
พยายามใช้ควีนวอล์ค ตัดฐาน 30% ภายใน 1 นาที
ปล่อยวอเด้นตาม หมูและขุดดินและคอยฮิลเลี้ยงไม่ให้ตาย
บ้าน 12 ดีกว่าแบบ 11 แค่ 3 อย่างเท่านั้ย
1. บ้านป้องกันตัวเองได้
2. เสาลาวาเพิ่มมาอีก 1 เสา
3. ป้อมป้องกันเลเวลสูงกว่าแค่ 1-2
เวลา 11 ไปตี 12 พยายามทำลายบ้านและอีเกิลให้ได้ก่อน
สังเกตเสาลาวาว่าเป็นเป้าหมายอะไร เดี่ยวหรือหลาย
-----------------------------------------------------------------------------------------
สนับสนุนและเป็นกำลังใจให้ช่องผมด้วยนะครับ
ถ้าชอบก็อย่าลืม Like. Share และ Subscribe ด้วยนะครับขอบคุณมาก
True Money, True Wallet
https://www.tmsteam.me/donate.php?shop=4628793
Line Rabbit และพร้อมเพย์
https://tipme.in.th/zadistix
สำหรับ PayPal
https://streamlabs.com/zadistix/tip