หนังดีที่ป๊ากล้าเอาหัวน้องมูจิเป็นประกัน 🐶🐶🐶
รีวิว (No Spoil) ภาพยนตร์ Animation เรื่อง Kimi no nawa (Your name, หลับตาฝัน ถึงชื่อเธอ) 💕
หลังจากที่เมื่อวานป๊าซุปและป๊าโบ้ได้หนีน้องมูจิและมิกุไปดูหนังเรื่อง Kimi no nawa หลายๆคนคงได้เห็นเพื่อนๆใน Facebook แชร์เรื่องนี้กันบ้างแล้ว และเป็นกระแสเงียบที่ดังขึ้นเรื่อยๆ วันนี้ป๊าเลยอยากมาชักชวนเพื่อนๆให้ออกไปดูหนังเรื่องนี้กันครับ
สำหรับคอภาพยนตร์ Animation ญี่ปุ่นอาจเคยได้ยินหรือได้เห็นภาพโฆษณาและข่าวคราวเกี่ยวกับเรื่อง Kimi no nawa กันมาบ้างแล้วว่าเป็นภาพยนตร์ทำเงินสูงสุดอันดับที่ 1 ประจำปี 2016 ที่ประเทศญี่ปุ่น เรื่องนี้ได้รับกระแสตอบรับอย่างดีเยี่ยมทั้งจากแฟนหนังและนักวิจารณ์
โดยส่วนตัวแล้วป๊าซุปจะชอบอ่านหนังสือการ์ตูนมากกว่าการดูอนิเมชั่น ด้วยความสูงอายุและโตมากับหนังสือการ์ตูนมากกว่าเลยทำให้หลายครั้งที่ดูอนิเมะรู้สึกว่าสนุกสู้อ่านมังงะไม่ได้ ผมเคยผ่านตาหนังอนิเมะมาก็หลายเรื่องแต่ไม่ยักกะเคยดูหนังของผู้กำกับและเขียนบท Shinkai Makoto มาก่อน คนนี้เองที่ได้รับการขนานนามว่าจะมาเป็น The new Hayao Miyazaki เจ้าพ่ออนิเมะแห่งค่าย Studio Ghibli
เรื่อง Kimi no nawa ผมได้ยินข่าวมาสักพักใหญ่ว่าดังมากที่ญี่ปุ่น จนทราบว่าทางค่ายหนังเมืองไทยจะนำภาพยนตร์เรื่องนี้เข้ามาฉายในบ้านเรา ก็รู้สึกตื่นเต้นและเฝ้าคอยมากๆ เนื่องจาก Trailer ที่ได้ดูคือสวยงามและน่าดูมาก จนกระทั่งเมื่อต้นเดือน พฤศจิกายน ที่ผ่านมาได้ข่าวว่ามีบางเวปได้นำหนังเรื่องนี้มาลงแบบผิดกฎหมายโดยมีซับเป็นภาษาอังกฤษ (ไม่สนับสนุนให้ดูของเถื่อนนะครับ แต่ผมตั้งใจไว้อยู่แล้วว่าจะอุดหนุนหนังเรื่องนี้แน่นอน และด้วยความอดใจรอไม่ไหวเลย Spoil ตัวเองด้วยการนั่งดูจนจบ) และทำให้พบว่า หนังเรื่องนี้ดีมากในทุกองค์ประกอบ และเสียใจมากเช่นเดียวกันที่ไม่อดใจไปรอตื่นเต้นในโรงภาพยนตร์ แต่สิ่งหนึ่งที่ได้จากการ Spoil ตัวเองในครั้งนี้ทำให้ผมมีเวลาไปศึกษาหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับทีมสร้างทีมนี้
ระหว่างที่รอจะไปดูหนังเรื่องนี้ในโรงภาพยนตร์ผมก็ได้แต่บิ้วคนรอบข้างว่าเรื่องนี้ต้องห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง ถ้าไม่ได้ดูในโรงภาพยนตร์จะน่าเสียดายมาก เพราะมันคุ้มจริงๆ และผมก็ได้ทราบเพิ่มเติมว่าทีมสร้างทีมนี้ได้ผลิตหนังดีมีคุณภาพมาแล้วด้วยกันหลายเรื่อง ผมเลยย้อนกลับไปหาดู จนทำให้ความตื่นเต้นได้ทวีคูณเพิ่มมากขึ้นไปอีก ก่อนหน้านี้ เรื่อง 5 centimeters per second จากผู้กำกับและเขียนบน Shinkai Makoto ก็ได้สร้างความตื่นเต้นให้กับคออนิเมะมาแล้วหนึ่งรอบเมื่อปี 2007 เรื่องราวและบรรยากาศหม่นๆของประเทศญี่ปุ่นกับบทเพลงไพเราะ ซึ่ง ณ ตอนนั้นหนังเรื่องนี้ก็ทำออกมาได้ดีเยี่ยมมากแล้ว ยิ่งทำให้หนังของ Shinkai โดดเด่นและแตกต่างจากทีม Studio Ghibli อย่างเห็นได้ชัด หลังจากผมได้มีโอกาสดูเรื่อง 5 centimeters per second จบ ก็ตัดสินใจสมัครเป็นแฟนคลับของ Shinkai ไปโดยปริยาย เริ่มตามหาหนังสือเรื่องเก่าๆของ Shinkai มาอ่าน เริ่มตามเก็บ Photobook ผลงานของ Shinkai
และแล้ววันที่รอคอยก็มาถึง วันที่ 10 พฤศจิกายน (เมื่อวาน) ได้มีผู้คนเริ่มทะยอยลงรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องนี้มากขึ้นในเพจ Facebook ต่างๆ มีการชักชวนให้ออกมารวมพลังสนับสนุนอนิเมะเรื่องนี้ เพื่อให้ค่ายหนังในเมืองไทยเห็นว่าหนังอนิเมะดีๆก็สามารถทำเงินได้ และอานิสงค์นี้อาจนำไปสู่การนำเอาภาพยนตร์อนิเมะเรื่องอื่นๆเข้ามาฉายในบ้านเรามากขึ้น ด้วยความโอตาคุของป๊าซุปและป๊าโบ้ การได้ไปดูหนังเรื่องนี้ในวันแรกที่ออกฉายจึงถือว่าสำคัญมาก 555 หลังจากทำธุระเสร็จ ก่อนกลับบ้านเราจึงแวะดูหนังเรื่องนี้กันที่ Central World ซึ่งตอนแรกกะว่าจะดูรอบ 1 ทุ่มตรง แต่ไม่คาดคิดว่าคนจะมาดูหนังเรื่องนี้เยอะมากจนทำให้เหลือที่นั่งแค่สองแถวหน้า พวกเราเลยเปลี่ยนมาเป็นรอบ 2 ทุ่มแทน ได้ที่นั่งกลางๆค่อนไปด้านหน้าอีกเช่นกัน ทำให้ระหว่างดูหนังมีอากาสปวดคอเนื่องจากต้องแหงนหน้าดูตลอดระยะเวลา 1 ชั่วโมง 45 นาที ฝากเตือนสำหรับคนที่จะไปดูหนังเรื่องนี้นะครับ เชครอบหนังและที่นั่งให้ดีๆเลือกที่นั่งที่ดีที่สุดเพราะหนังเรื่องนี้สวยงามมาก
ตลอดระยะเวลาหนึ่งชั่วโมงกว่า ผมจากคนที่เคยดูไปแล้วหนึ่งรอบ ส่วนป๊าโบ้ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย ถูกลากมาดูแบบเลี่ยงไม่ได้ ความสนุกนอกจากจะไม่ได้ลดลงแล้ว แต่กับเพิ่มปริมาณมากมากขึ้นเนื่องจากเราสามารถโฟกัสในทุกรายละเอียดได้มากขึ้น ตั้งใจดูและสังเกตุเนื้อเรื่องและภาพที่เห็นตรงหน้าเพิ่มมากขึ้น ผม ยิ้ม หัวเราะ และน้ำตาซึม ได้กับเรื่องราวตลอดทั้งเรื่องแบบไม่มีคำว่าเบื่อ
หลังจากที่หนังจบลง สิ่งที่สังเกตุได้คือทุกคนที่ออกมาจากโรงภาพยนตร์มีความรู้สึกคล้ายๆกันว่าหนังเรื่องนี้ดีจริงๆ ดูแล้วอิ่มเอมใจ การผูกเรื่องที่น่าสนใจของตัวละครหลักทั้งสองคน เรื่องราวที่พูดถึงธรรมชาติกับการใช้ชีวิตของคนญี่ปุ่น ความสัมพันธ์ของคนในครอบครัวและเพื่อนฝูง ลักษณะหนังเป็นแนว โรแมนติกแฟนตาซี การตัดต่อภาพยนตร์ที่ทำได้อย่างยอดเยี่ยมเลยทำให้ระหว่างที่เราดูนั้นไม่เกิดความรู้สึกว่าหนังน่าเบื่อ ภาพ Background ที่มีรายละเอียดแบบขั้นเทพ ที่เรียกได้ว่าเป็นจุดขายของหนัง Shinkai ทุกเรื่อง สวยน้ำตาไหลกับทุกฉาก ยิ่งสำหรับคนที่ชอบมองดูท้องฟ้าแบบป๊าโบ้ด้วยแล้ว ผมคิดว่าเขาน่าจะชอบเรื่องนี้มากๆ สีและดีเทลต่างๆดีจนคิดว่าพวกเขาใช้เวลาในการสร้างเรื่องนี้นานขนาดไหนถึงทำได้ละเอียดเช่นนี้ ภาพถ่ายจากสถานที่จริงในหลายๆฉากนำมาทำใหม่ด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์ คนดูเลยได้เห็นทั้งความสมจริงและความสวยงามในเวลาเดียวกัน บทเพลงบรรเลงตลอดเรื่องได้เชื่อมโยงให้หนังของ Shinkai ลงตัวมากยิ่งขึ้น จังหวะตัดจบในบางบทเพลงกับการตัดต่อภาพเพื่อเปลี่ยนสถานการณ์ยิ่งช่วยเร้าอารมณ์ของตัวหนังให้เพิ่มความน่าสนใจมากเข้าไปอีก
หนังเรื่องนี้ไม่ได้แค่เหมาะสำหรับคอแฟน อนิเมะ ญี่ปุ่นเท่านั้น แต่ยังเหมาะกับทุกๆคนที่ชอบดูหนัง เพราะเนื้อเรื่องที่เข้าได้กับคนหลายกลุ่ม ทั้งผู้ใหญ่และวัยรุ่นทั่วไป ทั้งคนที่โสด และคนที่กำลังมีความรัก ทั้งคนที่เคยไปเที่ยวญี่ปุ่น หนังเรื่องนี้จะทำให้คุณคิดถึงญี่ปุ่นและอยากกลับไปเที่ยวอีกครั้ง ภาพบรรยากาศทั้งหมดมันสามารถทำให้คนที่เคยไปคิดถึงวันเหล่านั้นได้อย่างชัดเจน หรือคนที่ยังไม่เคยไปญี่ปุ่นและอยากจะลองไปเที่ยวดูสักครั้ง ตัวหนังก็ยิ่งบิ้วส่งเสริมการท่องเที่ยวญี่ปุ่นให้คึกคักได้อย่างแน่นอน ทั้งคนที่มีความเหงาเป็นเพื่อน หรือคนที่เชื่อในเรื่องพรหมลิขิต ภาพยนตร์เรื่องนี้ตอบโจทย์ได้หมดทุกองค์ประกอบ พูดมาขนาดนี้แล้วไปดูเถอะครับ อยากให้ได้ดูกันจริงๆ หนังดีที่ป๊ากล้าเอาหัวน้องมูจิเป็นประกัน
น้องมูอาจจะไม่ได้ไปดูหนังเรื่องนี้ด้วยกันกับพวกผม แต่ผมให้น้องมูนั่งมองหนังสือ Photo & story book พร้อมทำความเคารพหนังสือเป็นที่เรียบร้อย ป๊าชอบอะไรน้องมูก็ชอบแบบนั้นครับ 555
ส่วนเพื่อนๆพี่ๆที่เป็นหนอนหนังสือ ชอบอ่านมากกว่าชอบดู ตอนนี้สำนักพิมพ์เมืองไทยได้แปลเรื่องนี้เป็นฉบับภาษาไทยเรียบร้อยแล้ว ร้านหนังสือหลายแห่งกำลังเปิดรับพรีออเดอร์อยู่นะครับ สำหรับคนที่พรีออเดอร์ตอนนี้เท่านั้นที่จะได้แผ่นโฆษณา Poster หนังเรื่องนี้ขนาด A2 ด้วย ได้ข่าวมาว่าหลายร้านตอนนี้สินค้าพรีออเดอร์ได้หมดลงแล้ว ซึ่งผมไม่พลาด สั่งไปเรียบร้อยตอนนี้นอนรอที่จะอ่านเรื่องนี้อีกครั้งอย่างใจจดใจจ่อ ในหนังสือน่าจะมีรายละเอียดปลีกย่อยอารมณ์ของตัวละครที่ทำให้เราเข้าใจเหตุผลและการกระทำของแต่ละคนได้มากขึ้น ซึ่งเป็นธรรมดาที่ภาพยนตร์ชั่วโมงครึ่งจะไม่สามารถเก็บรายละเอียดได้ครบ ตัวหนังสือน่าจะทำให้เราจินตนาการหนังเรื่องนี้ได้กว้างมากขึ้นไปอีก
กลับมาถึงบ้านผมฟัดมูจิไป 10 รอบ แล้วผมก็หันมาบอกกับป๊าโบ้ว่า ช่วยหาโรงหนังจอใหญ่ที่สุดที่ฉายเรื่องนี้ให้หน่อยเพราะอยากจะไปซ้ำอีกสักรอบกับโรงหนังจอใหญ่และที่นั่งที่ดีที่สุดเพื่อดื่มด่ำกับงานศิลปะชิ้นนี้เพื่อให้อยู่ในความทรงจำตลอดไป (ฟังดูเว่อร์มาก แต่รักหนังเรื่องนี้จริงๆนะครับ) เมื่อวานยังไม่หนำใจครับโรงเล็กแหงนหน้าปวดต้นคอไปหมด
*ณ ตอนนี้ที่หาได้คิดว่าที่ Siam Paragon น่าจะเป็นโรงหนังที่ใหญ่ที่สุดที่พวกผมหาได้ที่ฉายเรื่องนี้อยู่
ใครไปดูมาแล้วแวะมาคุยกันนะครับ
ป๊าซุปเขียน ป๊าโบ้ถ่ายภาพ น้องมูจิรายงาน 🐶🙋🏻♂️💁🏻♂️
#Yourname #Kiminonawa
