Wall’s จากร้านขายเนื้อ สู่ไอศกรีมที่ขายดีสุดในโลก /โดย ลงทุนแมน
ถ้าถามว่า ของว่างประเภทไหนที่เหมาะกับ เมืองร้อนอย่างประเทศไทยบ้าง
คำตอบของหลายคนต้องมี “ไอศกรีม” รวมอยู่ด้วย
ซึ่งในประเทศไทยก็มีแบรนด์ไอศกรีมชื่อดังต่าง ๆ มากมาย หนึ่งในนั้นคือ ไอศกรีม Wall’s
รู้ไหมว่า จุดเริ่มต้นของ Wall’s ไม่ได้มาจากการขายไอศกรีมตั้งแต่แรก
ความเป็นมาของไอศกรีม Wall’s ที่หลายคนชื่นชอบ เป็นอย่างไร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
จุดเริ่มต้นของไอศกรีม Wall’s ต้องย้อนกลับไปในปี 1786 เมื่อคุณ Richard Wall ที่ในตอนนั้นเขาได้เปิด ร้านขายเนื้อ ในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ
กิจการร้านขายเนื้อของตระกูล Wall ดำเนินกิจการมาจากรุ่นสู่รุ่น จนมาในปี 1913 หลานชายของคุณ Richard Wall เข้ามาบริหารต่อ และได้มีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญเกิดขึ้น
การเปลี่ยนแปลงที่ว่า ตั้งต้นมาจากปัญหาหนึ่งที่กิจการร้านขายเนื้อของตระกูล Wall เจอมานาน
คือพอถึงช่วงฤดูร้อนของทุกปี ความต้องการไส้กรอก พาย และเนื้อ ซึ่งเป็นสินค้าหลักของร้านจะลดลง ทำให้เขาต้องลดจำนวนพนักงานในช่วงฤดูร้อนลงแทบทุกปี
พอเรื่องเป็นแบบนี้ คุณ Richard Wall II จึงพยายามหาทางช่วยให้พนักงานของเขามีงานทำในช่วงเวลาดังกล่าว รวมทั้งเพิ่มยอดขายให้แก่ร้านในช่วงฤดูร้อนไปในเวลาเดียวกัน
เขารู้ว่า ไส้กรอก พาย และเนื้อ ไม่ใช่สินค้าที่ตอบโจทย์ลูกค้าในช่วงเวลาดังกล่าว และสิ่งที่เหมาะที่สุด ที่จะช่วยให้ลูกค้ารู้สึกสดชื่นในช่วงฤดูร้อน จะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจาก “ไอศกรีม”
แต่ความคิดนี้ต้องถูกพับลงไปก่อน เนื่องจากช่วงนั้นเป็นช่วงเวลาของสงครามโลกครั้งที่ 1 จนเมื่อสงครามนั้นสิ้นสุดลง เขาจึงได้เริ่มนำไอศกรีมมาไว้ในเมนูของร้านเขา
รวมไปถึงเริ่มการใช้ม้าและเกวียน นำไอศกรีมไปขายตามท้องถนน จากนั้นก็เปลี่ยนมาใช้รถสามล้อ
ต่อมาในปี 1922 ธุรกิจไอศกรีม Wall’s ของเขา ได้ถูกซื้อกิจการไปโดย 2 บริษัท
คือ Lever Brothers ซึ่งเป็นบริษัทที่ทำธุรกิจสบู่ในอังกฤษ และ Margarine Unie ซึ่งเป็นบริษัทที่ทำธุรกิจอาหารของเนเธอร์แลนด์
หลังจากนั้น ความนิยมของไอศกรีม Wall’s ก็เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
จนต้องเพิ่มจำนวนรถสามล้อเพื่อขายไอศกรีมบนท้องถนนในสหราชอาณาจักร จากช่วงเริ่มต้นในปี 1922 ที่มีประมาณหลัก 10 คัน มาเป็นกว่า 8,500 คันในปี 1939
ตัดภาพมาที่ปัจจุบัน ไอศกรีม Wall’s มีขายในกว่า 50 ประเทศทั่วโลก โดยในแต่ละประเทศก็จะใช้ชื่อในการทำตลาดที่แตกต่างกัน เช่น
- ในสหรัฐอเมริกาและแคนาดา ใช้ชื่อว่า “Good Humor”
- ในเยอรมนี ใช้ชื่อว่า “Langnese”
- ในอังกฤษ ไทย ญี่ปุ่น จีน อินเดีย เวียดนาม สิงคโปร์ ลาว และอีกหลายประเทศในเอเชีย ใช้ชื่อว่า “Wall’s”
แต่ไม่ว่าจะใช้ชื่ออะไร จุดสังเกตที่เห็นได้ชัดก็คือ จะมีโลโกรูปหัวใจสีแดงในตำนานของ Wall’s อยู่ด้วยเสมอ
โดยปัจจุบัน Wall’s เป็นส่วนหนึ่งในธุรกิจของ Unilever บริษัทผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภครายใหญ่ของโลก
ซึ่ง Unilever ก็เกิดมาจาก การควบรวมระหว่าง Lever Brothers และ Margarine Unie ที่เป็นสองบริษัทเจ้าของไอศกรีม Wall’s ก่อนหน้านี้ นั่นเอง
อีกเรื่องที่น่าสนใจคือ
ข้อมูลจากสถาบันวิจัยตลาด Euromonitor ในปี 2020 ระบุว่า ธุรกิจไอศกรีมของ Unilever ครองส่วนแบ่งตลาดในธุรกิจไอศกรีมเป็นอันดับ 1 ของโลก โดยมีส่วนแบ่งตลาดยอดขายประมาณ 19%
ในส่วนของประเทศไทยนั้น Wall’s เข้ามาทำตลาดช่วงแรกในปี 1989 หรือปี พ.ศ. 2532 โดยมีการลงทุนสร้างโรงงานผลิตไอศกรีมในไทย
เพราะมองว่า ตลาดไอศกรีมของไทยในตอนนั้นยังมีโอกาสเติบโตอีกมาก เมืองไทยเป็นเมืองที่ค่อนข้างร้อน และอัตราการบริโภคไอศกรีมของคนไทยในตอนนั้น ก็ยังอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าหลายประเทศในเอเชีย
Wall’s เริ่มทำการพัฒนาสูตรไอศกรีม ช่องทางการขาย การโฆษณา ให้เหมาะกับพฤติกรรมการบริโภคของคนไทย
รวมไปถึงการที่ Wall’s พยายามสร้างฐานลูกค้าไอศกรีม ให้หลากหลาย
มีการเจาะกลุ่มลูกค้าวัยเริ่มทำงานหรือกระทั่งกลุ่มผู้ใหญ่มากขึ้น
เช่น มีการสร้างซับแบรนด์อย่าง Magnum ที่เจาะกลุ่มคนชอบไอศกรีมระดับพรีเมียม
โดยข้อมูลจากกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม ในปี พ.ศ. 2560 ระบุว่า Wall’s เป็นแบรนด์ที่มีส่วนแบ่งตลาดมากกว่า 50% ในตลาดไอศกรีมของประเทศไทยเลยทีเดียว
จากจุดเริ่มต้นของร้านขายเนื้อในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ของคุณ Richard Wall เมื่อเกือบร้อยปีที่แล้ว และความคิดเพียงแค่ต้องการที่จะช่วยเหลือพนักงานในร้านให้มีงานทำในช่วงฤดูร้อน จนนำไปสู่การทำเมนูไอศกรีม จนกลายเป็นแบรนด์ไอศกรีมที่มียอดขายมากที่สุด ในวันนี้..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References:
-https://edition.cnn.com/2020/11/14/business/unilever-ice-cream/index.html
-https://en.wikipedia.org/wiki/Wall%27s_(ice_cream)
-https://finance.yahoo.com/quote/UL/
-https://edition.cnn.com/2020/11/14/business/unilever-ice-cream/index.html
-https://e-journal.dip.go.th/dip/images/ejournal/8d790e74b422cafb81549dced75b6ad1.pdf
「magnum unilever」的推薦目錄:
- 關於magnum unilever 在 ลงทุนแมน Facebook 的最佳貼文
- 關於magnum unilever 在 DroidSans Facebook 的最讚貼文
- 關於magnum unilever 在 Hannah Tan Facebook 的精選貼文
- 關於magnum unilever 在 How well do you know your #Magnum... - Unilever Maldives 的評價
- 關於magnum unilever 在 Pin on MAGNUM - UNILEVER - Pinterest 的評價
- 關於magnum unilever 在 Unilever Future Leaders' League 2020 x Magnum Mini ... 的評價
magnum unilever 在 DroidSans Facebook 的最讚貼文
3 โซเชียลมีเดียยักษ์ Facebook , instagram และ Twitter กำลังถูกหลายๆแบรนด์ใหญ่ร่วมกันงดซื้อโฆษณาเพื่อเป็นการแบน ต้นเหตุจากการที่ทั้งหมดไม่มีการจัดการปัญหา การสร้างความเกลียดชัง ข่าวปลอม หรือ เรื่องราวการขัดแย้งต่างๆที่เกินผ่านทางช่องทางออนไลน์ของตัวเองให้เด็ดขาด และ ชัดเจนซักทีนึง
.
แบรนด์ใหญ่ๆ ชั้นนำทั่วโลกกำลังทยอยเข้าแคมเปญจ์ “หยุดความเกลียดชังสร้างกำไร” ซึ่งเป็นการโจมตีพฤติกรรมของ Social Media Platforms เหล่านี้โดยตรง เพราะช่วงหลังๆนี้เราน่าจะเห็นประเด็นดราม่าในโลกโซเชียลออกมาแทบทุกวัน ทั้งเรื่องการเหยียดเชื้อชาติ สีผิว ข่าวปลอมข่าวลวง หรือการกล่าวร้ายใส่ผู้อื่นอยู่บ่อยๆ จิงทำให้เกิดแคมเปญนี้ขึ้นมา โดยเหตุผลหลักๆ สรุปย่อยง่ายๆได้ตามนี้เลยค่ะ
.
🤔 จุดประสงค์จริง ๆ แล้วไม่ใช่แค่เพียงเพราะทั้ง 3 เจ้าไม่จัดการเนื้อหา Hate Speech (สร้างความเกลียดชัง) แค่เพียงเท่านั้น
🤔 แต่อาจร้ายแรงถึงขั้นจงใจให้เนื้อหาประเภท Hate Speech นั้นมีอยู่และกลายเป็นกระแส
🤔 เท่ากับว่าเป็นการรวมผู้คนจำนวนมากมาอยู่รวมกันบนพื้นที่เนื้อหาดราม่าทั้งหลาย ทำให้การโฆษณาอาจได้รับการมองเห็น (Impression) ที่มากขึ้นเป็นพิเศษ
🤔 แน่นอนว่ายิ่งคนเห็นมาก มันก็แปลงเป็นรายได้ของบริษัทเหล่านี้นั่นเอง
.
โดยแบรนด์ที่สร้างรายได้ให้ Facebook และ Twitter มหาศาล อย่าง Unilever เรียกว่าน่าจะเป็นแบรนด์แรกที่ออกมาเข้าร่วมแคมเปญจ์นี้ (Unilever สร้างรายได้กว่าให้ Facebook ไปไม่ต่ำกว่า 1.3 พันล้านบาท) เจ้านี้มีแบรนด์ย่อยเยอะมากกก และ เราก็คุ้นเคยกันดีอย่าง Sunsilk – Pond’s – Dove – Lux – Citra – Clear – Vaseline – Breeze – Omo – Sunlight – Wall’s – Magnum และ Cornetto ก็เช่นกัน)
.
นอกจากนี้ยังมีแบรนด์ระดับโลกอีกหลายรายที่ออกมาประกาศว่าจะร่วมแคมเปญจ์นี้กันแล้ว ไม่ว่าจะเป็น Adobe | BMW | HP | PayPal | Pepsi | The North Face ก็เช่นกัน
.
ก็หวังว่างานนี้จะทำให้ทั้ง 3 เจ้า จะมีวิธีจัดการกับ Hate Speech , ข่าวเท็จข่าวลวง และ ประเด็นดราม่าทั้งหลายได้ขึ้นซักทีนะ
.
ข้อมูลเพิ่มเติม
https://droidsans.com/facebook-twitter-being-boycotted-for…/
magnum unilever 在 Hannah Tan Facebook 的精選貼文
// My [25.10]🎂wish //
𝐈 𝐥𝐢𝐤𝐞 𝐭𝐨 𝐚𝐬𝐤 𝐟𝐨𝐫 𝐚 𝐟𝐚𝐯𝐨𝐮𝐫.
(Details at the bottom)
-
My dearest #OnlineFamily,
I’m touched beyond words.😭
Thank you so much for the❤️
overwhelming love & heartfelt wishes.
It’s been quite a journey, but
you’ve made all the difference.
OTW to Sg, I thought about this:
********************************
1. If you drop me a wish/virtual hug here,
it’ll make me happy. But,
2. If you drop someone in yr respective
online community (who may be in need of
some love) a random comment of
encouragement/virtual ❤️hug,
it’ll make 𝙩𝙝𝙚 𝙗𝙤𝙩𝙝 𝙤𝙛 𝙪𝙨 happy.
With that same effort & love,
more people can be happy, so
𝐈 𝐜𝐡𝐨𝐨𝐬𝐞 # 𝟐.
I’ve disabled comments, so instead of
receiving/keeping all yr love to myself,
𝐰𝐞 𝐜𝐚𝐧 𝐟𝐮𝐧𝐧𝐞𝐥❤️𝐢𝐭 𝐭𝐨 𝐦𝐨𝐫𝐞 𝐩𝐞𝐨𝐩𝐥𝐞 &
𝐚𝐦𝐩𝐥𝐢𝐟𝐲 𝐭𝐡𝐚𝐭 𝐚𝐜𝐭 𝐨𝐟 𝐤𝐢𝐧𝐝𝐧𝐞𝐬𝐬 to
𝐥𝐞𝐭 𝐦𝐨𝐫𝐞 𝐩𝐞𝐨𝐩𝐥𝐞 𝐤𝐧𝐨𝐰,
𝙩𝙝𝙚𝙮’𝙧𝙚 𝙣𝙤𝙩 𝙖𝙡𝙤𝙣𝙚.
#ThinkOthers.
********************************
Choose 1, or do all:
1. Drop a random kind 𝐜𝐨𝐦𝐦𝐞𝐧𝐭 𝐨𝐧 𝐭𝐡𝐞𝐢𝐫 𝐥𝐚𝐭𝐞𝐬𝐭 𝐩𝐨𝐬𝐭. Just because
2. Do an 𝐈𝐧𝐬𝐭𝐚 𝐬𝐭𝐨𝐫𝐢𝐞𝐬 𝐬𝐡𝐨𝐮𝐭𝐨𝐮𝐭 for that 1 person, get your online community to do the same
3. Do a 𝐭𝐢𝐦𝐞𝐥𝐢𝐧𝐞 𝐬𝐡𝐨𝐮𝐭𝐨𝐮𝐭 (preferred, so that I have more than 24hrs to check it out)
If you’d like me to repost,
go ahead and tag me.
Love & appreciate you #OnlineFamily!❤️
~#HannahTan
**************************
In this shot: Wrapping up one of the final engagements which we’ve committed to for the year before I officially . Streamlining my creative involvement to a few passion projects a year.
@Magnum is a Brand I personally grew up with & this team at Unilever have journeyed with me through the decade so it meant a lot to be able to share this new milestone with them.
The fact that my husband loves salted caramel is a bonus.
I hope you’ll enjoy this new indulgent edition as much as he does.
#TakePleasureSeriously
#MagnumMy
-
Dressed by @definehaute @laurayong
Captured by @1o2_
magnum unilever 在 Pin on MAGNUM - UNILEVER - Pinterest 的推薦與評價
Jan 7, 2020 - Paper props for Ruby Chocolate themed new season opening of Magnum Store Istanbul. We designed giant flying ice-cream bars with Ruby chocolate ... ... <看更多>
magnum unilever 在 How well do you know your #Magnum... - Unilever Maldives 的推薦與評價
Can you guess how many Magnum Almond ice creams are there in the picture? ... Unilever Maldives, profile picture ... 6 Almond Magnum Ice Creams. ... <看更多>