The Best Opportunity to “Laam5Caau2”* (Lee Yee)
Since the start of the Anti-ELAB movement, numerous young people, journalists, ordinary citizens have shed blood, sweat and tears on the streets; many dead bodies were discovered but “not in suspicious circumstances”; Hong Kong Police blatantly batter people, not to mention tortures in the dark room, sexual and other violent assaults. How Hongkongers fight against all this, is like David and Goliath. They put their lives at stake with a determination that screams “if we burn, you burn with us”, awaking global attention. Their demand from the international societies is for them to sanction China and Hong Kong.
Because National Security Law (NSL) was not put into the meeting agenda of the previous National People’s Congress (NPC), rumor has it that China wants to back out of the plan. A wave of comments from the Hong Kong netizens flooded the Internet saying “don’t you dare to chicken out now”, and “if you cop out now you are a wimp”. This is the continuation of the so-called “Scorched-Earth mentality” [“Laam5Caau2”]. “Laam5Caau2” is neither masochism, nor asking for trouble; it is the determination to fight till the end with the risk of death, in the hope to reborn or resurrect. Without such determination, there will be no lifeline for Hong Kong.*
As the draft NSL came out, former Chief Justice of Hong Kong, Honorable Andrew Li Kwok-nang, who had previously wished to compromise in exchange for the law being enforced in Hong Kong, published an article yesterday. He pointed out, with the Chief Executive being able to appoint judges to hear NSL-related cases, Beijing being allowed to “administer jurisdiction” in a small number of cases and those having been arrested could be extradited to the mainland, he is deeply concerned that it would completely destroyed the independence of the justice system under the Basic Law.
To his comments, Carrie Lam responded that “appointing judges” only means to appoint one among the current judges; in terms of extradition, there are similarities between Common Law and the law in Mainland China, such as “the presumption of innocence.”
We won’t forget what just happened recently. Judge Kwok Wai-kin, who was dealing with a case of assault near Lennon Wall where the meat cleaver-wielding defendant attacked three people, said the defendant had a “noble sentiment”. Chief Justice Geoffrey Ma immediately made the decision that Kwok should not handle any similar political cases in the future. We can be certain that, if Carrie Lam is to appoint a judge to deal with NSL cases, she will definitely appoint judges like Kwok.
Talking about “presumption of innocence”, an article from the China Youth Daily newspaper in January 2017 stated, the percentage of cases with “not guilty” judgment in Hong Kong courts are as high as 45%, while in China, the percentage of such judgment in 2015 was 0.084% – that is in every 10,000 defendant, only 8 of them were proven innocent. If excluding the civil cases and only counting the criminal cases, the percentage would have been close to nil, which means, as long as the person has been charged by the law enforcement, he will only be found guilty by the court.
Just from these 2 points, one wonders: when NSL is to be enforced in Hong Kong, are Hongkongers still being protected by the law?
The intention of China rushing to launch NSL before LegCo nomination is too obvious – it is hard to imagine Hong Kong Special “Atrocious” Region government NOT using the “not supporting NSL” to disqualify candidates. In the existing nomination form for LegCo Election, “I declare that I will uphold the Basic Law and pledge allegiance to the Hong Kong Special Administrative Region” is stated in the declaration. If it stops here, then a signed form would have been sufficient and a confirmation letter would not be needed.
If a confirmation letter is to be added, then the candidates might have to declare they support NSL, or more tactfully, support the National Laws in Annex III of the Basic Law. However, NSL (Hong Kong) is not a law that is being enforced countrywide, which does not meet the definition of Annex III, and therefore according to the Basic Law, it cannot be supported.
A confirmation with this detail is not one that any of the pro-democratic party members will sign, or it would deem them enemies of Hongkongers. There are no excuses as: First set my foot in LegCo so that I am in the game to fight; LegCo MUST have a voice from the opposition; let’s swallow this humiliation, it’s better than let the pro-establishment getting its way; if there is no opposition, the government will be even more presumptuous...all these reasons will only send the wrong message to the international society: that even the pro-democratic party has accepted NSL. Then, international sanctions are bound to slow down and all the blood shed by the freedom fighters since day one will be in vain.
What Hong Kong faces now is a matter of life and death. Nearly all the Western countries have voiced against NSL, with USA even emphasised that, the Hong Kong LegCo Election in September could lead to sanctions. In terms of “earth-scorching”, or “Laam5Caau2”, this is the ideal moment to reap. How can we let this pass us by? Any Hongkonger who has what it takes should apply to be a candidate regardless. The aim is to create an enormous scale of disqualifications of candidates. Who cares whether you would be elected, or drop out after being admitted. This is a chance to scream to the world whether the majority public opinion is for or against NSL.
Forget the primaries. Even if you win it, you would still have to face NSL in the election. So why not apply, then be disqualified because of opposing NSL. If you still haven’t been disqualified by then, it’s still not too late to reconsider hosting primaries.
wimp dark matter 在 มติพล ตั้งมติธรรม Facebook 的最佳貼文
สสารมืด (Dark Matter) คืออะไร?
รางวัลโนเบลสาขาฟิสิกส์ปี 2019 ที่เพิ่งจะประกาศไป ได้มอบรางวัลส่วนหนึ่งให้เแก่ James Peebles สำหรับ "การค้นพบทางทฤษฎีในสาขาจักรวาลวิทยา" ซึ่งส่วนใหญ่ๆ ส่วนหนึ่งที่ Peebles ได้มีส่วนร่วมในการบุกเบิกทำให้เราเข้าใจเกี่ยวกับวิวัฒนาการของเอกภพได้มากขึ้น ก็คือการมีอยู่ของสสารมืด นำไปซึ่งการค้นพบหลักฐานการมีอยู่ของสสารมืด ซึ่งปรากฏว่ามวลสารทั้งหมดของเอกภพกว่า 85% นั้นอยู่ในรูปของสสารมืด
ว่าแต่ว่าสสารมืดคืออะไร? เรื่องนี้ไม่ได้ตอบกันสั้นๆ แน่ๆ
- แรงทั้งสี่ในเอกภพ
ก่อนจะสามารถอธิบายถึงสสารมืดได้ ต้องขอย้อนกลับไปอธิบายเรื่องแรงทั้งสี่ในเอกภพก่อน
แรงในเอกภพที่เรารู้จักกันในปัจจุบันนั้นมีอยู่ด้วยกันสี่แรง คือแรงนิวเคลียร์อ่อน นิวเคลียร์เข้ม แรงแม่เหล็กไฟฟ้า และแรงโน้มถ่วง แรงนิวเคลียร์อ่อนและเข้มคือสิ่งที่ยึดนิวเคลียสและอนุภาคพื้นฐานเอาไว้ด้วยกัน และแทบไม่มีผลที่ระยะที่ใหญ่กว่าขนาดนิวเคลียสของอะตอม ปฏิกิริยาเคมีเกือบทั้งหมดที่เกิดขึ้นในร่างกายของเรา และแม้กระทั่งแรงผลักดันที่พื้นกระทำกับเท้าของเรานั้น เกิดขึ้นจากแรงแม่เหล็กไฟฟ้าระหว่างอิเล็กตรอนที่โคจรอยู่รอบนิวเคลียสของธาตุในตารางธาตุ แรงโน้มถ่วงนั้นเป็นแรงที่เราคุ้นเคยกันดี และทำให้ดึงดูดมวลสารทั้งหมดเข้าหากัน โลกดึงดูดเรา เราดึงดูดโลก และกาแล็กซีดึงดูดกันเอง
- สสารปรกติ
ธาตุทุกธาตุที่เรารู้จักในตารางธาตุ อนุภาคพื้นฐานทั้งหมดที่เรารู้จัก ดาวฤกษ์ที่เรามองเห็นในยามค่ำคืน ก๊าซในกาแล็กซี แม้กระทั่งเนบิวลามืดที่ไม่ได้ส่องแสงในตัวเอง หรือดาวแคระแดงที่ส่องแสงอย่างริบหรี่ สิ่งเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็น "สสาร" หรือที่ในทางจักรวาลวิทยาเรียกว่า "baryonic matter" ด้วยกันทั้งสิ้น สสารเหล่านี้สามารถตอบสนองต่อแรงทั้งสี่ของเอกภพได้ โดยแรงที่สำคัญที่สุดก็คือแรงแม่เหล็กไฟฟ้า เพราะปฏิสัมพันธ์ระหว่างแรงแม่เหล็กไฟฟ้าทำให้อะตอมของไฮโดรเจนที่เคลื่อนที่ผ่านกันในอวกาศทำให้เกิดแรงเสียดทาน ความสามารถในการแผ่รังสีทำให้ก๊าซร้อนสามารถเย็นตัวลง และรวมตัวกันเป็นโครงสร้างที่พัฒนาไปเป็นเนบิวลา กาแล็กซี กระจุกดาว ดาวฤกษ์ และดาวเคราะห์ได้ ทุกอย่างที่เราเคยพบ เคยได้ยิน เคยได้เห็น สัมผัส ล้วนแล้วแต่ประกอบขึ้นจาก baryonic matter ด้วยกันทั้งสิ้น
- มวลที่หายไป
เมื่อนักดาราศาสตร์เริ่มพยายามวัดแรงโน้มถ่วงของโครงสร้างขนาดใหญ่ ด้วยวิธีต่างๆ นักดาราศาสตร์กลับพบว่า การที่กาแล็กซีจะสามารถยึดกันได้ และมีอัตราเร็วในการหมุนในลักษณะที่เราสังเกตนั้น จะต้องมีแรงโน้มถ่วงอันมหาศาล ซึ่งจะต้องมีมวลมากกว่าที่เราสังเกตเห็นอยู่ และไม่ว่านักดาราศาสตร์จะพยายามประเมินมวลที่มองไม่เห็นเหล่านี้ยังไง ไม่ว่าจะรวมหลุมดำที่มองไม่เห็น ก๊าซมืด สสารระหว่างดวงดาว ดาวแคระแดง ฯลฯ ยังไง ผลที่ได้ก็คือกาแล็กซีจะต้องมีมวลมากกว่าที่เราสามารถสังเกตเห็นได้อีกเป็นอย่างมาก นั่นหมายความว่าจะต้องมีอะไรบางอย่างที่เราไม่สามารถสังเกตเห็นได้ แต่ยังสามารถส่งแรงโน้มถ่วงได้
ยิ่งไปกว่านั้น เราพบว่า "สสารที่มองไม่เห็น" เหล่านี้นั้นมีการกระจายตัวที่ต่างกันออกไป ในขณะที่สสารในกาแล็กซีนั้น จะชนเข้ากับก๊าซในจานกาแล็กซีและรวมตัวกันเป็นโครงสร้างก้นหอยที่เรามองเห็นกันอยู่ แต่เรากลับพบว่าสสารที่มองไม่เห็นเหล่านี้นั้น ไม่ได้มีการกระจายตัวในลักษณะเดียวกันกับกาแล็กซี แต่กลับกระจายตัวในวงกว้างเป็นในพื้นที่ที่พ้นขอบเขตของกาแล็กซีไปอีกมาก ซ้ำยังไม่ได้มีการกระจายตัวในระนาบเช่นเดียวกับโครงสร้างก้นหอยของกาแล็กซี
อีกตัวอย่างหนึ่งที่ชัดเจน ก็คือ Bullet Cluster ในภาพ ในภาพเป็นกระจุกกาแล็กซี Bullet Cluster ที่ได้นำข้อมูลสามชุดมาซ้อนกัน ภาพเบื้องหลังเป็นภาพในคลื่นแสงแสดงให้เห็นกระจุกกาแล็กซี บริเวณสีชมพูคือรังสีเอ็กซ์จากกล้องโทรทรรศน์อวกาศจันทรา ที่แสดงให้เห็นถึงการกระจายตัวของมวลสารระหว่างกาแล็กซี (Interstellar Medium; ISM) ซึ่งแสดงให้เห็นการชนกันของมวลสารระหว่างกาแล็กซีในกระจุกกาแล็กซีนี้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเราทำการวัดแรงโน้มถ่วงจากการคำนวนเลนส์แรงโน้มถ่วง เรากลับพบว่ามวลของกระจุกกาแล็กซีนั้นมีการกระจายตัวในบริเวณสีฟ้า ซึ่งมีการกระจายตัวของมวลที่ต่างจากมวลสารปรกติ (สีชมพู) อย่างเห็นได้ชัด
ทั้งหมดนี้บ่งชี้ให้เห็นว่า ยังมีมวลสารอีกชนิดหนึ่ง ซึ่งไม่เพียงแต่ไม่แผ่คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าใดๆ แต่ยังไม่มีปฏิสัมพันธ์กับมวลสารธรรมดา นอกไปจากอิทธิพลของแรงโน้มถ่วง เราจึงเรียกมวลสารแปลกประหลาดที่ไม่ตอบสนองต่อแรงทั้งสี่ของเอกภพใดๆ นอกจากแรงโน้มถ่วงว่า "สสารมืด" (Dark Matter)
- สสารมืด
เมื่อเรานำเอาทฤษฎีของสสารมืดมาอธิบายปรากฏการณ์หลายๆ อย่าง ปรากฏว่าทฤษฎีสสารมืดนั้นสามารถอธิบายปรากฏการณ์ที่เห็นได้อย่างดีเยี่ยม ลำพังการสังเกตแรงโน้มถ่วงที่ไม่สอดคล้องกับมวลที่เรามองเห็นนั้นอาจจะเกิดขึ้นจากความไม่สมบูรณ์ในทฤษฎีสัมพัทธภาพที่เรารู้จัก แต่ทฤษฎีสัมพัทธภาพนั้นก็ไม่สามารถอธิบายได้ว่าเพราะเหตุใดการกระจายตัวของมวลจึงมีศูนย์กลางที่ต่างไปจากศูนย์กลางของมวลสารธรรมดา นอกไปจากนี้ทฤษฎีสสารมืดยังสามารถอธิบายถึงปรากฏการณ์ต่างๆ ได้อย่างดีเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็นการสังเกตการณ์ซูเปอร์โนวาประเภท Ia, รังสีไมโครเวฟพื้นหลัง structure formation, baryonaic acoustic oscillations, ฯลฯ ปัจจุบันทฤษฎีสสารมืดจึงเป็นทฤษฎีที่สอดคล้องกับการสังเกตการณ์ได้ดีที่สุด และเป็นทฤษฎีมาตรฐานที่นักจักรวาลวิทยาใช้ในการอธิบายวิวัฒนาการของเอกภพ
ปัจจุบันเราพบว่า เอกภพประกอบด้วยสสารมืดอยู่ประมาณ 27% ในขณะที่สสารปรกติมีอยู่เพียงประมาณ 5% (ส่วนที่เหลือกว่า 68% เป็นพลังงานมืดที่แปลกประหลาดยิ่งกว่า ซึ่งจะเก็บเอาไว้อธิบายในภายหลัง) เท่ากับว่ามวลสารทุกอย่างที่เรารู้จักกันมาในชีวิตประจำวันนั้นประกอบขึ้นเพียงไม่ถึง 5% ของเอกภพเท่านั้นเอง
- การตรวจพบสสารมืด
ด้วยคุณสมบัติของสสารมืดที่ไม่ตอบสนองต่อแรงแม่เหล็กไฟฟ้า ทำให้การศึกษาสสารมืดนั้นเป็นเรื่องที่ท้าทายเป็นอย่างมาก เราไม่สามารถฉายไฟฉายไปส่องดูสสารมืดได้ เพราะว่าสสารมืดไม่สะท้อน หักเห เลี้ยวเบน หรือตอบสนองต่อคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าแต่อย่างใด นอกไปจากนี้หากสมมติว่าเราสามารถนำเอาสสารมืดมาใส่เอาไว้ในขวดโหลได้ สสารมืดที่ไม่ตอบสนองต่อแรงแม่เหล็กไฟฟ้านั้นจะไม่สะท้อนกับอิเล็กตรอนที่ประกอบขึ้นเป็นผนังขวดแก้ว แต่จะไม่เพียงแต่ทะลุขวดแก้วไปอย่างง่ายดาย แต่จะทะลุโลกทั้งไปราวกับไม่มีสสารใดอยู่ในบริเวณนั้น (ต่างกับนิวตริโน ที่ถึงแม้จะตรวจพบได้ยาก แต่ก็ยังเป็นไปได้)
เป็นไปได้ว่าอนุภาคของสสารมืดนั้นอาจจะผ่านตัวเราอยู่ทุกวัน แต่เนื่องจากสสารมืดไม่ตอบสนองหรือมีปฏิกิริยาต่อสสารธรรมดาในร่างกายเราแต่อย่างใด เราจึงไม่สามารถรับรู้ได้
ในปัจจุบันนี้นั้น เรายังไม่เคยพบหลักฐาน หรือการสังเกตการณ์โดยตรงของสสารมืดแต่อย่างใด วัตถุในทางทฤษฎีที่ใกล้เคียงกับคุณสมบัติของสสารมืดที่สุด ก็คืออนุภาคที่เรียกกันว่า "WIMP" (Weakly-Interacting Massive Particles) ซึ่งมีงานวิจัยที่กำลังพยายามทำการค้นหาอนุภาคชนิดนี้ ซึ่งหากมีการค้นพบก็จะเป็นการยืนยันหลักฐานโดยตรงของสิ่งที่อาจจะเป็นองค์ประกอบหนึ่งของสสารอันลึกลับที่ยังไม่มีใครเคยเห็น อย่างไรก็ตาม ในทุกวันนี้ก็ยังไม่มีการยืนยันการค้นพบของสสารเหล่านั้นเป็นอย่างใด และสสารมืดก็ยังเป็นอีกหนึ่งปริศนาของเอกภพที่รอการค้นพบ
ภาพ: Bullet Cluster, NASA/CXC/M. Weiss - Chandra X-Ray Observatory: 1E 0657-56
อ้างอิง/อ่านเพิ่มเติม:
[1] https://en.wikipedia.org/wiki/Dark_matter
wimp dark matter 在 余海峯 David . 物理喵 phycat Facebook 的精選貼文
[Science Article Sharing] Ethan Siegel at Starts With A Bang writes about why the hope for WIMP to explain the dark matter phenomenon is basically gone.
wimp dark matter 在 Last chance for WIMPs: physicists launch all-out hunt for dark ... 的相關結果
WIMPs became a favourite candidate for the dark matter in the 1980s. They are typically predicted to be 1–1,000 times heavier than protons and ... ... <看更多>
wimp dark matter 在 Direct Detection of WIMP Dark Matter: Concepts and Status 的相關結果
This article reviews the concepts of direct detection of dark matter in the form of Weakly Interacting Massive Particles (WIMPs) in ... ... <看更多>
wimp dark matter 在 Weakly interacting massive particles - Wikipedia 的相關結果
Weakly interacting massive particles (WIMPs) are hypothetical particles that are one of the proposed candidates for dark matter. ... <看更多>