รายการ #ชัวร์แน่หรือแชร์มั่ว EP. 18 "เชื้อไวรัสโควิด กลายพันธุ์แล้ว อันตรายขึ้น 10 เท่า เรื่องจริงหรือ ? "
มีการเสนอข่าวว่า ตรวจพบว่าเชื้อโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ 2019 ซึ่งก่อให้เกิดโรคโควิด-19 ที่กลายพันธุ์แบบ D614G ซึ่งร้ายกว่าพันธุ์อื่นๆ 10 เท่า เพราะทำให้ติดเชื้อมากกว่าเดิมถึง 10 เท่า แถมยังกลัวกันว่าจะเป็นตัวปัญหาทำให้พัฒนาวัคซีนไม่สำเร็จอีกด้วย .. เรื่องนี้เป็นเรื่องจริง หรือเรื่องมั่ว ?
คำตอบคือ มีเชื้อไวรัสโรคโควิดที่กลายพันธุ์ ชื่อสายพันธุ์ D614G จริง แต่ยังไม่มีหลักฐานยืนยันว่ามันระบาดได้ง่ายกว่าสายพันธุ์อื่นเป็น 10 เท่า และไม่มีแนวโน้มว่าจะก่อปัญหาในการพัฒนาวัคซีนด้วย
หลังจากที่เชื้อโคโรน่าไวรัสสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือชื่อเป็นทางการว่า เชื้อ SARS-CoV-2 ระบาดในประเทศจีน และแพร่กระจายไปทั่วโลกนั้น การกลายพันธุ์ของไวรัสย่อมเกิดขึ้นได้
งานวิจัยของ Korber และคณะ ได้รายงานถึงการเปลี่ยนแปลงของกรดอะมิโน ในโปรตีนที่ทำให้เกิดหนามบนเปลือกของเชื้อไวรัส โดยเรียกว่าการกลายพันธุ์แบบ D614G ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงของกรดอะมิโนตำแหน่งที่ 614 จากกรดแอสปาร์ติก (ชื่อย่อ D) มาเป็นไกลซีน (ย่อว่า G)
ปัจจุบัน เราสามารถพบเชื้อไวรัสที่มีการกลายพันธุ์นี้ เป็นเชื้อเด่นในหลายประเทศทั่วโลก จนทำให้มีการตั้งสมมติฐานว่า ที่มันแพร่กระจายไปเยอะนั้น เพราะมันติดต่อได้ง่ายกว่าเดิมหรือเปล่า
แต่จนถึงขณะนี้ ก็ยังไม่มีหลักฐานว่าเชื้อไวรัสกลายพันธุ์นี้จะแพร่ระบาดง่ายในประชากร และยังไม่มีหลักฐานด้วยว่ามันจะทำให้อาการป่วยของโรคโควิดนั้นรุนแรงขึ้น
การกลายพันธุ์แบบ D614G จึงไม่น่าส่งผลกระทบต่อวิธีการรักษา หรือการออกแบบวัคซีน เพราะ D614G ไม่ได้เกิดขึ้นตรงจุดที่เป็น โดเมนในการจับกับรีเซปเตอร์ (receptor-binding
domain หรือ RBD) ของโปรตีนหนามที่จะเป็นเป้าหมายสำคัญในการพัฒนาวัคซีน มันจึงไม่น่าก่อปัญหากับวัคซีนที่กำลังพัฒนากันอยู่ หรือแม้แต่กับยารักษา เช่น พวกโมโนโคลนนอล แอนตี้บอดี้
โดยสรุป : แม้ว่าเชื้อไวรัสโรคโควิดกลายพันธุ์นี้จะถูกพบมากในหลายประเทศ รวมถึงการแพร่เข้ามาในประเทศเพื่อนบ้านของไทยเรา แต่ก็ยังไม่มีหลักฐานว่ามันมีความสามารถในการแพร่ระบาด หรือก่อให้เกิดอาการรุนแรง มากกว่าสายพันธุ์ดั้งเดิม และยังต้องมีการศึกษาต่อไปในทางระบาดวิทยา ถึงจะทราบได้แน่ชัด
ข้อมูลจาก https://www.cell.com/cell/pdf/S0092-8674(20)30817-5.pdf
