เช้าวันจันทร์อีกครั้ง อีก 15 นาทีผมเปิดห้อง ส่วนห้องอะไร ไปคิดกันต่อเอง เกรงใจแพลทฟอร์มนี้เค้าครับ แหะ ๆ
เหนื่อยกันมั้ยช่วงนี้ เอาตรง ๆ ผมเหนื่อยแฮะ คงไม้ต้องบอกที่มาว่าเหนื่อยอะไร แต่สิ่งที่น่ากลัวกว่าการเหนื่อย หรือจริง ๆ แล้วอาการเหนื่อยนี่แหละที่ทำให้ไฟ Passion ในการทำอะไรหลายอย่างมันเริ่มมอดไป ถ้ายังไม่ลืมกันนะ ผมพูดหลาย ๆ ครั้งเลยว่าอาการแบบนี้เป็นเรื่องธรรมดาของชีวิตการทำงาน ผมก็เจออยู่บ่อย รีบตั้งสติให้ไว อย่าหลุดไปตามอาการ Burn Out ต้องมองหา Purpose มาสู้กับ Burn Out ของเราซะ
แต่วันนี้ไม่ได้พูดเรื่องนี้หรอกครับ เพราะวันนี้จะคุยเรื่องมี Leader
ใครต่อใครก็คุยเรื่อง Leader เรื่องหัวหน้า แต่ก็นั่นล่ะครับ เรื่องแบบนี้คุยยังไงก็ไม่จบไม่สิ้น 5555 การนินหาหัวหน้า นินทา Leader เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตการทำงาน จริงมั้ย
ในช่วงนี้องค์กรหลายองค์กร ถูกบังคับให้ต้องปรับตัว คำว่า Transform ก็เลยเป็นคำนึงที่คนทำงานจะได้ยินกันบ่อย ๆ แล้วจากประสบการณ์ของผมเองเท่าที่เคยเจอมา ในทุกครั้งของการ Transform จะมีคนส่วนหนึ่งที่บาดเจ็บ เพราะองค์กรอาจจะต้องเปลี่ยนทั้งโครงสร้างองค์กร เปลี่ยนวิธีการในการทำงาน คนทำงานต้องปรับเปลี่ยนทักษะที่ต้องใช้ในการทำงาน เพราะอาจจะมีทั้งเทคโนโลยี ทั้ง AI ทั้ง Robot เข้ามามีส่วนร่วมในการทำงานมากขึ้นกว่าเดิม
ในปี 2018 Kai-Fu Lee เขียนไว้ในหนังสือ AI Superpowers ว่า "within the next 15 years of so, AI will be able to do virtually all of our routine task of nearly half of our total workload แปลแบบเร็ว ๆ คือ 15 ปี นับจากปี 2018 ก็น่าจะปี 2033 ที่คนทำงานจะเหลือครึ่งเดียว อีกครึ่งนึงกลายเป็น AI ไม่ก็ Robot
นี่คือสถานการณ์ที่เราจะเจอ ซึ่งเท่าที่ผมรู้จักกับ Leader ในหลายธุรกิจ ผมก็ตอบแบบค่อนข้างมั่นใจว่า ผู้บริหารระดับสูงแทบจะทุกองค์กร รู้และเข้าใจความสำคัญของเรื่องนี้กันหมด และก็เป็นกังวลกันด้วยว่าจะเดินหน้าธุรกิจของตัวเองยังไงให้ยังเติบโตได้อย่างยั่งยืน ซึ่งแน่นอนวา Transformation คือหนึ่งในคำตอบ
และอย่างที่ผมบอกไปว่าการพัฒนาทักษะ พัฒนาความสามารถ และการสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานให้เหมาะสมกับ Transformation คือสิ่งที่ที่ผู้บริหารอยากจะให้ทำ
แต่แค่อยากไม่เพียงพอหรอกครับ ผู้บริหารต้องลงมาทำอย่างจริงจัง และต้องลงมาทำให้เห็นเป็นตัวอย่างด้วย Lead by Example คือเครื่องมือจำเป็นสำหรับช่วงเวลาเหล่านี้
ผู้บริหารอยากให้องค์กรเปลี่ยน แต่ผู้บริหารไม่ได้ลงมาเปลี่ยนด้วย ผู้ตามอย่างเรา ๆ จะเดินตามอย่างมั่นใจได้ยังไง จริงมั้ย หรือที่ผู้บริหารไม่ Lead by Example เพราะผู้บริหารก็ยังไม่มั่นใจว่าวิธีการ หรือแนวทางในการ Transform มัน Work แต่คาดหวังและคาดคั้นให้ผู้ตาม "ทำสิ ทำสิ ทำไมไม่ทำกันล่ะ" ไม่คิดว่าผู้ตามจะงงกันเหรอ
หัวไม่ขยับ หางขยับแรงแค่ไหน มันก็ไม่สะเทือนเท่าไหร่หรอก ถูกมั้ย
ในภาวะของความไม่แน่นอน และการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นตลอดแบบนี้ Leader คือจุดเป็นจุดตายของความสำเร็จ อย่าล้อเล่นกับการเป็น Leader นะครับ
แล้วลองสังเกตดูได้ครับ องค์กรไหนที่เปลี่ยน Leader และ Leader เอาจริงเอาจัง องค์กรนั้นจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะทางบวกทางลบก็ตาม
แต่ยังไงก็ให้กำลังใจกับ Leader ที่เอาจริงเอาจังทุกคนครับ
#HRTheNextGen
#มนุษย์เงินเดือน #HR2021
同時也有2部Youtube影片,追蹤數超過67萬的網紅MrHotsia,也在其Youtube影片中提到,http://www.hotsia.com/burma-info/yangon/money/index-en.shtml exchange Myanmar money 1 USD = 900 Kyat. Taxi driver in Yangon or people like to say numb...
「example คือ」的推薦目錄:
- 關於example คือ 在 HR - The Next Gen Facebook 的最佳解答
- 關於example คือ 在 สมองไหล Facebook 的精選貼文
- 關於example คือ 在 ลงทุนแมน Facebook 的最佳貼文
- 關於example คือ 在 MrHotsia Youtube 的最讚貼文
- 關於example คือ 在 MrHotsia Youtube 的最佳解答
- 關於example คือ 在 Sample - Example ใช้ยังไง? | คำนี้ดี FOCUS EP.17 - YouTube 的評價
- 關於example คือ 在 Example & Sample example กับ sample มีความหมายไม่ ... 的評價
- 關於example คือ 在 Welcome to EV Station PluZ 的評價
example คือ 在 สมองไหล Facebook 的精選貼文
ปฎิเสธไม่ได้ว่า เรากำลังอยู่ในยุคที่การเขียนมีผลต่อปากท้องอย่างแท้จริง เพราะยุคนี้มันไม่ได้มีไว้ใช้สำหรับการเขียนหนังสืออย่างเดียวแบบเมื่อก่อนแล้ว
.
หากคุณเคยเป็นคนที่คิดว่า นักเขียนนั้น “ไส้แห้ง” ตอนนี้คงต้องคิดใหม่ แล้วรีบไปฝึกทักษะการเขียน เพราะไม่อย่างนั้นคุณอาจเป็นคนที่ไส้แห้งเองก็ได้
.
- คนที่เขียนเรซูเม่ได้เก่งกว่า ก็มีโอกาสได้รับเลือกให้ทำงานมากกว่า
- คนที่เขียนอีเมลได้เก่งกว่า ก็มีโอกาสได้ร่วมงานกับองค์กรใหญ่ๆ มากกว่า
- คนที่เขียนขายได้เก่งกว่า ก็มีคนซื้อมากกว่า มีรายได้มากกว่า
- คนที่เขียนแชทได้เก่งกว่า ก็มีโอกาสปิดการขายลูกค้าได้มากกว่า
- คนที่เขียนโต้ตอบคอมเมนต์เชิงลบได้เก่งกว่า ก็มีโอกาสสร้างภาพลักษณ์ที่ดีและพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสได้มากกว่า
.
มีลูกเพจที่ขายของออนไลน์หลายคนส่งข้อความทางอินบ็อกซ์เข้ามาหาผม เพื่อขอคำปรึกษาเรื่องการเขียนคอนเทนต์และเขียนขายสินค้า เพราะยุคนี้การขายออนไลน์แบบโพสต์รูปสินค้า เขียนข้อความทั่วไป แล้วพึ่งแต่การยิงโฆษณา มันไม่ได้ผลเหมือนยุคแรกๆ อีกต่อไปแล้ว ยิ่งไวรัสโควิด-19 ระบาดหนัก ยิ่งทำให้หลายคนเข้ามาขายออนไลน์กันจนที่คู่แข่งเต็มไปหมด
.
สิ่งที่ทำให้เราแตกต่างจากคนอื่นได้ก็คือ ความสามารถในการเขียนขาย แต่การเขียนที่ดีก็ไม่ใช่ว่าจะเขียนอะไรก็ได้
.
เพราะถ้าจะให้ได้ผลจริงๆ มันต้องมีจุดประสงค์ที่จะเขียนอย่างชัดเจน เพื่อให้ผู้อ่านได้รับอิทธิพลจากการเขียนและต้องสามารถชี้นำให้ผู้อ่านทำในสิ่งที่เราต้องการได้ด้วย
.
โดยวิธีการเขียนที่ผมแนะนำก็คือ O-R-E-O จากหนังสือ ศาสตร์แห่งการเขียนที่โน้มน้าวใจได้ทุกคน เขียนโดย ซง ซุกฮี ซึ่งถูกแบ่งออกเป็น 4 ขั้นตอนตามตัวย่อ คือ
.
- Opinipon (ความเห็น) นำเสนอความเห็นที่เป็นข้อสรุปของเรื่อง ถ้าเป็นการเขียนขายสินค้าก็ให้ศึกษาปัญหาของลูกค้าให้กระจ่าง แล้วนำมาตั้งข้อสรุปให้ลูกค้าเห็นปัญหาที่เขากำลังประสบอยู่
.
- Reason (เหตุผล) พิสูจน์ข้ออ้างด้วยเหตุผลและหลักฐานให้เห็นว่าสิ่งที่เรากำลังเขียนเป็นปัญหาของลูกค้าจริงๆ
.
- Example (ตัวอย่าง) ยกเหตุการณ์หรือยกตัวอย่างประกอบ แสดงให้ลูกค้าเห็นว่าถ้าเขาได้ใช้สินค้าของเราแล้วชีวิตจะดีขึ้นขนาดไหน
.
- Opinipon/Offer (ความเห็น/ข้อเสนอ) การเน้นย้ำความเห็นนั้นอีกครั้ง ถ้าเป็นการชายสินค้า ก็ทำให้ลูกค้าเห็นว่าถ้าอยากจะมีชีวิตที่ดีขึ้นอย่างที่เราทำให้เห็นไป ก็ซื้อสินค้ากับเรา แต่ถ้าไม่อยากซื้อ ลูกค้าก็จะอยู่กับปัญหาแบบเดิม
.
แน่นอนว่าลูกค้ามีทางเลือกว่าจะซื้อหรือไม่ซื้อ แต่สุดท้ายคนเราก็จะเลือกทางที่ดีให้กับตัวเองอยู่ดี
.
ซึ่งคนที่นำเทคนิคที่ผมแนะนำไปใช้พวกเขาก็มักจะกลับมาบอกว่าได้ผลเป็นอย่างดีและมียอดขายเติบโตขึ้นอย่างชัดเจนแถมประหยัดค่าโฆษณาอีกด้วย เพราะตั้งแต่เปลี่ยนวิธีการเขียนขายก็มียอดแชร์แบบออแกนิคเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากธรรมชาติของคนจะแชร์อะไรที่เสริมภาพลักษณ์ให้กับตัวเอง มากกว่า การแชร์โพสต์ขายสินค้าอยู่แล้ว
.
นี่แสดงให้เห็นแล้วว่า ถ้าคุณมี “ทักษะการเขียนที่ดี” คุณภาพชีวิตของคุณจะดีขึ้นขนาดไหน
.
และถ้าคุณอยากมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นแบบนี้ ก็ให้ไปอ่านหนังสือศาสตร์แห่งการเขียนที่โน้มน้าวใจได้ทุกคน รับรองเลยว่าชีวิตคุณจะไม่มีวัน “ไส้แห้ง” อย่างแน่นอน
.
.
.
“เปลี่ยนตัวเองเป็นคนที่ดีขึ้น
ด้วยการอ่านหนังสือดีๆ สักเล่ม”
.
แต่ถ้าไม่รู้ว่าตัวเองควรอ่านเล่มไหน
ทักมาปรึกษาสมองไหลได้เลย
.
สั่งซื้อหนังสือออนไลน์ง่ายๆ ส่งตรงถึงหน้าบ้านคุณ
ได้ที่ Inbox เพจ #สมองไหล
example คือ 在 ลงทุนแมน Facebook 的最佳貼文
สรุปการนำ “อิคิไก” มาใช้ในธุรกิจ
การนำ “อิคิไก” มาใช้ในธุรกิจ - MarketThink
หลักคิด “อิคิไก (IKIGAI)” ที่หมายถึง การค้นหาความหมายของการมีชีวิตอยู่
ซึ่งมาจากการคำว่า อิคิรุ (IKIRU) ที่แปลว่า การมีชีวิต และ ไก (GAI) แปลว่า คุณค่า
แต่หลายคนอาจไม่รู้ว่า นอกจากเรื่องชีวิตแล้ว
เราสามารถนำหลักคิดนี้ มาปรับใช้กับตัวธุรกิจได้
ซึ่งคุณดั่งใจถวิล อนันตชัย ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการและกรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเทจ (ประเทศไทย) จำกัด เคยอธิบายไว้ว่า
“โมเดล อิคิไก ถ้าเปลี่ยนเป็นมุมธุรกิจ
เราสามารถนำแกนหลัก 4 แกนของ อิคิไก มาตั้งคำถามกับธุรกิจของตัวเองได้”
โดย 4 แกนหลัก ประกอบด้วย
1) สิ่งที่เรารัก ชอบ และมีความสุขที่ได้ทำ (What you love ?)
2) สิ่งที่มีประโยชน์ต่อโลกและผู้อื่น (What the world needs ?)
3) สิ่งที่สร้างรายได้ให้เรา (What you can be paid for ?)
4) สิ่งที่เราทำได้ดีกว่าคนอื่นๆ (What you are good at ?)
แล้วนำ 4 แกนนี้ มาตั้งคำถามกับธุรกิจของตัวเองว่า
-Passion :
อะไรคือสิ่งที่เรารัก ชอบ และมีความสุขที่ได้ทำ ?
ต้องตอบได้ว่า Core Business หรือแก่นธุรกิจของเราคืออะไร
เราอยากประสบความสำเร็จในสิ่งไหน
สิ่งไหนที่แม้แต่ต้องเจออุปสรรคต่างๆ เราก็อยากจะเดินหน้าทำต่อไป
-Mission :
อะไรคือสิ่งที่มีประโยชน์ต่อโลกและผู้อื่น ?
ธุรกิจของเราสามารถสร้างประโยชน์ต่อคน สังคม ในแง่มุมไหนได้บ้าง
เช่น สะท้อนออกมาเป็นการทำ CSV (Creating shared value) หรือ SB (Sustainability brand)
-Vocation :
อะไรคือสิ่งที่สร้างรายได้ให้เรา ?
ธุรกิจต้องสร้างรายได้และเลี้ยงตัวเองได้ เมื่อเราแข็งแรง เราจะมีกำลังในการสร้างสิ่งดีๆ ให้ผู้อื่น
-Profession :
อะไรคือสิ่งที่เราทำได้ดีกว่าคนอื่นๆ ?
หาจุดเด่น หรือความเชี่ยวชาญที่เราถนัด ทำให้จุดเด่นนั้นแข็งแรงขึ้น และต่อยอดธุรกิจต่อไป
เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้ธุรกิจ
จะเห็นได้ว่า “อิคิไก” ซึ่งเป็นหลักคิดสร้างสุขยั่งยืนของคนญี่ปุ่น ก็สามารถนำมาปรับใช้กับธุรกิจได้
สรุปแล้ว
สำหรับการค้นหา อิคิไกของตัวเรา คือ การค้นหาความหมายของการมีชีวิตอยู่
แต่ อิคิไก ในแง่มุมธุรกิจ ก็คือ ความหมายในการมีอยู่ของธุรกิจนั้น นั่นเอง..
#อิคิไก
#ธุรกิจ
---------------------------------------------------
อ้างอิง:
-หนังสือ อิคิไก: ความหมายของการมีชีวิตอยู่ ของ เคน โมงิ
-https://thestandard.co/podcast/readery14
-https://mgronline.com/management/detail/9600000114439
Implementing ′′ Ikikai ′′ in business - MarketThink
The principle of ′′ IKIGAI (IKIGAI) ′′ that means finding the meaning of living.
Which comes from Ikiru (IKIRU) meaning living and gai (GAI) means value.
But many people may not know that apart from life.
We can apply this concept to business.
Which is your heart, Wil Anantchai, Chief Operations Officer and Director, Interage Company Limited, has explained.
′′ Ikikai model, if you turn into a business corner.
We can bring Ikikai's 4 core studs to question their business
By 4 main axis consists of
1) What we love, like and are happy to do (What you love? )
2) What is useful to the world and others? (What the world needs? )
3) What make money for us (What you can be paid for? )
4) What we do better than others. (What are you good at? )
And bring these 4 axis to question their business.
-Passion :
What is something we love, like and are happy to do?
What is Core Business or our business?
What do we want to accomplish?
Any obstacle that we have to go through, we want to keep going.
-Mission :
What is it that benefits the world and others?
What extent can our business benefit social people?
For example, reflecting on making CSV (Creating shared value) or SB (Sustainability brand)
- Vocation:
What is it that proceeds us?
Businesses must make money and raise themselves. When we are strong, we will have the strength to create good things for others.
-Profession :
What is it that we do better than others?
Looking for highlights or expertise that we're good at making our highlights stronger and further business ventures.
To strengthen the business
It can be seen that ′′ Ikikai ′′ which is the main principle to create sustainable happiness of Japanese people. It can be applied to business.
In conclusion,
For finding our own Ikikai is finding the meaning of living.
But Ikiki in business aspect is the meaning of business..
#อิคิไก
#ธุรกิจ
---------------------------------------------------
Reference:
- Ikikai Book: The meaning of living of Kenyan
-https://thestandard.co/podcast/readery14
-https://mgronline.com/management/detail/9600000114439Translated
example คือ 在 MrHotsia Youtube 的最讚貼文
http://www.hotsia.com/burma-info/yangon/money/index-en.shtml
exchange Myanmar money 1 USD = 900 Kyat. Taxi driver in Yangon or people like to say number of thousand Kyat. for example taxi price 3,000 Kyat mean 3 thousand or 3 USD.
when you come to Myanmar need to bring new Greenback USD for exchange. because old USD can not use for exchange in exchange shop. mr.hotsia June 2013
http://www.hotsia.com/burma-info/yangon/money/index.shtml
เงินพม่า การแลก หารใช้ อัตราแลกเปลี่ยน (Myanmar money) 1 บาทเท่ากับกี่จ๊าด คิดง่ายๆ 1 USD = 900 จ๊าก , 1 USD = 30 บาท , 30 บาท = 900 จ๊าด 1 บาท จึงเท่ากับ 30 จ๊าด เวลาค่าเงินหากเป็นค่าแท็กซี่ในย่างกุ้ง หรือตามร้านเรียกกันเป็นหลักพันจ๊าด เข้าทางเลยมันก็คือประมาณดอลลาร์ เช่น 3,000 จ๊าด เวลาของออกเสียงแล้วเราไม่เข้าใจเขาจะพูดว่า Jack หมายถึงจ๊าด 3,000 จ๊าด ก็ตัด 0 สามตัว คือ 3 USD หรือ 90 บาท วิธีการคิดในใจให้เอาหลักพักคูณ 3 ออกมาเป็นบาทครับ
การแลกเงินไปจากเมืองเที่ยวขอเน้นเลยว่าต้องเป็นดอลลาร์ใบใหม่เท่านั้น ไม่งั้นเขาไม่รับ ผมแนะนำให้แลกใบ 100 ใหญ่สุดไป ส่วนหนึ่งเพื่อไปแลกที่สนามบินจะได้ราคาดีกว่าใบดอลลาร์ 100 และ 50 ได้ดีสุด รองมาคือ 20 , 1 ดอลลาร์ ให้เก็บ 1 ดอลลาร์ ไว้จ่ายพวกค่าแท๊กซี่ในเมืองบ้างก็ได้ หรือจะจ่ายเป็นเงินจ๊าดก็ได้ ผมว่าจ่ายเป็นจ๊าดน่าจะคุ้มกว่านะ ตอนผมไปแลกไป 50% ดอลลาร์ 50% จ๊าด สวนสถานที่แลกเงินให้แลกในสนามบินให้พอ หากไม่พอก็ไปแลกตามธนาคาร จะมีตามตลาดถามหาแลกเงินเลทดีแต่ผมไม่ได้ใช้บริการครับ mr.hotsia มิถุนายน 2556
example คือ 在 MrHotsia Youtube 的最佳解答
http://www.hotsia.com/burma-info/yangon/money/index-en.shtml
exchange Myanmar money 1 USD = 900 Kyat. Taxi driver in Yangon or people like to say number of thousand Kyat. for example taxi price 3,000 Kyat mean 3 thousand or 3 USD.
when you come to Myanmar need to bring new Greenback USD for exchange. because old USD can not use for exchange in exchange shop. mr.hotsia June 2013
http://www.hotsia.com/burma-info/yangon/money/index.shtml
เงินพม่า การแลก หารใช้ อัตราแลกเปลี่ยน (Myanmar money) 1 บาทเท่ากับกี่จ๊าด คิดง่ายๆ 1 USD = 900 จ๊าก , 1 USD = 30 บาท , 30 บาท = 900 จ๊าด 1 บาท จึงเท่ากับ 30 จ๊าด เวลาค่าเงินหากเป็นค่าแท็กซี่ในย่างกุ้ง หรือตามร้านเรียกกันเป็นหลักพันจ๊าด เข้าทางเลยมันก็คือประมาณดอลลาร์ เช่น 3,000 จ๊าด เวลาของออกเสียงแล้วเราไม่เข้าใจเขาจะพูดว่า Jack หมายถึงจ๊าด 3,000 จ๊าด ก็ตัด 0 สามตัว คือ 3 USD หรือ 90 บาท วิธีการคิดในใจให้เอาหลักพักคูณ 3 ออกมาเป็นบาทครับ
การแลกเงินไปจากเมืองเที่ยวขอเน้นเลยว่าต้องเป็นดอลลาร์ใบใหม่เท่านั้น ไม่งั้นเขาไม่รับ ผมแนะนำให้แลกใบ 100 ใหญ่สุดไป ส่วนหนึ่งเพื่อไปแลกที่สนามบินจะได้ราคาดีกว่าใบดอลลาร์ 100 และ 50 ได้ดีสุด รองมาคือ 20 , 1 ดอลลาร์ ให้เก็บ 1 ดอลลาร์ ไว้จ่ายพวกค่าแท๊กซี่ในเมืองบ้างก็ได้ หรือจะจ่ายเป็นเงินจ๊าดก็ได้ ผมว่าจ่ายเป็นจ๊าดน่าจะคุ้มกว่านะ ตอนผมไปแลกไป 50% ดอลลาร์ 50% จ๊าด สวนสถานที่แลกเงินให้แลกในสนามบินให้พอ หากไม่พอก็ไปแลกตามธนาคาร จะมีตามตลาดถามหาแลกเงินเลทดีแต่ผมไม่ได้ใช้บริการครับ mr.hotsia มิถุนายน 2556
example คือ 在 Example & Sample example กับ sample มีความหมายไม่ ... 的推薦與評價
ในภาษาสถิติจะเรียกว่า sample space sample ยังหมายถึงตัวอย่างที่เก็บมาเพื่อนำมาทดลองด้วย เช่น. The doctor needs to get a blood sample to ... ... <看更多>
example คือ 在 Welcome to EV Station PluZ 的推薦與評價
วันที่ : 26 ก.ค. 2566. อ่านต่อ · example · Checklist ทำไมถึงชาร์จไฟไม่ได้. วิธีการตรวจสอบเบื้องต้น. วันที่ : 10 เม.ย. 2566. ... <看更多>
example คือ 在 Sample - Example ใช้ยังไง? | คำนี้ดี FOCUS EP.17 - YouTube 的推薦與評價
KND Studio ช่องยูทูบใหม่สำหรับคนที่ชอบเรียนรู้ภาษาอังกฤษโดยเฉพาะ เข้าไปกดซับฯ ได้ที่ https://bit.ly/kndstudio Sample - Example ใช้ยังไง? ... <看更多>