ย้อนความไปก่อนเกมเวอร์ชั่นแรกสุดจะออก
.
FFXIV ถูกพัฒนาในชื่อโปรเจคต์ Rapture เป็น MMO RPG ของซีรีส์ FF แบบเดียวกับ FFXI อันโด่งดัง โปรเจคต์ Rapture นั้นถูกพัฒนามาตั้งแต่ปี 2005 และเปิดตัวอย่างเป็นทางการในปี 2009 โดยประกาศว่าจะลงบน PC และ PlayStation 3 ที่ตอนนั้นยังไม่ออก
.
สมัย XI ออกเราไม่มีโอกาสได้เล่นเพราะยังเป็นเด็กหลั่นล้าอยู่ ได้ค่าขนมวันละสิบยี่สิบบาทไม่มีปัญญาเติมรายเดือนหรอก PS2 ออกใหม่ๆก็ยังไม่มี ช่วงนั้นไปบ้าอ่านการ์ตูนซึ่งเป็นงานอดิเรกที่ถูกกว่ามาก เกมไม่ได้จับไปหลายปี
.
เป็นเหตุผลหนึ่งที่อยากเล่น XIV แต่แรกที่เห็นประกาศเปิดตัว อารมณ์ตกรถขบวนที่แล้วก็รอขึ้นขบวนนี้แทนละกัน เพราะตอนหลังที่มาเล่น XI มันก็ไม่เหมือนกับตอนที่เกมเพิ่งเปิดแล้ว MMO มันมีเอกลักษณ์ที่ควรจะเล่นไปพร้อมๆกับคนอื่นทั่วโลก
.
XIV ตอนนั้นผู้กำกับยังเป็นทานากะในตำนาน (ฮิโรมิจิทานากะ) ที่เรียกว่าในตำนานเพราะเราเองมีความคาดหวังจากการได้ฟังเรื่องของภาค XI มามากมาย
.
ที่พบเจอมาคือทุกคนที่เคยได้เล่น XI ล้วนแต่ชื่นชมยกย่องตัวเกมทั้งสิ้น ทานากะมีภาพลักษณ์เป็นผู้กำกับมากฝีมือ จะว่าไปจนถึงตอนนี้เราก็ยังคิดว่าเขามีส่วนที่เก่งจริงนะ การที่เค้าล้มเหลวกับ XIV ก็ไม่ได้ลบความสำเร็จที่เค้าเคยทำให้ XI เพียงแต่เวลาและจังหวะต่างๆมันเปลี่ยนไปทำให้แนวคิดแบบเดิมมันไม่เวิร์คอีกแล้ว
.
ก่อน XIV เวอร์ชั่นแรกจะออกก็มีโคลสเบต้าให้ลองเล่น เจออุปสรรคแรกคือ เกมกินสเปคมาก PC ที่บ้านเล่นแทบไม่ได้ จำได้ว่าแค่สร้างตัวละครเฟรมเรตยังหน่วงทึ่ดๆ แต่สุดท้ายก็ใช้คอมแก่ๆที่บ้านถูลู่ถูกังเข้าไปในเบต้าจนได้
.
แล้วเกมก็วางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในปี 2010 เวอร์ชั่นแรกของเกมที่เรียกกันว่า 1.0 กระแสตอบรับช่วงวันแรกๆที่เราจำได้ในตอนนั้นคือคนเล่นส่วนมากก็ไฮป์กัน และส่วนมากก็เป็นคนที่เล่น XI มาด้วย
.
มีส่วนน้อยที่กังวลว่าเกมยังดูจะไม่มีเนื้อหาอะไรให้ทำ หลายๆอย่างก็เชยมากกก แต่ด้วยความศรัทธาในตัวทานากะและชื่อเสียงจาก XI ก็ไม่มีใครคิดว่าเกมจะพัง
.
จนแม้แต่ตอนที่เกมออกมาสักพักแล้ว เสียงด่าเริ่มดัง แต่แฟนพันธุ์แท้ก็ยังอยู่ในอาการ denial ต้องลองเล่นไปถึงเอ็นด์เกมมั่งล่ะ ให้รออัพเดตที่กำลังจะมามั่งล่ะ และเนื่องจากเป็น MMO คะแนนก็ออกช้า แต่พอออกมาก็ทำเอาตะลึง ค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 4/10 ถ้าเป็นเกรดก็เท่ากับศูนย์ กลายเป็น FF ภาคหลักที่คะแนนต่ำที่สุดในประวัติศาสตร์ คือเล่นเอากระแสติ XIII ปีก่อนหน้ากลายเป็นเรื่องจิ๊บจ๊อยไปเลย
.
ผ่านไปสามเดือน ก็เป็นเอกฉันท์ว่า XIV ฉบับ 1.0 คือความล้มเหลวทั้งแง่กระแสตอบรับและยอดขาย ประธาน SQEX ในตอนนั้นคือวาดะ ตัดสินใจเปลี่ยนหัวทีมพัฒนา ทานากะถูกถอดไป กลายเป็นใครก็ไม่รู้ที่ชื่อ นาโอกิ โยชิดะ
.
โยชิดะผู้ขาดเครดิตอันน่าเชื่อถือก็ได้เริ่มนำทีมพัฒนา แก้ไขเกมไปพลาง พร้อมกับที่ทางค่ายบอกว่าจะ 'rework' เกมใหม่
.
ตอนนั้นถือเป็นเรื่องใหม่มาก เกมออกมาแล้วทำใหม่ได้ด้วยเหรอ หลายคนก็งงและนึกภาพไม่ออก ตอนนั้นเราเองไม่รู้สึกเลยว่าเกมนี้จะกลับมาอยู่ในจุดที่เล่นอยู่ในปัจจุบันได้ ยิ่งผู้กำกับคนใหม่เป็นคนที่ไม่รู้จักเลย เครดิตที่พยายามลองหาดูได้คือดราก้อนเควสต์ภาคสปินออฟเล็กๆ...ที่ก็ไม่รู้จักอีกน่ะแหล่ะ นี่แสควร์มันเอาใครมารับงานต่อกันนะ
.
แต่จำได้ว่าจุดประทับใจกับผู้กำกับใหม่ที่ชื่อโยชิดะคนนี้คือไม่มีการกล่าวโทษหรือทับถมทีมงานเก่าเลย จะมองว่าเป็นมารยาทการแสดงออกให้สาธารณชนแบบชาวญี่ปุ่นก็ได้ แต่นี่คือสิ่งแรกที่เราชอบในตัวโยชิพี
.
กรอเร็วผ่านไปประมาณสองปี โยชิดะซื้อใจแฟนเดนตายที่ทนเล่น 1.0 ได้ส่วนหนึ่งแล้วด้วยการมีไลฟ์สดอัพเดตและตอบคำถามอย่างต่อเนื่อง แต่ยังเหลืออุปสรรคสำคัญว่า เวอร์ชั่น 2.0 ที่ใช้เวลา 'rework' มาสองปีจะประสบความสำเร็จหรือเปล่า จะกู้ชื่อเสียได้มั้ย คนทั่วไปและสื่อส่วนใหญ่ลืมเกมนี้ไปแล้วด้วยซ้ำ
.
แล้วทีมงานก็ปิดเซิฟเวอร์ของเกมเวอร์ชั่นแรกแบบโยงเข้ากับเนื้อเรื่องอย่างไม่เคยมีใครทำมาก่อน ดาลามุดแตกออกมาเป็นบาฮามุท ระเบิดสนามรบกระจุยจนลุยซัวต้องส่งนักรบแห่งแสงข้ามมาในอีกห้าปี(ในเกม)ให้หลัง เกมเวอร์ชั่น 1.0 ปิดตัวลงถาวร ไปเจอกันใหม่ในฉบับรีเวิร์ค FFXIV : A Realm Reborn
https://youtu.be/39j5v8jlndM
.
ARR เองก็มีทั้งอัลฟ่าและเบต้า สำหรับคอมเราในตอนนั้นแค่เล่นเบต้าก็ลื่นกว่าเกมเต็มของ 1.0 คนละภพภูมิ...และด้วยการอัพเกรดกราฟฟิก ระบบหลายๆอย่างปรับให้ทันสมัยขึ้นด้วยการเรียนรู้จาก WoW และเกมอื่น แน่นอนว่ามีคนไม่พอใจที่เกมไม่เหมือน Spiritual successor ของ XI อีกต่อไปแล้ว แต่นั่นก็เป็นแค่ส่วนน้อย
.
กระแสของเบต้าเป็นไปในทางที่ดี กลุ่มคนไทยก็เล่นกันใหญ่ทั้งๆที่เป็นแค่เบต้า ถ้าจำไม่ผิดเบต้าตันที่เบรย์ฟอกซ์มั้งนะ มีบางคนฟาร์มจนได้ชุดครบเลย สมัยนั้นแค่ชุดอินแฟนทรีกับแบทเทิลเมจก็สวยมากแล้ว
.
เซิฟที่จะเปิดใน ARR แบ่งเป็นเซิฟเก่าเลกาซี่ และเซิฟใหม่ แต่เลกาซี่หลายคนก็เลือกจะมาเริ่มเล่นในเซิฟใหม่เอี่ยมแทน ชาวโอเชียเนียเริ่มโหวตเซิฟที่จะเล่นกัน สูสีคู่สุดท้ายในโพลคือโจโคโบะกับทอนเบอรี่ แล้วหวยก็มาลงที่ทอนเบอรี่ เลยกลายเป็นเซิฟญี่ปุ่นของ English speaker นับแต่นั้นมา
.
พอถึงวัน 2.0 ออกจริง...เซิฟล่มเพราะผู้เล่นทั่วโลกพากันลอคอินเข้าเกมถล่มทลาย ตอนหลังโยชิดะเล่าในสารคดีของอาร์คิเปลว่า เขาไม่คิดเลยว่าจะมีคนสนใจ ARR มากขนาดนั้น คนเล่นเยอะกว่าที่เขาคาดไว้มาก มากจนเซิฟเวอร์ไม่มีทางรองรับไหว เขาต้องขอให้ฝ่ายขายหยุดขายและหยุดชิพเกมเพิ่มก่อน เพราะจะรับคนเล่นเพิ่มมากไปกว่านี้ไม่ได้แล้ว
.
2.0 ประสบความสำเร็จทั้งกระแสตอบรับและยอดขาย กลายเป็น comeback ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเรื่องนึงในวงการเกมแบบไม่มีข้อกังขา แต่สำหรับชาวไทย ดราม่าของเกมยังมีต่อไป สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือร้านเกมในไทยเอาแผ่น FFXIV ARR เข้ามาเป็นโซนยุโรป…....ทำให้คนที่เพิ่งจะมาเล่นตอน 2.0 และเล่นเบต้ามาแล้วด้วยไอดี NA เล่นต่อไม่ได้ ต้องไปสร้างตัวใหม่กันเลย
.
แถมยังมีปัญหาเซิฟเต็ม สร้างตัวใหม่ในทอนเบอรี่ไม่ได้อีก เพื่อนกลุ่มใหญ่ต้องลี้ภัยไปสร้างตัวที่เซิฟเวอร์การูด้า
.
เราก็เลยเล่นกะเพื่อนอีกไม่กี่คนในทอนเบอรี่ แต่ไม่เหงาเท่าไหร่เพราะคนเยอะมาก...ทุกแมพทุกเฟทแย่งกันตีไปหมด แม้ทุกคนจะแต่งตัวทุเรศ เพราะสมัยนั้นยังไม่มีระบบกลามัวร์ ได้ไรมาใส่ๆไป ไม่เข้าชุดกันเลย แต่ก็สนุกมาก ตอนไปถึง Coerthas นี่ฟินเลย ฉากใหมม่ หิมะะะ
.
ช่วงจบ ARR ตอนนั้นสองดันสุดท้ายมันยังไม่ใช่มีมแบบตอนนี้ ดันแปดคนสุดอลังการ แม้จะยาวโคตรๆ ยังจำความบ้านนอกได้คือเล่นดรากูนแล้วไม่เคยเจอสกอลาร์ เข้าแพรโตเรียมครั้งแรกสกอลาร์กางโล่คือตื่นเต้นมาก แปดคนแล้วเอฟเฟคต์มันเยอะ อู้หูอู้หาไปหมด
.
(ส่วนเพื่อนก๊วนผิดโซนนั้นกว่าจะโยกกลับมาทอนเบอรี่ได้คือตอนทำรีลิค Titan Hard แล้ว lol)
.
ตั้งแต่ ARR ออกในปี 2013 ก็ได้ติดตามการเติบโตของตัวละครรวมไปถึงการพัฒนาฝีมือของทีมงานมาเรื่อยๆ เราเล่นบ้างหยุดบ้าง ถ้านับสัดส่วนจำนวนเดือนเอาก็หยุดมากกว่าเล่น เป็นข้อดีนึงของเกมนี้ที่ชอบนะ ไม่เคยรู้สึกถูกผูกมัด (การไม่มีบ้านนั้นเป็นบุญ สาธุ)
.
พอถึงปี 2015 ก็ออกเอ็กแพนชั่นแรก Heavensward ทำออกมาดีมากจนตกใจ คุณภาพเนื้อเรื่องก้าวกระโดดอย่างเห็นได้ชัด ตอนสู้ KoTR ครั้งแรกเป็นหนึ่งในโมเมนต์ที่ประทับใจสุดของเกมนี้เลย สมัยนั้นยังถูก hold ด้วยลิมิตของ PS3 อยู่ แต่เอฟเฟคต์แค่นั้นก็อลังมากแล้ว ตอนกระจกแตกนี่ขนลุก
.
Stormblood ก็จบได้ดี เจอชินริวคือไฮป์จนมือเหงื่อแตก คนบอก SB ไม่ดีเท่า HW ก็อาจจะจริงส่วนเนื้อเรื่อง แต่พวกคอนเทนต์ต่อสู้เราว่า SB สตรองมาก เนื้อหาหลักช่วงแพทช์ของ SB ไม่น่าติดตามเท่าไหร่ พักเล่นไปยาวที่สุดคือช่วง 4.2 จนถึง 4.5 ตอนนั้นคิดว่าเกือบจะเลิกแล้ว ดีที่กลับมาทันเล่น Shadowbringers ตอน launch
.
สำหรับ Shadowbringers นี่พูดถึงบ่อยแล้ว คงไม่ต้องอธิบายความพีคในพีค ใครที่ได้เล่นแบบติดตามเนื้อเรื่องมาเหมือนกันคงเก็ตว่ามัน paid off ยังไง 5.0 คือ Best FF ของเราเลย
.
ก็ถือเป็นเกมที่เล่นนานที่สุดในชีวิต มีเพื่อนที่ดีหลายคนที่เราได้จากเกมนี้ ความทรงจำดีๆหลายอย่างก็เกี่ยวพันกับเกมนี้เช่นกัน และเรื่องของคุณไมดี้ ต้นแบบซีรีส์คุณพ่อแห่งแสงเป็นอะไรที่เตือนใจบ่อยๆว่าควรจะมีความสุขกับสิ่งที่ได้ทำ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสำคัญอย่างการอยู่กับคนที่เรารัก หรือเรื่องเล็กๆน้อยๆอย่างการได้ทำงานอดิเรกที่ชอบ
.
ก็หวังว่าจะมีประสบการณ์ดีๆกับเกมนี้ต่อไปอีกในอนาคต จะกี่ปีก็ไม่รู้นะ โยยังทำเราก็จะเล่นต่อไป 😂 ก็หวังว่าใครที่โดนเราป้ายยามาก็จะได้รับประสบการณ์ดีๆจากเกมนี้ไปเช่นกันค่ะ
ป.ล. สกรีนชอทในภาพ เป็นรูปที่โยชิพีเอามาขายของว่า ARR จะรีเวิร์คเป็นแบบนี้นะ ตอนนั้น 1.0 พวก UI ต่างๆคือเชยระเบิด แอคชั่นตัวละครก็ดูนิ่งสงบไร้ความเฟี้ยวฟ้าว รูปนี้เป็นรูปที่จุดประกายความหวังมากว่าโยจะกู้ชีพเกมได้ แล้วก็ทำได้จริงๆ
ป.ล.2 แนะนำให้ดูสารคดีเกมนี้ของ Noclip - Video Game Documentaries เล่าตั้งแต่ปัญหาคืออะไรที่ทำให้ 1.0 พัง แล้ว 2.0 โฟกัสที่อะไรเพื่อซื้อใจแฟนๆกลับมา
https://youtu.be/Xs0yQKI7Yw4
#FF14
ff14 arr 在 Facebook 的最佳解答
เก็บตกรายละเอียดงาน FFXIV FanFest ‘21 และลิงคดูย้อนหลัง
ข้อมูลสำคัญของ Endwalker หลักๆอยู่โพสต์ที่แล้ว
https://www.facebook.com/taepoppuri/posts/332328121584552
ในโพสต์นี้ เริ่มจากเวทีในวันอาทิตย์
ย้อนความหลังกับนักพากย์แขกรับเชิญสามคน
ดูคลิปย้อนหลังได้ที่ลิงค์นี้ ชั่วโมงที่ 05:53 นาที เป็นต้นไป
https://www.twitch.tv/videos/1024212376
.
Yuma Ushida ยูมะ อุชิดะ
เจ้าของเสียง คริสตัลเอ็กซาร์ค/กราฮาเทีย
KENN เค็น
เจ้าของเสียง อุริเอนเจ
Hiroki Takahashi ฮิโรกิ ทาคาฮาชิ
เจ้าของเสียง เอเม็ทเซลค์
.
.
เปิดเวทีมาเป็นเสียงกราฮาเทียกับอุริเอนเจคุยกันว่า ว่าตื่นเต้นจังนะกับงาน FanFestival ส่วนเอเม็ทบอกว่าม่ายยยเอา ไม่เห็นจะอยากมาเลย แต่ก็เปิดม่านเถอะ เป๊าะ (ดีดนิ้ว)
.
เค็นพูดบทผิดจากฮิบานะเป็นฮานาบิ ประกายไฟเป็นดอกไม้ไฟ เลยโดนยูมะกับฮิโรกิแซวรัวๆ และเกิดแฟนอาร์ตอุริเอนเจเล่นประทัดมากมาย แซวกันแล้วทั้งสามก็เริ่มแนะนำตัวกัน
.
วันนี้ทั้งสามคนจะมาพากย์สดในสามรูปแบบ คือ 1.พากย์ฉากที่แต่เดิมไม่มีเสียงพูดในเกม 2.พากย์ตัวประกอบในเกม 3.พากย์ฉากเด่นในเกม โดยบทพูดทั้งหมดในงานครั้งนี้ นัทสิโกะอิชิคาว่าและโยชิพีเป็นคนเลือกซีนมาเองเลย
.
เริ่มที่เค็น พากย์ฉากอุริเอนเจที่อิลเมก ตอนที่ต้องว่ายน้ำ แล้วความแตกว่าอุริเอนเจว่ายน้ำไม่เป็น...ขำกันนิดหน่อยว่าทำไมเป็นฉากนี้
.
ส่วนตัวเราไม่ได้ติดตามวงการนักพากย์ และก็เล่นเกมในเสียง Eng เป็นหลัก แต่ได้ยินเค็นพากย์สดสั้นๆแล้วประทับใจเลย เสียงตอนพูดกับตอนพากย์นี่คนละเรนจ์ ฟังดูเป็นคาแรคเตอร์นั้นจริงๆ เก่งมาก สมเป็นมืออาชีพ
.
ต่อมาคือ ยูมะ ได้พากย์ฉากที่เอ็กซาร์คโดน WoL ยิงลูกดอกใส่ เอาฮาอีกแล้ว ถ้ายังจำกันได้ เป็นตอนที่เล่นมินิเกมในหมู่บ้านคนแคระ ของเควสหลัก 5.0 ช่วงท้ายๆ ถ้าเลือกแกล้งยิงเอ็กซาร์คก็จะเป็นที่มาของบทนี้
https://twitter.com/Hikasen_ffxiv/status/1393825378637172736
.
ยูมะเป็นผู้เล่น FFXIV อยู่แล้วตั้งแต่ก่อนจะได้รับบทนี้ เขาดีใจมากตอนรู้ว่าจะได้บทในเกม แต่พอรู้ว่าต้องพากย์เป็นกราฮาเทีย รีแอคชั่นของเขาทีแรกคือ.. ‘นี่มันใครกันนะ?’ lol
.
เขาต้องค่อยๆรื้อฟื้นความจำและจำได้ว่ากราฮาเทียอยู่ในเนื้อเรื่องเหรดคริสตัลทาวเวอร์ และก็สร้างภาพว่าเสียงของกราฮาเทียจะเป็นอย่างไร แม้ร่างกายภายนอกของเอ็กซาร์คจะดูไม่เปลี่ยนไปมากนัก แต่สภาพจิตใจย่อมไม่เหมือนเดิม เพราะนับจากตอนที่เจอกับ WoL ในคริสตัลทาวเวอร์ เวลาก็ผ่านไปนานมากแล้ว
.
สิ่งที่เขาให้โฟกัสเป็นพิเศษในการสร้างอิมเมจคาแรคเตอร์กราฮาเทีย คือความชื่นชมในตัว WoL ที่พยายามปิดบังไว้ และความรู้สึกที่อยากจะได้รับการยอมรับ
.
ถัดมาเป็นตาของฮิโรกิผู้ประกาศว่า ถึงตาข้าซะที พวกเอ็งจงดูฝีมือของรุ่นพี่ซระะะ เพราะในสามคน ฮิโรกิแก่สุด เสียงกังวานมากจนเค็นบอก นี่ขนาดมีแผ่นใสอคริลิคกั้นอยู่ เสียงยังทะลุข้ามมาเลย
.
ก่อนจะเริ่มก็เก๊กใส่กล้อง ‘จับตาดูให้ดี ผู้ชมจากทั่วโลก!’ แล้วก็โดนทักว่ามองกล้องผิดตัว...นี่นักพากย์หรือตลก ฮิโรกิจะพากย์ฉากเอเม็ทในห้องของเอ็กซาร์ค เป็นบทพูดเสริมที่ผู้เล่นต้องไปกดคุยด้วยระหว่างคัทซีน หลายๆคนเลยพลาดไป
.
จุดที่เขาคำนึงถึงเสมอคือ เอเม็ทชอบมีท่าทีเหมือนพูดเล่นแต่เป็นความจริง ชอบพูดเรื่องสำคัญออกมาเหมือนไม่สำคัญ
.
โยชิพีพูดถึงโพลของ NHK เมื่อปีก่อน ที่จัดลำดับรวมตัวละคร FF ทุกภาค เอเม็ทเซลค์เป็นตัวละครจาก FF14 ที่ได้ความนิยมมากที่สุด อยู่ในลำดับที่ 6 ต่อจาก คลาวด์ ยูน่า แอริธ วีวี่ ซีดาน พอรู้แบบนี้ฮิโรกิเลยบอกว่า ขออภัยที่ทำตัวบ้าๆบอๆด้วยน้ำเสียงของเอเม็ท ต้องทำตัวให้เรียบร้อยซะแล้ว
.
ต่อมาเป็นการพากย์ตัวประกอบเล็กๆน้อยๆ เป็นงานปรกติในสายงานพากย์อนิเมะ ประมาณว่าไหนๆก็มาแล้ว ช่วยพากย์บทเล็กๆน้อยๆไปด้วยเลย ใน 14 ทั้งสามคนก็มีพากย์ตัวประกอบ เริ่มจากเค็น พากเป็นเวดจ์ (ลาลาเฟลลูกมือซิด) และ อิเซะ เด็กชายชาวนาในโดมะ (ตัวประกอบที่หน้าตาเหมือนวานใน FF12…)
https://twitter.com/Hikasen_ffxiv/status/1393828482938023936
.
เค็นบอกว่าเขาเลือกใช้เสียงในคีย์ที่ต่างกันสำหรับแต่ละตัวละคร เมื่อก่อนเขาเคยมีปัญหาในการพากย์เสียงต่ำๆ เลยต้องดื่มแอลกอฮอลล์ก่อนหนึ่งวันที่จะพากย์ให้เส้นเสียงพร้อม แต่พออายุมากขึ้นก็ง่ายขึ้น
สำหรับอุริเอนเจ เขาจะพยายามจัดตารางงานให้ก่อนหน้าวันพากย์ได้ใช้เสียงตะโกนเยอะๆ น้ำเสียงจะได้แหบขึ้นเข้ากับคาแรคเตอร์
.
สำหรับยูมะก็พากย์กราฮาเทียตอนยังเป็นตัวประกอบสมัย ARR ให้ฟังเพิ่ม เป็นฉากอำลาตอนจบคริสตัลทาวเวอร์ ส่วนฮิโรกิพากย์เป็น Hyllfyr หัวหน้าโจรสลัดในลิมซ่า แชทอึ้งกันใหญ่ว่าเขาเป็นคนพากย์ตัวนี้ด้วยเรอะ โยชิพีเลยบอกว่า หลังจบแพทช์ 5.55 จะมีขึ้นเครดิต ก็ลองดูกันได้ว่าตัวละครทั้งหลายใน ShB นั้นใครพากย์กันบ้าง
.
ต่อมาฮิโรกิพากย์ฉากสำคัญ ‘My dearest friend’ ใน 5.3 ตอน WoL ใช้คริสตัลแห่งอาเซ็มที่เอเม็ททำไว้ เพื่อซัมมอนเพื่อนมาช่วยสู้กับอิลิดิบัส วันนี้เขามาพากย์ให้ฟังในเสียงเอเม็ทแบบชัดๆไม่ต้องเป็นเสียงแอนเชี่ยนอย่างในเกม
https://twitter.com/Hikasen_ffxiv/status/1393833297223077888
.
ทั้งสามคนบอกว่าไม่มีวิธีตายตัวในการพากย์ ทุกคนล้วนมีสไตล์ของตัวเอง สำหรับฮิโรกิ ใช้เวลา 90% ไปกับการอ่านสคริปต์แล้วทำความเข้าใจว่าตัวละครรู้สึกอะไรเวลาพูดประโยคแบบนี้ออกมา จากนั้นก็จินตนาการสถานการณ์ ไม่ต้องกังวลกับการสร้างคาแรคเตอร์มากนักเพราะมันจะออกมาเอง
.
แล้วก็มาถึงการพากย์ฉากเด็ดในเกมแบบสดๆ
เริ่มที่เค็นพากย์ฉากโปรดของโยชิพี คือตอนที่อุริเอนเจปลอบใจรีน (ที่ตอนนั้นยังใช้ชื่อมินฟิเลียอยู่) โยชิพีบอกว่าตอนที่ตรวจฉากนี้ เขาถึงกับน้ำตาซึมเพราะเสียงพากย์ของเค็น (แชทเริ่มโวยวายกันว่าอย่ามีแต่ฉากเศร้าเซ่)
.
เค็นบอกว่า เทียบกับตอนแรกสุดแล้ว อุริเอนเจกลายเป็นคนที่แสดงออกมากขึ้น เพราะเปลี่ยนแปลงไปจากเรื่องราวทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของมูนบริวด้า (สมาชิกไซออน โรกาดินสาวที่เป็นคนรักของอุริเอนเจ) บทพูดที่อุริเอนเจปลอบใจรีนก็เป็นผลมาจากการเติบโตนั้นเอง
.
เขาชอบตัวละครนี้และดีใจที่ได้รับบทนี้ ทีมงานถามเขาว่าจะรับงานพากย์ต่อไปอีกกี่ปี เพราะ FFXIV เป็นเกมออนไลน์ มันอาจจะมีอายุยาวไปีอกเป็นสิบปีก็ได้ ‘ทำไมพวกเขาถามเหมือนกลัวนายจะตายไปซะก่อน’ - ฮิโรกิ
.
ถึงตาฮิโรกิ ฉากแรกคือตอนที่เอเม็ทมาคุยกับ WoL ช่วงสร้างลิฟต์ยักษ์ที่โคลูเซีย นี่เป็นฉากแรกที่เขาแง้มถึงเมืองอามูรอท และก็บ่นลอยๆว่า WoL จำไม่ได้สักอย่างอยู่แล้ว... แล้วก็ถึงฉากพีคสุดในเรื่อง คือคัทซีนยาวก่อนไทรอัลสุดท้าย พากย์พร้อมกับยูมะ
https://twitter.com/Hikasen_ffxiv/status/1393839145877913600
https://twitter.com/Hikasen_ffxiv/status/1393839346340483074
จบแล้วต่อด้วยฉากยิ้มลา Remember us และฉากเอ็กซาร์คร้องไห้
.
พากย์เสร็จแล้วดูความรั่วของสองคนนี้
https://twitter.com/aetherflows/status/1393838721233915907
.
ในการทำงานปรกตินั้น นักพากย์แต่ละคนจะพากย์แยกกัน และเนื่องจากเป็นเกมที่คนเล่นจะฟังเสียงทีละประโยค ก่อนจะกด next ไปยังประโยคต่อไป จึงต้องมีการหยุดเพื่อแบ่งแต่ละประโยคให้ชัดเจน ไม่สามารถพากย์เสียงแบบการพูดยาวๆอย่างปกติได้
.
สิ่งสำคัญคือการรักษาระดับอารมณ์ของบทพูดให้ต่อเนื่อง แม้เวลาพากย์จะต้องหยุดเป็นระยะ จึงต้องทำความเข้าใจตัวละครของตัวเองให้ดีเพื่อไม่ให้อารมณ์สะดุด
.
ฉากสุดท้ายในงาน เป็นตอนที่เอ็กซาร์คบอกลาในเดอะซอร์ส ฉากนี้ตัวตนของเขาเปลี่ยนไประหว่างกลางบทพูด จากเอ็กซาร์คกลายเป็นกราฮาเทีย ในคัทซีนชื่อตัวละครในกรอบจะเปลี่ยน และในฉบับญี่ปุ่น สรรพนามที่เรียก WoL จะเปลี่ยนไปด้วย ยูมะดีใจที่เขาสื่อความสำคัญของฉากนี้ออกมาได้
.
ก่อนปิดเวทีนี้ โยชิพีก็ขอบคุณทั้งสามคนพร้อมบอกว่าจะรอฟังน้ำเสียงของทั้งทุกคนต่อไปในอนาคตของ FFXIV ทั้งสามก็บอกว่าดีใจที่ได้ร่วมงานกับเกมนี้ และตั้งตารอบทบาทใหม่ๆต่อไปเช่นกัน
.
.
----------------------------------------
.
ในส่วนของคอนเสิร์ตทั้งสองวัน
เริ่มจากวันแรกที่เปียโนคอนเสิร์ตเดียวของเคย์โกะ
https://www.twitch.tv/videos/1023362572
ดูสดแล้วตอกย้ำความโหดของฝีมือเคย์โกะจริงๆ..เล่น Invincible แบบยิ้มๆ แล้วก็มีเซอร์ไพรส์เป็นการร้องเพลงประกอบฉากป่าราติก้าของโซเคน ที่จะกลายเป็นตำนานมีมไปอีกนานแสนนาน…
และในวันที่สองก็เป็นการแสดงสดของวงไพรมอล
https://www.twitch.tv/videos/1024558140
To The Edge ฉบับนี้เพราะจริง นอกจากนี้วันนี้ก็ไม่พลาดมีมีมเต้น กับ Long Fall ของดันเจี้ยน Twinning ใส่เสื้อตามโรลด้วยนะ
.
ในส่วนของเวที PLL ข้อมูลที่น่าสนใจคือการประกาศสินค้าที่ระลึกใหม่ ในครั้งนี้มีสินค้าพิเศษสองอย่าง นาฬิกา Citizen และ กีต้าร์ Fender เป็นรุ่นของ FFXIV โดยเฉพาะ ตามที่เคยโพสต์ไปแล้ว
https://na.finalfantasyxiv.com/lodestone/topics/detail/69be388dbf357489993a69c2f03cfb0032f7c682
https://na.finalfantasyxiv.com/lodestone/topics/detail/88642fe60169c427d6f7edd6d6bf84c9c84f2952
.
.
สุดท้ายคือ โรดแมพต่อจากนี้
• 25 พฤษภาคม : แพทช์ 5.55 เนื้อเรื่องก่อนขึ้น Endwalker และดันเจี้ยนสุดท้ายของเควสรีลิค
• กรกฎาคม : Make it Rain Campaign แจก MGP ในโกลด์ซอเซอร์
• กรกฎาคม และ สิงหาคม : แพทช์ 5.57 และ 5.58 ช่วงนี้น่าจะปลดลิมิตวีคลี่ซาเวจ
• สิงหาคม Moonfire Faire & The Rising :
• กันยายน : อีเวนท์ FFXV วนกลับมาแจกรถเรกาเลีย ใครพลาดรอบที่แล้วรอบนี้ห้ามพลาด ต่อจากนี้น่าจะเอาลง MogStation แบบไม่ฟรีแล้ว
• 19 พฤษจิกายน : เริ่มเปิด Early Access Endwalker ใครจองไว้จะได้เล่นเลย
• 23 พฤษจิกายน : Endwalker วางจำหน่ายอย่างเป็นทางการ
.
.
สุดท้ายนี้ ก็ไปติชมและคอมเมนต์เนื้อหาจากงาน FanFest กันได้ รวมถึงอยากให้มีสินค้าอะไรเพิ่มเติมก็บอกทีมงานไปเลย ส่วนตัวเราบอกว่าขอเสื้อยืดลายกราฟฟิกแบบมินิมอลเยอะๆหน่อย lol
https://na.finalfantasyxiv.com/lodestone/topics/detail/cc8eab3d4fc90e9d3249e0124dadd057975752d4
เครดิตคำแปลเวทีนักพากย์จาก Discord FF14
https://discord.gg/ffxiv
ff14 arr 在 Taepoppuri Facebook 的精選貼文
เพิ่งเห็นเมลล์ส่งมาแจ้งเลื่อนอาร์ตบุค
Final Fantasy XIV: Shadowbringers
The Art of Reflection: Histories Forsaken
ชื่อโคตรยาว...มันคืออาร์ตบุคของชาโดว์บริงเกอร์น่ะแหล่ะ รวมภาพงานออกแบบทุกอย่างแบบจัดเต็มสี่สีทั้งเล่มเช่นเคย โดยครั้งนี้ทีมงานทำแยกระหว่างฉบับภาษาญี่ปุ่นและฉบับภาษาอังกฤษ
ฉบับญี่ปุ่นออกแล้ว ไปสั่งซื้อคิโนะตอนนี้ได้เลย แต่อังกฤษตอนแรกจะออกต้นเดือนพฤษภาคม เจอโควิดเข้าไปเลยต้องเลื่อนไปเป็นกรกฎาคมเลย
เล่มนี้แจกมิเนี่ยนดูเลีย (เจ๊แมวอ้วนแห่งอูลมอร์) ใครขี้เกียจรอก็ซื้อแบบญี่ปุ่นเลยก็ได้ ตัวหนังสือไม่เยอะอยู่แล้ว
--------------------------
ตอนนี้ อาร์ตบุคของ FFXIV มีออกมาหกเล่ม
.
.
รวมงานออกแบบภาค ARR
ชื่อ THE ART OF EORZEA
มีเล่มเดียวคือ ANOTHER DAWN
รวมงานออกแบบภาค HW
THE ART OF ISHGARD
เล่มแรก STONE AND STEEL
เล่มสอง THE SCARS OF WAR
รวมงานออกแบบภาค SB
ART OF THE REVOLUTION
เล่มแรก WESTERN MEMORIES
เล่มสอง EASTERN MEMORIES
รวมงานออกแบบภาค Shadowbringers
THE ART OF REFLECTION
ยังออกมาแค่เล่มเดียวคือ HISTORIES FORSAKEN
.
.
ปรกติ expansion นึงจะมีสองเล่ม
อย่างเช่นของสอตร์มบลัด เล่ม WESTERN MEMORIES จะรวมงานออกแบบของ 4.0-4.1 ส่วนเล่ม EASTERN MEMORIES จะรวม 4.2-4.5
.
ทุกเล่มมีโค้ดมิเนี่ยนเฉพาะแจกมาด้วย ตัวที่แจกจะเปลี่ยนไปในแต่ละเล่ม แนะนำว่าถ้าไม่ได้สะสมมิเนี่ยน เอาโค้ดไปขายต่ออีเบย์ได้ มีคนอยากได้เยอะค่ะ บางทีขายได้ครึ่งราคาหนังสือก็มี
ทุกเล่มมีขายที่คิโนะในไทยเนี่ยแหล่ะ ราคาก็ 900-1300 แล้วแต่ค่าเงินตอนนั้น เป็นอาร์ตบุคที่ดี รูปเยอะ ชัด มีทั้งตัวละคร ชุด ศัตรู ฉาก ใครชอบงานอาร์ตภาคนี้ก็ไม่ควรพลาด
#FF14 #SQEX