รักออกแบบ รักเขียนโค้ด ชอบแต่งหน้าเว็บ ต้องนี่… “Front-End Developer” 🎨 👨💻
.
หนึ่งในอาชีพสายเดฟที่มาแรงไม่แพ้กัน !! แล้วถ้าอยากทำอาชีพนี้จะต้องมีสกิลอะไรบ้าง ? ซึ่งวันนี้แอดได้รวบรวม 10 สกิลสำคัญที่ต้องมีก่อนจะเป็น Front-End Developer มาให้เพื่อน ๆ หรือน้อง ๆ ที่กำลังอยากเริ่มต้นในสายอาชีพนี้ จะมีอะไรบ้าง หากพร้อมแล้วไปดูกันเลยจ้า~~
.
มาเริ่มกันเลย !! 🔥
.
🌟 1) HTML & CSS
ทักษะพื้นฐานที่สำคัญมาก ๆ สำหรับ Front-End Dev เพราะเป็นโครงสร้างของหน้าเว็บ เปรียบเสมือนกระดูกสันหลัง ไม่ว่าจะเป็นการกำหนดรูปแบบอักษร โครงสร้าง การจัดเลย์เอาท์ และอื่น ๆ ซึ่งเราควรเรียนรู้โครงสร้าง วิธีการเขียน และ กฎที่จำเป็นของ HTML และ CSS ก่อนที่จะไปเรียนรู้ส่วนอื่น ๆ ต่อไป ทั้งสองสามารถเรียนรู้ได้ง่าย แต่อาจจะต้องใช้เวลาเพื่อให้มีความเชี่ยวชาญนั่นเอง
.
.
🌟 2) Javascript
ในเมื่อมี HTML และ CSS ที่เป็นเหมือนกระดูกสันหลังของเว็บแล้วนั้น การจะทำให้เว็บมีลูกเล่น มีชีวิตชีวา มีการประมวลผลข้อมูล สิ่งสำคัญที่ต้องมีนั่นคือ JavaScript เพราะมันเป็นเหมือนมันสมองของเว็บไซต์ เพื่อให้เว็บสามารถทำฟังก์ชันต่าง ๆ เพื่อให้เว็บมีการโต้ตอบกับผู้ใช้อย่างมีประสิทธิภาพ และในปัจจุบันก็มี Framework สำหรับ JavaScript มากมาย เช่น React.js, Angular.js, Vue.js และอีกมากมาย ที่ช่วยให้เราสร้างหน้าเว็บได้ง่ายมากยิ่งขึ้น
.
.
🌟 3) ECMA ES6
เป็นมาตรฐานหรือข้อกำหนดในภาษา Scripting ซึ่ง JavaScript ก็จัดเป็นอีกหนึ่งในภาษา Scripting นั่นเอง ซึ่งมีการพัฒนาเปลี่ยนฟีเจอร์ และ Syntax ใหม่ ๆ เพื่อรองรับการเขียนแอปที่มีความซับซ้อนมากขึ้น ซึ่งในปัจจุบันพัฒนามาจนถึง ES6 แล้ว ซึ่ง Front-End Dev จะต้องเรียนรู้โครงสร้างและวิธีการเขียน JavaScript แบบมาตรฐาน ES6 เพราะเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้การพัฒนาเว็บมีมาตรฐานมากยิ่งขึ้นนั่นเอง
.
.
🌟 4) DOM / Virtual DOM
DOM (Document Object Model) เป็นวิธีการเก็บ Document ในรูปแบบ Object แบบ Tree Structure และจะใช้ JavaScript เพื่อไปเข้าถึงหรือจัดการ HTML ในแต่ละส่วน แต่เมื่อมีโครงสร้างใหญ่ขึ้นทำให้อาจจะจัดการได้ยาก ส่วน Virtual DOM ก็ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อเป็นตัวแทนของ DOM จัดการสิ่งต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็ว และไม่ส่งผลกระทบกับ Real DOM นั่นเอง ซึ่ง Front-End Dev จะต้องมีความรู้เกี่ยวกับ DOM / Virtual DOM เพื่อเข้าใจส่วนประกอบ โครงสร้าง องค์ประกอบ และวิธีการแสดงผลของหน้าเว็บอย่างละเอียด เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการพัฒนาหน้าเว็บนั่นเอง
.
.
🌟 5) Browser Developer Tools
เป็นเครื่องมือต่าง ๆ ที่อยู่บนเบราว์เซอร์ที่จะช่วยให้นักพัฒนาสามารถใช้ประโยชน์เพื่อสร้างและปรับปรุงหน้าเว็บให้มีประสิทธิภาพ นักพัฒนาจะต้องเรียนรู้วิธีการใช้งานเครื่องมือต่าง ๆ เพื่อช่วยให้การทำงานรวดเร็วและง่ายมากขึ้น อย่างเช่น Chrome DevTools จาก Google ที่มีเครื่องมือต่าง ๆ ช่วยในการทดสอบ แสดงผลหน้าเว็บ ดูผลลัพธ์ของ CSS และสามารถแก้ไขเบื้องต้นได้ ซึ่งมันสามารถใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาเว็บได้นั่นเอง
.
.
🌟 6) Frameworks และ Libraries
ในปัจจุบันก็มีเครื่องมือต่าง ๆ มากมายที่ช่วยให้การพัฒนาเว็บง่าย สะดวก และประหยัดเวลามากขึ้น และเว็บไซต์ส่วนใหญ่ก็ได้ใช้ Frameworks และ Libraries เพื่อพัฒนาเว็บมีประสิทธิภาพสูงสุด อย่างเช่น React, Angular, Vue ที่เป็น Framework ยอดนิยมมากที่สุดในปัจจุบัน ทั้งสามต่างก็มีข้อดีและข้อจำกัดกันคนละแบบ ขึ้นอยู่กับว่าเรานำไปใช้กับงานแบบใด เลือกอันที่เหมาะกับตัวเอง แล้วไปเริ่มเรียนรู้กันเลย !!
.
.
🌟 7) Version Control
ไม่ว่าจะเป็นเดฟในตำแหน่งใด ก็จะต้องทำงานกับเพื่อนร่วมทีมอย่างแน่นอน การจะทำงานเป็นทีมได้ง่ายและสะดวกมากขึ้น เราก็ต้องรู้จักกับ Version Control เมื่อตอนเราเดฟก็จะต้องมีไฟล์ Source Code ต่าง ๆ มากมายทั้งของเราและเพื่อนร่วมทีม ซึ่งเจ้า Version Control ก็จะเข้ามาช่วยเราในการจัดการ ควบคุม จัดเก็บ Source Code ต่าง ๆ ไว้บน Server ซึ่งในปัจจุบันมีให้เลือกใช้ได้อย่างหลากหลายมาก ไม่ว่าจะเป็น Git, GitHub, GitLab และอื่น ๆ อีกมากมาย
.
.
🌟 8) Test และ Debug
เมื่อเราเดฟแล้วสิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้คือการทดสอบ ซึ่งในที่นี้เราไม่ต้องรู้ Process การทดสอบแบบละเอียดก็ได้ เพราะในบางบริษัทก็จะมีตำแหน่ง Tester แยกอยู่แล้ว ในการทดสอบฝั่งเดฟจะเป็นแบบ Unit Test เพื่อทดสอบว่าแต่ละฟังก์ชันว่าทำงานได้ตามเป้าหมายหรือไม่ เราอาจจะทำการทดสอบเอง หรืออาจจะใช้เครื่องมือเพื่อช่วยให้การทดสอบง่ายขึ้นได้เช่นกัน
.
.
🌟 9) SEO
หัวใจสำคัญสำหรับการทำเว็บ หรือการให้หน้าเว็บติดอันดับ SEO ซึ่งเราจะต้องเรียนรู้สถาปัตยกรรมเว็บไซต์ เพื่อปรับปรุงหน้าเว็บให้ติดอันดับ SEO อยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของข้อมูล ความปลอดภัย ประสิทธิภาพ การเข้าถึง และอื่น ๆ อีกมากมาย Front-End Dev ห้ามมองข้ามเด็ดขาด !!
.
.
🌟 10) Performance Analysis
สิ่งสำคัญในการทำเว็บอีกหนึ่งอย่างนั่นคือประสิทธิภาพ ! จะมีหน้าเว็บสวย อลัง ขนาดไหน แต่ถ้ามันทำงานได้ช้า กว่าจะกดปุ่มอะไรแต่ละทีต้องนั่งรอ มันไม่ทันใจวัยรุ่นเอาซะเลย ถ้าเราเป็นผู้ใช้เว็บลองคิดดูว่ามันน่าหัวเสียขนาดไหน เราต้องทำความเข้าใจการควบคุมประสิทธิภาพและการประมวลผลของหน้าเว็บ ฟังก์ชันไหนที่ไม่จำเป็นก็ให้กำจัดออกไป ใส่มาก็ไม่ได้ใช้งาน หรือบางอันก็ลืมลบทำให้เว็บช้าลงไปอีก ซึ่งในปัจจุบันก็มีเครื่องมือต่าง ๆ ที่ช่วยจัดการประสิทธิภาพบนหน้าเว็บให้เลือกใช้อย่างหลากหลาย เลือกสักหนึ่งเครื่องมือ แล้วไปเรียนรู้วิธีการใช้งานเพื่อมาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับเว็บ
.
และทั้งหมดนี้ก็เป็น Hard Skills ที่คนอยากเป็น Front-End Developer ต้องมี และยังต้องมี Soft Skills อื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นทักษะการสื่อสาร การทำงานเป็นทีม การวางแผนงาน เพื่อช่วยให้การทำงานนั้นมีประสิทธิภาพ ซึ่งสกิลเหล่านี้ไม่ว่าจะทำอาชีพไหนก็ต้องมี 😊
.
และพี่ ๆ คนไหนที่กำลังทำอาชีพนี้ แล้วอยากแนะนำหรือบอกอะไรเพิ่มเติม สามารถมาคอมเมนต์พูดคุยกันได้เลยน้า 🥰
.
borntoDev - 🦖 สร้างการเรียนรู้ที่ดีสำหรับสายไอทีในทุกวัน
#frontend #frontenddeveloper #BorntoDev
同時也有10000部Youtube影片,追蹤數超過2,910的網紅コバにゃんチャンネル,也在其Youtube影片中提到,...
「front-end framework」的推薦目錄:
front-end framework 在 BorntoDev Facebook 的最佳貼文
รู้หรือไม่ ?! นอกจาก MEAN Stack และ MERN Stack แล้วนั้น ยังมี Stack ในการพัฒนาเว็บอีกรูปแบบหนึ่งที่กำลังเป็นที่นิยมของชาวเว็บเดฟ...นั่นคือ JAMstack
.
แล้วมันคืออะไร ? มีหลักการทำงานยังไง ? วันนี้แอดจะพาทุกคนไปรู้จักเจ้า JAMstack ไปพร้อม ๆ กัน หากพร้อมแล้วไปอ่านกันเลย !!
.
🌟 JAMstack - เป็นสถาปัตยกรรมสำหรับการพัฒนาเว็บบนพื้นฐานของ JavaSctipt, APIs, และ Markup ออกแบบมาเพื่อให้ผู้พัฒนาสามารถสร้างเว็บเร็ว ปลอดภัย และสามารถปรับขนาดได้ง่ายมากขึ้น
.
✏️ โดย JAM ย่อมาจาก
.
🔸 JavaScript - เป็นภาษาโปรแกรมมิ่งที่ใช้ในการพัฒนา Front-end หรือรวมไปถึง JavaSctipt Framework หรือ Library อื่น ๆ ที่ใช้ในการพัฒนาเว็บไซต์แบบไดนามิกบนฝั่ง Client
.
🔸 APIs (Application Programming Interface) - คือวิธีร้องขอข้อมูลที่ต้องการจากโปรแกรมหรือแอปพลิเคชันจากปลายทาง โดยจะเชื่อมต่อกับฝั่ง JavaScript ผ่าน HTTP Protocol
.
🔸 Markup - เป็นรูปแบบ Template ที่ใช้ในการแสดงและจัดรูปแบบหน้าเว็บ
.
⚙️ หลักการทำงาน
.
การสร้างเว็บแบบเดิมจะทำงานในส่วนเซิร์ฟเวอร์เป็นหลัก อย่างเช่น ถ้าเราอยากสร้างเว็บไซต์ที่ต้องดึงข้อมูลจาก API ออกมาแสดงผลแบบเรียลไทม์ ก็จะต้องเขียนแอปฝั่ง Back-End เพื่อดึงข้อมูลออกมาอย่างต่อเนื่อง และสิ่งเหล่านี้จะทำงานบนเซิร์ฟเวอร์ เมื่อผู้ใช้เปิดเว็บก็จะสร้างหน้า HTML เพื่อแสดงคะแนนเหล่านั้นให้กับผู้ใช้ ซึ่งถ้ารีเฟรชหน้าก็จะต้องทำขึ้นตอนเหล่านี้ใหม่เรื่อย ๆ ทำให้ใช้เวลานาน และหากมีผู้เข้าใช้จำนวนมากอาจจะทำให้เว็บไซต์ล่มได้นั่นเอง
.
แต่ JAMstack จะแยกส่วนการทำงานทั้งหมด เชื่อมต่อระบบต่าง ๆ ด้วย API และใช้ CDN เป็นตัวกลางในการเชื่อมต่อ เมื่อเราสร้าง Template (ด้วย Framework จาก JavaSctipt เช่น Gastby, Next, Nuxt, Jekyll) ก็จะถูกเก็บไว้ใน CDN เป็น Static File เมื่อผู้ใช้เปิดเว็บ CDN ก็จะส่งเป็น Static File ออกมาแสดง จากนั้นเว็บก็จะไปทำการเรียก API เพื่อดึงข้อมูลมาแสดงตาม Template ที่มีการเรียกใช้ไว้แล้ว ซึ่งจะทำให้เว็บโหลดได้เร็วมากขึ้น คือแสดงผลได้เลยไม่ต้องรอนาน และเราก็ไม่ต้องยุ่งยากในการเขียนโค้ดทางฝั่ง Back-End และเซิร์ฟเวอร์ก็ไม่ต้องรับภาระหนักอีกต่อไป
✨ ประโยชน์
.
ความรวดเร็ว - การสร้างเว็บด้วย JAMStack สามารถแสดงข้อมูลเพราะไฟล์ต่าง ๆ ถูกสร้างไว้ล่วงหน้าแล้วเพื่อรอให้ CDN เรียกใช้เมื่อผู้ใช้เปิดเว็บก็จะแสดงได้อย่างรวดเร็ว โดยไม่ต้องเซิร์ฟเวอร์ Request และ Response นั่นเอง
.
ให้ประสบการณ์ที่ดีกับนักพัฒนา - สามารถสร้างด้วยเครื่องมือที่หลากหลาย ไม่ขึ้นกับเทคโนโลยีใดเทคโนโลยีหนึ่ง สร้างเว็บได้ง่ายโดยสามารถใช้เครื่องมือที่เหล่าเดฟถนัดอยู่แล้วมาพัฒนาได้
.
บำรุงรักษาได้ง่าย - เพราะมีการทำงานแบบแยกส่วนกัน การแก้ไขหรืออัปเดตแต่ละส่วนได้ง่ายโดยไม่ต้องกระทบกัน
.
.
📑 อ่านข้อมูลเพิ่มเติมที่นี่ : https://www.cloudflare.com/learning/performance/what-is-jamstack/ , https://jamstack.org/what-is-jamstack/
.
borntoDev - 🦖 สร้างการเรียนรู้ที่ดีสำหรับสายไอทีในทุกวัน
#JAMstack #webdelopment #BorntoDev
front-end framework 在 BorntoDev Facebook 的最佳貼文
✨ มาดูอีกหนึ่งอาชีพสำคัญสำหรับเราชาวเดฟ ที่น้อง ๆ หรือใครหลายฝันอยากจะเป็น...นั่นคือ Full Stack Developer
.
🌈 แล้วถ้าอยากทำอาชีพนี้ต้องเริ่มยังไง ต้องรู้อะไรบ้าง ? วันนี้แอดจะมาสรุปคร่าว ๆ ให้ดูกัน ซึ่งมันอาจจะมีสกิลที่ต้องใช้น้อยหรือมากกว่านี้ ขึ้นอยู่กับบริษัทนะ...หากพี่ ๆ คนไหนอยากจะเสริมสามารถคอมเมนต์ไว้ได้เลยนะคะ เอาล่ะ อย่ารอช้า...หากพร้อมแล้วไปดูกันเลย !!
.
👉 ก่อนอื่นเรามารู้จักอาชีพนี้กันก่อนว่าคืออะไร…
.
🌟 Full Stack Developer เป็นอาชีพที่สามารถทำได้ทั้ง Front-end และ Back-end นั่นเอง
.
สิ่งสำคัญที่คนอยากทำงานสายนี้ต้องรู้ มีดังนี้ !!
.
📝 พื้นฐานคือสิ่งสำคัญ !
.
สิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้คือพื้นฐาน HTML, CSS และ JavaScript นั่นเอง ไม่ว่าจะเป็น front หรือ back ก็ต้องรู้พื้นฐานนี้กันทั้งนั้น เมื่อพื้นฐานแน่นแล้วเราก็สามารถเลือกใช้ Framework หรือ Tools ต่าง ๆ เช่น React หรือ NodeJS เพื่อต่อยอดสกิลของเราให่เทพมากขึ้นนั่นเอง !
.
✨ ทักษะการออกแบบ
.
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าอีกหนึ่งทักษะที่สำคัญนั่นคือการออกแบบ...ไม่ว่าจะทำเว็บหรือแอปพลิเคชัน สกิลที่ควรมีติดไว้ คือ การใช้งาน AdobeXD และ Figma หลาย ๆ คนอาจจะสงสัยว่างานด้านนี้ Full Stack Dev ต้องทำด้วยหรอ...อันนี้มันก็แล้วแต่บริษัทนะว่าเขามีคนออกแบบแยกรึป่าว แต่แอดว่าสกิลนี้มีติดไว้ก็ดี เพราะชื่อของเราก็บอกอยู่ว่า Full Stack ก็ต้องมีสกิลหลาย ๆ ด้านยังไงล่ะ !!
.
🗂️ ฐานข้อมูล...ก็ห้ามขาด !
.
ไม่ว่าจะเป็น SQL หรือ NoSQL เป็นสิ่งสำคัญมาก ๆ ในการออกแบบแอปพลิเคชันทั้งเว็บและมือถือ เพื่อการเชื่อมต่อกับ Back-end ซึ่งฐานข้อมูลที่คนส่วนใหญ่เขาฮิตกัน...ก็มี MySQL, Oracle, และ MongoDB เป็นต้น
.
เลือก Framework หรือ Stack ที่โดนใจคุณ ❤️
.
เมื่อเราเรียนรู้พื้นฐานที่สำคัญจนครบถ้วนแล้ว ในขั้นถัดไปเราก็จะมาต่อยอดสกิลพื้นฐานนี้ โดยการเลือก Framework หรือ Tools ต่าง ๆ ที่ช่วยให้เราทำงานง่ายมากขึ้น ! ซึ่งในปัจจุบันมีให้ใช้เยอะมาก แต่ที่เขาฮิตและเป็นที่ต้องการของตลาดมาก ๆ คงหนีไม่พ้นเจ้า 3 ตัวนี้ นั่นคือ React, Vue, และ Angular นั่นเอง หรือบางทีอาจจะเรียกรวม ๆ ว่า MERN stack หรือ MEAN stack ส่วนทาง Back-end ก็มี Framework ตัวนึงที่น่าสนใจเช่นกัน คือเจ้า NodeJS, Django จาก Python , ExpressJS หรือจะเป็นทางฝั่ง .net
.
✏️ สกิลอื่น ๆ เพิ่มเติม
.
Git, SSH, Linux Command, Data structures และ Algorithms สกิลเหล่านี้ก็ขาดไม่ได้เช่นกัน มาดูกันดีกว่าว่าแต่ละตัวเป็นยังไง
.
Git - Version Control ซึ่งการทำงานจริง ๆ เราก็ต้องทำงานกับ Dev คนอื่นอีกหลายคน ซึ่งเจ้านี่จะทำให้เราสามารถควบคุมโค้ดในโปรเจกต์ เพิ่ม ลบ หรือเรียกเวอร์ชันเก่า ๆ กลับมาได้อย่างง่ายดาย แถมยังสามารถทำงานกับเพื่อนร่วมทีมได้ง่ายมากขึ้น
.
SSH - เป็นพื้นฐานสำคัญในระบบ Network ใช้เพื่อควบคุมการเชื่อมต่อในระยะไกลให้ปลอดภัย
.
Linux Command - บางทีเราอาจจะต้องเข้าไป Set ระบบ หรือควบคุมอะไรบางอย่างที่รันอยู่บนระบบ Linux ก็ต้องเรียนรู้คำสั่งพื้นฐานในการใช้งานระบบนี้ไว้บ้าง
.
Data structures และ Algorithms - เป็นวิธีในการจัดการข้อมูล หรือการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ นี่ก็เป็นหนึ่งพื้นฐานสำคัญที่ Programmer ทุกคนควรมี ไม่ว่าจะทำงานตำแหน่งไหนก็ตาม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการพัฒนาโปรแกรมให้มากขึ้นนั่นเอง
.
📑 ขอบคุณข้อมูลดี ๆ จาก >> https://medium.com/nerd-for-tech/full-stack-developer-roadmap-2021-ebd68255563b , https://www.crampete.com/blogs/road-map-to-full-stack-web-development/
.
หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับเพื่อน ๆ น้าาาา หากใครมีอะไรเพิ่มเติมสามารถเมนต์ไว้ด้านล่างได้เลยจ้า
.
borntoDev - 🦖 สร้างการเรียนรู้ที่ดีสำหรับสายไอทีในทุกวัน
#fullstackdeveloper #developers #programmer #frontend #backend #BorntoDev