โควิดก็กลัว แต่เรื่องสวย เราก็ห่วงไม่แพ้กัน!! มาอัพเดตเรื่องเครื่องสำอางญี่ปุ่นกันหน่อย แบรนด์ญี่ปุ่น Kanebo เค้ารีแบรนด์ใหม่ มีคีย์เวิร์ด คือ I Hope ชีวิตนี้ยังมีหวัง โอ้โห ช่างเหมาะกับสถานการณ์ตอนนี้จริงๆเลย หวังว่าจะไม่ติดโควิด และหวังว่าเราจะสวยขึ้นได้ด้วย ฮ่าาา
.
最近「I Hope」というキーワードにリブランディングにされたばかりで、全店舗のカウンターが新しくなりました。カウンターでカウンセリングしてもらうことはもちろん、アプリで新商品の試すことができます。タイでもカネボウ化粧品の新商品を買うことができるのって嬉しい!是非お近くの店舗に行ってみてくださいね~(写真はパラゴン店です)
.
เค้าน์เตอร์สาขาสยามพารากอนที่เราไปมา ได้รับการตกแต่งเป็นโฉมใหม่ มีพนักงานให้คำแนะนำ ทำได้ทั้งเช็กสภาพผิว ลองเครื่องสำอางและสกินแคร์ หรือจะลองผ่านแอพ จำลองการแต่งหน้าก็ได้ ว้าวววว สะดวกมาก ไม่ต้องทาแล้วลบหลายรอบ (ฟรีด้วยนะ) ซึ่งทุกสาขาทั่วประเทศไทยก็เปลี่ยนเป็นแบบใหม่แล้วเช่นกัน ไปลองดูที่สาขาใกล้บ้านได้เลย
.
สำหรับโฆษณาของ Kanebo ตอนนี้ จะเป็นการร้องประสานเสียงในเพลง Kuchibiru yo, atsuku kimi wo katare ซึ่งนำมาจากเพลงต้นแบบของ Machiko Watanabe เคยถูกใช้ในโฆษณา “Lady 80” ของบริษัทเครื่องสำอางคาเนโบในปี 1980 อีกด้วย คนที่อินกับเพลงญี่ปุ่นยุค 80 ก็ลองฟังดูนะ น่าจะชอบนะจ๊ะ
.
และที่เค้าน์เตอร์ตอนนี้ก็จะมีผลิตภัณฑ์ คอลเลคชั่นใหม่ทั้งสกินแคร์ Kanebo I Hope ON & IN และเมคอัพ Kanebo I Hope 2020 Autumn ให้ได้ทดลองกันด้วยล่ะ ลองมาแล้ว ทั้งกลิ่นและเนื้อสัมผัสของสกินแคร์ดีมากๆ บำรุงผิวและได้ฮีลในคราวเดียวกัน
.
ส่วนเมคอัพนั้นสีสวยและเป็นเทรนด์ญี่ปุ่นตอนนี้เลย ถึงจะยังไปญี่ปุ่นไม่ได้ ก็แต่งหน้าด้วยเครื่องสำอางญี่ปุ่น แล้วจินตนาการว่าเดินเล่นอยู่ชิบูย่าไปก่อนละกันนะ ฮ่าาา // เอากลับมาลองใช้ต่อแป้บแล้วจะมาอัพเดตจ้า
.
คนที่อยากลองมั่งก็ไปที่เค้าน์เตอร์สาขาใกล้บ้านได้เลย ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.kanebo-global.com เลยจ้ะ
facebook : KANEBO Global
.
#ไหนๆแล้วสอนศัพท์กันหน่อย
希望 ・ kibou ・ คิโบ แปลว่า ความหวัง
.
เช่น 私には希望がある = watashi ni wa kibou ga aru แปลว่า ตัวฉันนั้นมีความหวังอยู่
.
希望を持って生きる = kibou wo motte ikiru แปลว่า ใช้ชีวิตอย่างมีความหวัง เป็นต้น
.
#reikowsevent #reikowsbeauty #KaneboThailand #เรโกะ #คาเนโบ้ #เครื่องสำอางญี่ปุ่น #カネボウ
「global แปลว่า」的推薦目錄:
- 關於global แปลว่า 在 Reiko.ws Facebook 的精選貼文
- 關於global แปลว่า 在 ลงทุนแมน Facebook 的最佳貼文
- 關於global แปลว่า 在 ลงทุนแมน Facebook 的精選貼文
- 關於global แปลว่า 在 คำว่า Global แปลว่า ทั่วโลก... - Unilever Careers | Facebook 的評價
- 關於global แปลว่า 在 global ออกเสียงว่า แปลว่า อะไร แปลภาษาอังกฤษเป็นไทย By ... 的評價
- 關於global แปลว่า 在 ผู้นำด้านธุรกิจปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ | PTT Global Chemical 的評價
global แปลว่า 在 ลงทุนแมน Facebook 的最佳貼文
ท้อแท้ สิ้นหวัง แตกหัก ฮ่องกง / โดย ลงทุนแมน
[1 ในบทความที่นิยมสุดของลงทุนแมนในปี 2019]
ทุกคนในฮ่องกงเวลานี้ ต่างจมอยู่กับความสิ้นหวัง..
ภาพบ้านเมืองที่พัฒนาแล้ว มีตึกสูงเรียงกัน
เปลี่ยนเป็นภาพผู้คนโกรธเคือง พร้อมทำลายสิ่งขวางกั้น
มองไปทางไหนก็ไม่เห็นทางออก ที่จะนำไปสู่ความสงบ
รู้หรือไม่ว่า ในตอนนี้ ฮ่องกง ได้เข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยอย่างเป็นทางการเป็นที่เรียบร้อย
คำว่า เศรษฐกิจถดถอย (Recession) แปลว่า
GDP หดตัวติดต่อกัน 2 ไตรมาสติดต่อกัน
ซึ่งเรื่องนี้เกิดขึ้นไม่บ่อย และเป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปี
ในวันที่ทุกอย่างรุมเร้า
ในวันที่มองไม่เห็นทางออก
จุดเริ่มต้นของสิ่งที่เกิดขึ้นมันคืออะไร
แล้วจุดสุดท้ายจะเป็นอย่างไร
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
┏━━━━━━━━━━━━┓
Blockdit โซเชียลมีเดีย รูปแบบใหม่
Blockdit.com/download
┗━━━━━━━━━━━━┛
ฮ่องกงเคยเป็นเมืองที่เป็นผู้นำของภูมิภาคเอเชียในทุกๆ ด้าน
ไม่ว่าจะเป็นด้านเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว หรือแม้แต่ด้านบันเทิง
มังกรหยก หลิวเต๋อหัว เฉินหลง ถ้าย้อนกลับไป 20 ปีก่อน เราคนไทยน่าจะรู้จักกันทุกคนไม่แพ้ K-POP หรือ ดาราฮอลลีวูด ในสมัยนี้
จุดหมายการท่องเที่ยวอันดับหนึ่งของคนไทย
ถ้าถามคนสมัยก่อนว่า เดินทางไปเที่ยวต่างประเทศเป็นครั้งแรก
เราจะไปที่ไหน?
คำตอบแรกคือ “ฮ่องกง”
แต่ในวันนี้ทุกอย่างได้เปลี่ยนไป
จนรู้ตัวอีกที
ฮ่องกงในวันนี้ อาจไม่ได้เป็นฮ่องกงคนเดิมที่เรารู้จัก
ฮ่องกงในวันนี้ มองไปทางไหนก็ไม่สดใสเหมือนเดิม
ฮ่องกงในวันนี้ เริ่มไม่ได้เป็นผู้นำเอเชียในทุกด้านเหมือนวันก่อน
แล้วที่ผ่านมาคนฮ่องกงเจออะไร
คนฮ่องกงเก่งน้อยลง
หรือ คนประเทศอื่นเก่งมากขึ้น
หรือ มันมีอะไรบางอย่างซ่อนอยู่ ที่ทำให้ฮ่องกงเดินทางมาถึงจุดนี้
จุดที่ทุกอย่างพร้อมจะพังทลายลง
เรามาหาความจริงกัน
ฮ่องกง คือเมืองที่มีตึกระฟ้ามากที่สุดในโลก มี 1,300 ตึก ที่สูงมากกว่า 100 เมตร (100 เมตรคือประมาณ 30 ชั้น)
ฮ่องกง คือเมืองที่มีคนรวย 2 คน ติดอันดับรวยที่สุดในโลก 25 คนแรก โดยธุรกิจหลักของพวกเขาคือ อสังหาริมทรัพย์
ฮ่องกง คือเมืองที่มีราคาบ้านเพิ่ม 2 เท่าภายใน 5 ปี
และแพงอันดับ 2 ของโลก รองจากโมนาโก
ห้องขนาด 30 ตารางเมตรในฮ่องกง มีราคา 50 ล้านบาท
ด้วยราคาขนาดนี้สามารถซื้อบ้านหรูในประเทศไทยได้
ที่ผ่านมา ฮ่องกงดูเป็นที่สุดในโลกในทุกด้าน
แต่การเป็นที่สุด
ย่อมแลกมาด้วยสิ่งที่ทำให้ ฮ่องกง เป็นหนึ่งในเมืองที่มีความแตกต่างระหว่างคนรวย กับ คนชั้นกลางมากที่สุดในโลก
ซึ่งสิ่งนั้นเรียกว่า ความเหลื่อมล้ำ..
จริงๆ แล้วความเหลื่อมล้ำเป็นแค่เชื้อเพลิงที่สะสม ถ้าไม่มีใครมาจุดไฟมันก็คงไม่เกิดอะไร
เชื้อเพลิงมันก็กองกันอยู่อย่างนั้น
แต่ถ้าวันใดวันหนึ่ง มีคนมาจุดชนวน ทุกอย่างก็จะกลายเป็นไฟ ลุกโชติช่วงแบบไม่ดับลงง่ายๆ
เหมือนภาพที่เราเห็นกันอยู่ทุกวันนี้
และชนวนที่สำคัญก็คือ ประเด็นการส่งผู้ร้ายข้ามแดน..
ใครจะไปคิดว่า ตัวจุดชนวนนี้คือ เรื่องฆาตกรรมของคนเพียงคนเดียว ที่เกิดขึ้นบนเกาะไต้หวัน..
ย้อนกลับไป 9 เดือนที่แล้ว
เดือนกุมภาพันธ์ปี 2019 เมื่อคู่รักฮ่องกงคู่หนึ่งเดินทางไปเที่ยวไต้หวัน
แต่ฝ่ายชายกลับฆ่าฝ่ายหญิงที่ไต้หวัน และ เดินทางกลับมาที่ฮ่องกงโดยที่ไม่มีใครจับได้
ต่อมาผู้ชายถูกจับตัวได้ที่ฮ่องกง แต่ตำรวจฮ่องกงไม่สามารถตั้งข้อหาได้ เพราะเหตุการณ์เกิดขึ้นที่ไต้หวัน
ขณะที่ทั้งฮ่องกงและไต้หวัน ไม่มีสนธิสัญญาว่าด้วยการส่งผู้ร้ายข้ามแดนระหว่างกัน จึงไม่สามารถส่งตัวคนผิดไปดำเนินคดีที่ไต้หวัน
พอเรื่องเป็นแบบนี้ คณะผู้บริหารฮ่องกงจึงเสนอร่างกฎหมายเพื่อที่จะส่งผู้ร้ายข้ามแดนไปยังไต้หวัน
แต่เรื่องนี้กลับกลายใหญ่โตขึ้น เพราะร่างกฎหมายนี้ ดันรวมไปถึงการส่งตัวผู้ทำผิดไปประเทศจีนด้วย
ซึ่งประเด็นนี้ทำให้ชาวฮ่องกงไม่พอใจ และออกมาชุมนุมประท้วงนับแต่นั้นเป็นต้นมา
ทางคณะผู้บริหารฮ่องกงเองได้ยกเลิกสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนไปแล้ว แต่หลังจากนั้น ข้อเรียกร้องยกระดับเป็นการให้ แคร์รี หล่ำ ผู้ว่าฮ่องกง ลาออก เลยไปจนถึงการเรียกร้องให้มีการเลือกตั้งที่เป็นประชาธิปไตย
แม้ว่าปัจจุบันฮ่องกงมีสิทธิในการปกครองตนเองอย่างอิสระ ซึ่งสามารถดำเนินนโยบายทางการเมือง เศรษฐกิจ และกฎหมายได้โดยตนเอง
แต่ในอนาคต ปี 2047 หรืออีก 28 ปี ข้างหน้า ฮ่องกงมีกำหนดส่งอำนาจการปกครองคืนให้จีน
ผู้คนที่ออกมาชุมนุมมีมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มวัยหนุ่มสาว มาจากบุคคลหลากวิชาชีพ ตั้งแต่ นักศึกษา ครู นักกฎหมาย ไปจนถึงพนักงานในสายการบิน ซึ่งการประท้วงได้ยกระดับไปถึงการปิดสนามบิน การกีดขวางขนส่งมวลชน ไปจนถึงการทำลายร้านค้า อาคาร และทำร้ายผู้ไม่เห็นด้วยกับการชุมนุม
ส่วนผู้ที่ต่อต้านการชุมนุมก็มีเช่นกัน ซึ่งส่วนใหญ่จะมีอายุที่มากกว่า หรือเป็นนักธุรกิจ
ย้อนดูประวัติศาสตร์ฮ่องกง
ค.ศ. 1898 สงครามฝิ่นเป็นจุดเริ่มของเรื่องราวทั้งหมด
อังกฤษได้ครอบครองฮ่องกงจากจีนแบบเสรีนิยมเป็นเวลา 99 ปี ด้วยนโยบายการค้าเสรีทำให้ฮ่องกงกลายเป็นเมืองท่า ศูนย์กลางเศรษฐกิจและการเงินของโลก
ค.ศ. 1997 หรืออีก 99 ปีถัดมา อังกฤษได้ส่งมอบฮ่องกงคืนให้กับจีน
รัฐบาลปักกิ่งได้ตกลงให้ปกครองฮ่องกงด้วยนโยบาย หนึ่งประเทศ สองระบบ ไปอีก 50 ปี เพื่อให้เศรษฐกิจ ธุรกิจ ดำเนินไปเหมือนเดิม ยกเว้นเรื่องการทหารและการต่างประเทศ ที่รัฐบาลปักกิ่งเป็นผู้ดูแล
เรามาดูความจริงที่เกิดขึ้นกัน
คนฮ่องกง 3.5 ล้านคนที่มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้ง ไม่ได้ออกเสียงเลือกตั้งผู้บริหารเขตฮ่องกง
โดยที่ผ่านมา ผู้บริหารเขตฮ่องกงมาจากการเลือกโดยคณะกรรมการการเลือกตั้ง 1,200 คน ซึ่งถูกเลือกมาจากกลุ่มคนจำนวนน้อยที่ถูกวิจารณ์ว่าเป็นผู้แทนของนักธุรกิจและรัฐบาลปักกิ่ง และการแต่งตั้งผู้บริหารเขตฮ่องกงก็ต้องได้รับการเห็นชอบจากรัฐบาลปักกิ่ง
ปัจจุบัน ฮ่องกงเป็นตลาดทุนอันดับ 3 ของโลก มีมูลค่าตลาดรวมกันทั้งหมด 170 ล้านล้านบาท หรือใหญ่กว่าตลาดหลักทรัพย์ไทย 10 เท่า
แต่ภายใต้เศรษฐกิจที่ดูดี ราคาอสังหาริมทรัพย์ นโยบายที่ดินและสวัสดิการบ้านของรัฐบาลฮ่องกง เอื้อต่อนักธุรกิจ ทำให้ราคาที่พักสูงเกินที่คนฮ่องกงทั้งระดับล่างและระดับกลางจะซื้อได้ และนั่นทำให้คนฮ่องกงทั่วไปรู้สึกว่าตัวเขาเองใช้ชีวิตอยู่ลำบากในเมืองที่เขาเกิดมา
โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ที่ไม่มีโอกาสจะลืมตาอ้าปากเป็นผู้ได้รับผลกระทบมากที่สุด และนั่นก็เป็นสาเหตุที่ผู้ประท้วงส่วนใหญ่เป็นคนหนุ่มสาว
หนึ่งประเทศ สองระบบ หรือทุนนิยมที่ฮ่องกงอยากได้ กลับกลายเป็นสิ่งที่เชิดชูคนรวย และทำร้ายคนชั้นกลางในฮ่องกง
ทั้งปัญหาเศรษฐกิจ ความเหลื่อมล้ำ ราคาบ้านที่สูงเกินเอื้อม
ไปจนถึงความกลัวว่าจะถูกรัฐบาลริดรอนเสรีภาพที่เคยมี
เมื่อมองไปทางไหนก็รู้สึกท้อแท้ และ สิ้นหวัง
หนทางเดียวที่มีอยู่ของคนฮ่องกง ก็คือการชุมนุม การประท้วง จนกว่าทุกอย่างจะมีการเปลี่ยนแปลง
แต่ยิ่งประท้วงมากเท่าไร ก็ยิ่งเป็นการทำร้ายเศรษฐกิจของตัวเองมากขึ้นทุกที
ทั้งภาคการเงิน การท่องเที่ยว
ฮ่องกงกำลังจะสูญเสียอะไรไปบ้าง?
นอกจากการที่ฮ่องกงเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยอย่างเป็นทางการแล้ว
Morgan Stanley คาดการณ์ว่า GDP ของฮ่องกงในปี 2019 จะหดตัว 0.8%
การส่งออกในไตรมาสที่ 3 ของปี 2019
ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว 7%
ซึ่งเป็นการหดตัวมากที่สุดในรอบ 10 ปี
ส่วนจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในเดือนสิงหาคมลดลง 34% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว
ถึงแม้ว่าตอนนี้ฮ่องกงยังครองตำแหน่งศูนย์กลางการเงินอันดับ 1 ของเอเชีย
แต่ท่ามกลางสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ ตำแหน่งนี้กำลังถูกสั่นคลอนโดยสิงคโปร์ คู่แข่งที่ตามมาติดๆ ในอันดับ 2 และเซี่ยงไฮ้ซึ่งอยู่ในอันดับ 3
Goldman Sachs คาดการณ์ว่า ท่ามกลางความไม่แน่นอนทางการเมืองของฮ่องกง
นักลงทุนอาจหอบเงินกว่า 120,000 ล้านบาท หนีไปลงทุนที่สิงคโปร์
ส่วน Bloomberg คาดการณ์ว่า มูลค่าหุ้นที่เข้ามาระดมทุนของตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้ มีแนวโน้มจะแซงหน้าตลาดหุ้นฮ่องกงในปีนี้
ยังไม่รวมห้างร้านหลายแห่งที่ต้องปิดตัวลง เพราะไม่สามารถขนส่งสินค้าเข้ามาในร้านได้
โรงแรมที่ซบเซาลงจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่ลดลง
ระบบขนส่งมวลชนที่เป็นอัมพาตจากการกีดขวางการจราจร
การประท้วงที่เพิ่มระดับความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นการก่อการร้าย
ทั้งขว้างปาก้อนอิฐ ก่อสิ่งกีดขวางการจราจร
ทำร้ายผู้คนที่ไม่เห็นด้วย เผาทำลายอาคารสถานที่ต่างๆ
แต่อย่างไรก็ตาม
ฮ่องกงซึ่งไม่มีทั้งกองกำลังทหารและอาวุธเป็นของตัวเอง
ยิ่งการประท้วงเพิ่มระดับความรุนแรงมากขึ้นเท่าไหร่
ก็ยิ่งเพิ่มความชอบธรรมให้รัฐบาลฮ่องกงขอรับการสนับสนุนกองกำลังทหารจากจีนแผ่นดินใหญ่ โดยที่ความขัดแย้งระหว่างฮ่องกงและจีน ถือเป็นกิจการภายใน ซึ่งต่างชาติก็ไม่มีสิทธิ์เข้าไปแทรกแซง
นั่นหมายความว่า ในทางกฎหมาย “การแยกประเทศ” ของชาวฮ่องกง คือสิ่งที่เป็นไปได้ยากมาก..
แต่จนถึงวันนี้ จุดยืนของรัฐบาลจีนต่อการประท้วง ก็คือการปล่อยให้คนฮ่องกงแก้ปัญหานี้กันเอง
ฮ่องกงซึ่งครั้งหนึ่งเคยมีความสำคัญ เป็นประตูสู่การลงทุนของจีนแผ่นดินใหญ่
ปี 1997 ฮ่องกงมีขนาดเศรษฐกิจคิดเป็น 18.4% ของ GDP ประเทศจีน
ปี 2018 ฮ่องกงมีขนาดเศรษฐกิจคิดเป็น 2.7% ของ GDP ประเทศจีน
ในวันนี้ เมืองใหญ่ต่างๆ ของจีน ต่างพัฒนาเศรษฐกิจจนมีขนาด GDP แซงหน้าฮ่องกงไปแล้ว
ทั้ง เซี่ยงไฮ้ ปักกิ่ง เซินเจิ้น ส่วนกว่างโจว และเทียนจิน กำลังจะแซงหน้าในเร็วๆ นี้
ความสำคัญในทางเศรษฐกิจของฮ่องกงต่อประเทศจีน กำลังลดระดับลงเรื่อยๆ
น่าคิดว่า ยิ่งการประท้วงในฮ่องกงยืดเยื้อเท่าไหร่ สุดท้ายผู้ที่ได้รับความเสียหายก็คือคนฮ่องกงเอง
ในปี ค.ศ. 2047 หรืออีก 28 ปี ข้างหน้า เมื่อครบ 50 ปีของการปกครองแบบหนึ่งประเทศ สองระบบ ทุกอย่างจะเปลี่ยนไป
- ฮ่องกงจะเป็นส่วนหนึ่งของ มณฑลกวางตุ้ง หนึ่งใน 23 มณฑลของจีน
- ดอลลาร์ฮ่องกง พาสปอร์ตฮ่องกง จะเป็นอดีต
- คนฮ่องกง 7.5 ล้านคน จะรวมเป็นส่วนหนึ่งของคนจีน 1,400 ล้านคน
แน่นอนว่าคนฮ่องกงที่ประท้วงไม่อยากให้เป็นแบบนั้น และไม่ว่าการประท้วงที่ยาวนานครั้งนี้จะมีจุดจบเช่นไร เรื่องนี้ทำให้นึกถึงสิ่งที่ เรย์ ดาลิโอ ผู้เขียนหนังสือ Principles ได้กล่าวไว้เมื่อไม่นานมานี้ว่า
“โลกกำลังบ้าคลั่ง และ ระบบกำลังพัง”
ทั้งๆ ที่ตัวเขาเองเป็นผู้บริหารกองทุนเฮดจ์ฟันที่ใหญ่สุดในโลก และคุ้นเคยกับโลกทุนนิยม
แต่เขาบอกว่า ระบบทุนนิยม แบบเดิมซึ่งเราเชื่อกันว่า จะเป็นประโยชน์ต่อคนส่วนมากในที่สุด
อาจใช้ไม่ได้อีกต่อไป..
เพราะระบบกำลังให้รางวัลกับคนรวย และทิ้งห่างคนส่วนใหญ่ในฮ่องกงไปเรื่อยๆ ในขณะที่คนที่เหลือไม่สามารถทำอะไรได้เลย
ระบบนี้จะไม่เสถียร ระบบนี้จะพังลงในที่สุด
และโลกนี้กำลังดำเนินเข้าสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในเวลาอันใกล้
หลายคนอาจจะไม่เชื่อว่าทุนนิยมมันจะพังได้อย่างไร ในเมื่อเราคุ้นเคยกันมานาน
แต่ดูเหมือนว่ามันอาจได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว บนเกาะเล็กๆ แห่งหนึ่งของโลกที่ชื่อว่า ฮ่องกง..
┏━━━━━━━━━━━━┓
Blockdit โซเชียลมีเดีย รูปแบบใหม่
Blockdit.com/download
┗━━━━━━━━━━━━┛
References
-The Global Financial Centres Index 26
-https://www.chinadailyhk.com/articl…/…/81/1572262453599.html
-https://www.bloomberg.com/…/singapore-shanghai-threaten-hon…
-https://www.reuters.com/…/explainer-how-important-is-hong-k…
-https://www.cnbc.com/…/hong-kong-is-building-an-80-billion-…
-https://www.censtatd.gov.hk/…/…/gender/demographic/index.jsp
-https://www.scmp.com/…/how-hong-kong-can-put-end-protest-ch…
-https://www.chinadailyhk.com/…/2…/102/126/1551884339370.html
-https://www.statista.com/…/hong-kong-high-net-worth-indivi…/
-https://www.isranews.org/…/79389-universal-suffragehk79389.…
-https://www.nytimes.com/…/asia/hong-kong-protests-democracy…
-https://www.bloomberg.com/…/hong-kong-overtakes-japan-as-wo…
-https://www.bloomberg.com/…/2019-hong-kong-protests-econo…/…
-https://th.investing.com/indices/hang-sen-40
-https://www.ceicdata.com/…/indica…/hong-kong/tourism-revenue
-https://nypost.com/…/alibaba-ipo-plan-at-risk-amid-massive…/
-https://tradingeconomics.com/hong-kong/gdp-growth-annual
-https://www.scmp.com/…/hong-kongs-gdp-slows-05-cent-first-q…
-https://edition.cnn.com/…/hong-kong-economy-stim…/index.html
global แปลว่า 在 ลงทุนแมน Facebook 的精選貼文
ท้อแท้ สิ้นหวัง แตกหัก ฮ่องกง / โดย ลงทุนแมน
[1 ในบทความที่นิยมสุดของลงทุนแมนในปี 2019]
ทุกคนในฮ่องกงเวลานี้ ต่างจมอยู่กับความสิ้นหวัง..
ภาพบ้านเมืองที่พัฒนาแล้ว มีตึกสูงเรียงกัน
เปลี่ยนเป็นภาพผู้คนโกรธเคือง พร้อมทำลายสิ่งขวางกั้น
มองไปทางไหนก็ไม่เห็นทางออก ที่จะนำไปสู่ความสงบ
รู้หรือไม่ว่า ในตอนนี้ ฮ่องกง ได้เข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยอย่างเป็นทางการเป็นที่เรียบร้อย
คำว่า เศรษฐกิจถดถอย (Recession) แปลว่า
GDP หดตัวติดต่อกัน 2 ไตรมาสติดต่อกัน
ซึ่งเรื่องนี้เกิดขึ้นไม่บ่อย และเป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปี
ในวันที่ทุกอย่างรุมเร้า
ในวันที่มองไม่เห็นทางออก
จุดเริ่มต้นของสิ่งที่เกิดขึ้นมันคืออะไร
แล้วจุดสุดท้ายจะเป็นอย่างไร
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
┏━━━━━━━━━━━━┓
Blockdit โซเชียลมีเดีย รูปแบบใหม่
Blockdit.com/download
┗━━━━━━━━━━━━┛
ฮ่องกงเคยเป็นเมืองที่เป็นผู้นำของภูมิภาคเอเชียในทุกๆ ด้าน
ไม่ว่าจะเป็นด้านเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว หรือแม้แต่ด้านบันเทิง
มังกรหยก หลิวเต๋อหัว เฉินหลง ถ้าย้อนกลับไป 20 ปีก่อน เราคนไทยน่าจะรู้จักกันทุกคนไม่แพ้ K-POP หรือ ดาราฮอลลีวูด ในสมัยนี้
จุดหมายการท่องเที่ยวอันดับหนึ่งของคนไทย
ถ้าถามคนสมัยก่อนว่า เดินทางไปเที่ยวต่างประเทศเป็นครั้งแรก
เราจะไปที่ไหน?
คำตอบแรกคือ “ฮ่องกง”
แต่ในวันนี้ทุกอย่างได้เปลี่ยนไป
จนรู้ตัวอีกที
ฮ่องกงในวันนี้ อาจไม่ได้เป็นฮ่องกงคนเดิมที่เรารู้จัก
ฮ่องกงในวันนี้ มองไปทางไหนก็ไม่สดใสเหมือนเดิม
ฮ่องกงในวันนี้ เริ่มไม่ได้เป็นผู้นำเอเชียในทุกด้านเหมือนวันก่อน
แล้วที่ผ่านมาคนฮ่องกงเจออะไร
คนฮ่องกงเก่งน้อยลง
หรือ คนประเทศอื่นเก่งมากขึ้น
หรือ มันมีอะไรบางอย่างซ่อนอยู่ ที่ทำให้ฮ่องกงเดินทางมาถึงจุดนี้
จุดที่ทุกอย่างพร้อมจะพังทลายลง
เรามาหาความจริงกัน
ฮ่องกง คือเมืองที่มีตึกระฟ้ามากที่สุดในโลก มี 1,300 ตึก ที่สูงมากกว่า 100 เมตร (100 เมตรคือประมาณ 30 ชั้น)
ฮ่องกง คือเมืองที่มีคนรวย 2 คน ติดอันดับรวยที่สุดในโลก 25 คนแรก โดยธุรกิจหลักของพวกเขาคือ อสังหาริมทรัพย์
ฮ่องกง คือเมืองที่มีราคาบ้านเพิ่ม 2 เท่าภายใน 5 ปี
และแพงอันดับ 2 ของโลก รองจากโมนาโก
ห้องขนาด 30 ตารางเมตรในฮ่องกง มีราคา 50 ล้านบาท
ด้วยราคาขนาดนี้สามารถซื้อบ้านหรูในประเทศไทยได้
ที่ผ่านมา ฮ่องกงดูเป็นที่สุดในโลกในทุกด้าน
แต่การเป็นที่สุด
ย่อมแลกมาด้วยสิ่งที่ทำให้ ฮ่องกง เป็นหนึ่งในเมืองที่มีความแตกต่างระหว่างคนรวย กับ คนชั้นกลางมากที่สุดในโลก
ซึ่งสิ่งนั้นเรียกว่า ความเหลื่อมล้ำ..
จริงๆ แล้วความเหลื่อมล้ำเป็นแค่เชื้อเพลิงที่สะสม ถ้าไม่มีใครมาจุดไฟมันก็คงไม่เกิดอะไร
เชื้อเพลิงมันก็กองกันอยู่อย่างนั้น
แต่ถ้าวันใดวันหนึ่ง มีคนมาจุดชนวน ทุกอย่างก็จะกลายเป็นไฟ ลุกโชติช่วงแบบไม่ดับลงง่ายๆ
เหมือนภาพที่เราเห็นกันอยู่ทุกวันนี้
และชนวนที่สำคัญก็คือ ประเด็นการส่งผู้ร้ายข้ามแดน..
ใครจะไปคิดว่า ตัวจุดชนวนนี้คือ เรื่องฆาตกรรมของคนเพียงคนเดียว ที่เกิดขึ้นบนเกาะไต้หวัน..
ย้อนกลับไป 9 เดือนที่แล้ว
เดือนกุมภาพันธ์ปี 2019 เมื่อคู่รักฮ่องกงคู่หนึ่งเดินทางไปเที่ยวไต้หวัน
แต่ฝ่ายชายกลับฆ่าฝ่ายหญิงที่ไต้หวัน และ เดินทางกลับมาที่ฮ่องกงโดยที่ไม่มีใครจับได้
ต่อมาผู้ชายถูกจับตัวได้ที่ฮ่องกง แต่ตำรวจฮ่องกงไม่สามารถตั้งข้อหาได้ เพราะเหตุการณ์เกิดขึ้นที่ไต้หวัน
ขณะที่ทั้งฮ่องกงและไต้หวัน ไม่มีสนธิสัญญาว่าด้วยการส่งผู้ร้ายข้ามแดนระหว่างกัน จึงไม่สามารถส่งตัวคนผิดไปดำเนินคดีที่ไต้หวัน
พอเรื่องเป็นแบบนี้ คณะผู้บริหารฮ่องกงจึงเสนอร่างกฎหมายเพื่อที่จะส่งผู้ร้ายข้ามแดนไปยังไต้หวัน
แต่เรื่องนี้กลับกลายใหญ่โตขึ้น เพราะร่างกฎหมายนี้ ดันรวมไปถึงการส่งตัวผู้ทำผิดไปประเทศจีนด้วย
ซึ่งประเด็นนี้ทำให้ชาวฮ่องกงไม่พอใจ และออกมาชุมนุมประท้วงนับแต่นั้นเป็นต้นมา
ทางคณะผู้บริหารฮ่องกงเองได้ยกเลิกสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนไปแล้ว แต่หลังจากนั้น ข้อเรียกร้องยกระดับเป็นการให้ แคร์รี หล่ำ ผู้ว่าฮ่องกง ลาออก เลยไปจนถึงการเรียกร้องให้มีการเลือกตั้งที่เป็นประชาธิปไตย
แม้ว่าปัจจุบันฮ่องกงมีสิทธิในการปกครองตนเองอย่างอิสระ ซึ่งสามารถดำเนินนโยบายทางการเมือง เศรษฐกิจ และกฎหมายได้โดยตนเอง
แต่ในอนาคต ปี 2047 หรืออีก 28 ปี ข้างหน้า ฮ่องกงมีกำหนดส่งอำนาจการปกครองคืนให้จีน
ผู้คนที่ออกมาชุมนุมมีมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มวัยหนุ่มสาว มาจากบุคคลหลากวิชาชีพ ตั้งแต่ นักศึกษา ครู นักกฎหมาย ไปจนถึงพนักงานในสายการบิน ซึ่งการประท้วงได้ยกระดับไปถึงการปิดสนามบิน การกีดขวางขนส่งมวลชน ไปจนถึงการทำลายร้านค้า อาคาร และทำร้ายผู้ไม่เห็นด้วยกับการชุมนุม
ส่วนผู้ที่ต่อต้านการชุมนุมก็มีเช่นกัน ซึ่งส่วนใหญ่จะมีอายุที่มากกว่า หรือเป็นนักธุรกิจ
ย้อนดูประวัติศาสตร์ฮ่องกง
ค.ศ. 1898 สงครามฝิ่นเป็นจุดเริ่มของเรื่องราวทั้งหมด
อังกฤษได้ครอบครองฮ่องกงจากจีนแบบเสรีนิยมเป็นเวลา 99 ปี ด้วยนโยบายการค้าเสรีทำให้ฮ่องกงกลายเป็นเมืองท่า ศูนย์กลางเศรษฐกิจและการเงินของโลก
ค.ศ. 1997 หรืออีก 99 ปีถัดมา อังกฤษได้ส่งมอบฮ่องกงคืนให้กับจีน
รัฐบาลปักกิ่งได้ตกลงให้ปกครองฮ่องกงด้วยนโยบาย หนึ่งประเทศ สองระบบ ไปอีก 50 ปี เพื่อให้เศรษฐกิจ ธุรกิจ ดำเนินไปเหมือนเดิม ยกเว้นเรื่องการทหารและการต่างประเทศ ที่รัฐบาลปักกิ่งเป็นผู้ดูแล
เรามาดูความจริงที่เกิดขึ้นกัน
คนฮ่องกง 3.5 ล้านคนที่มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้ง ไม่ได้ออกเสียงเลือกตั้งผู้บริหารเขตฮ่องกง
โดยที่ผ่านมา ผู้บริหารเขตฮ่องกงมาจากการเลือกโดยคณะกรรมการการเลือกตั้ง 1,200 คน ซึ่งถูกเลือกมาจากกลุ่มคนจำนวนน้อยที่ถูกวิจารณ์ว่าเป็นผู้แทนของนักธุรกิจและรัฐบาลปักกิ่ง และการแต่งตั้งผู้บริหารเขตฮ่องกงก็ต้องได้รับการเห็นชอบจากรัฐบาลปักกิ่ง
ปัจจุบัน ฮ่องกงเป็นตลาดทุนอันดับ 3 ของโลก มีมูลค่าตลาดรวมกันทั้งหมด 170 ล้านล้านบาท หรือใหญ่กว่าตลาดหลักทรัพย์ไทย 10 เท่า
แต่ภายใต้เศรษฐกิจที่ดูดี ราคาอสังหาริมทรัพย์ นโยบายที่ดินและสวัสดิการบ้านของรัฐบาลฮ่องกง เอื้อต่อนักธุรกิจ ทำให้ราคาที่พักสูงเกินที่คนฮ่องกงทั้งระดับล่างและระดับกลางจะซื้อได้ และนั่นทำให้คนฮ่องกงทั่วไปรู้สึกว่าตัวเขาเองใช้ชีวิตอยู่ลำบากในเมืองที่เขาเกิดมา
โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ที่ไม่มีโอกาสจะลืมตาอ้าปากเป็นผู้ได้รับผลกระทบมากที่สุด และนั่นก็เป็นสาเหตุที่ผู้ประท้วงส่วนใหญ่เป็นคนหนุ่มสาว
หนึ่งประเทศ สองระบบ หรือทุนนิยมที่ฮ่องกงอยากได้ กลับกลายเป็นสิ่งที่เชิดชูคนรวย และทำร้ายคนชั้นกลางในฮ่องกง
ทั้งปัญหาเศรษฐกิจ ความเหลื่อมล้ำ ราคาบ้านที่สูงเกินเอื้อม
ไปจนถึงความกลัวว่าจะถูกรัฐบาลลิดรอนเสรีภาพที่เคยมี
เมื่อมองไปทางไหนก็รู้สึกท้อแท้ และ สิ้นหวัง
หนทางเดียวที่มีอยู่ของคนฮ่องกง ก็คือการชุมนุม การประท้วง จนกว่าทุกอย่างจะมีการเปลี่ยนแปลง
แต่ยิ่งประท้วงมากเท่าไร ก็ยิ่งเป็นการทำร้ายเศรษฐกิจของตัวเองมากขึ้นทุกที
ทั้งภาคการเงิน การท่องเที่ยว
ฮ่องกงกำลังจะสูญเสียอะไรไปบ้าง?
นอกจากการที่ฮ่องกงเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยอย่างเป็นทางการแล้ว
Morgan Stanley คาดการณ์ว่า GDP ของฮ่องกงในปี 2019 จะหดตัว 0.8%
การส่งออกในไตรมาสที่ 3 ของปี 2019
ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว 7%
ซึ่งเป็นการหดตัวมากที่สุดในรอบ 10 ปี
ส่วนจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในเดือนสิงหาคมลดลง 34% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว
ถึงแม้ว่าตอนนี้ฮ่องกงยังครองตำแหน่งศูนย์กลางการเงินอันดับ 1 ของเอเชีย
แต่ท่ามกลางสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ ตำแหน่งนี้กำลังถูกสั่นคลอนโดยสิงคโปร์ คู่แข่งที่ตามมาติดๆ ในอันดับ 2 และเซี่ยงไฮ้ซึ่งอยู่ในอันดับ 3
Goldman Sachs คาดการณ์ว่า ท่ามกลางความไม่แน่นอนทางการเมืองของฮ่องกง
นักลงทุนอาจหอบเงินกว่า 120,000 ล้านบาท หนีไปลงทุนที่สิงคโปร์
ส่วน Bloomberg คาดการณ์ว่า มูลค่าหุ้นที่เข้ามาระดมทุนของตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้ มีแนวโน้มจะแซงหน้าตลาดหุ้นฮ่องกงในปีนี้
ยังไม่รวมห้างร้านหลายแห่งที่ต้องปิดตัวลง เพราะไม่สามารถขนส่งสินค้าเข้ามาในร้านได้
โรงแรมที่ซบเซาลงจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่ลดลง
ระบบขนส่งมวลชนที่เป็นอัมพาตจากการกีดขวางการจราจร
การประท้วงที่เพิ่มระดับความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นการก่อการร้าย
ทั้งขว้างปาก้อนอิฐ ก่อสิ่งกีดขวางการจราจร
ทำร้ายผู้คนที่ไม่เห็นด้วย เผาทำลายอาคารสถานที่ต่างๆ
แต่อย่างไรก็ตาม
ฮ่องกงซึ่งไม่มีทั้งกองกำลังทหารและอาวุธเป็นของตัวเอง
ยิ่งการประท้วงเพิ่มระดับความรุนแรงมากขึ้นเท่าไร
ก็ยิ่งเพิ่มความชอบธรรมให้รัฐบาลฮ่องกงขอรับการสนับสนุนกองกำลังทหารจากจีนแผ่นดินใหญ่ โดยที่ความขัดแย้งระหว่างฮ่องกงและจีน ถือเป็นกิจการภายใน ซึ่งต่างชาติก็ไม่มีสิทธิ์เข้าไปแทรกแซง
นั่นหมายความว่า ในทางกฎหมาย “การแยกประเทศ” ของชาวฮ่องกง คือสิ่งที่เป็นไปได้ยากมาก..
แต่จนถึงวันนี้ จุดยืนของรัฐบาลจีนต่อการประท้วง ก็คือการปล่อยให้คนฮ่องกงแก้ปัญหานี้กันเอง
ฮ่องกงซึ่งครั้งหนึ่งเคยมีความสำคัญ เป็นประตูสู่การลงทุนของจีนแผ่นดินใหญ่
ปี 1997 ฮ่องกงมีขนาดเศรษฐกิจคิดเป็น 18.4% ของ GDP ประเทศจีน
ปี 2018 ฮ่องกงมีขนาดเศรษฐกิจคิดเป็น 2.7% ของ GDP ประเทศจีน
ในวันนี้ เมืองใหญ่ต่างๆ ของจีน ต่างพัฒนาเศรษฐกิจจนมีขนาด GDP แซงหน้าฮ่องกงไปแล้ว
ทั้ง เซี่ยงไฮ้ ปักกิ่ง เซินเจิ้น ส่วนกว่างโจว และเทียนจิน กำลังจะแซงหน้าในเร็วๆ นี้
ความสำคัญในทางเศรษฐกิจของฮ่องกงต่อประเทศจีน กำลังลดระดับลงเรื่อยๆ
น่าคิดว่า ยิ่งการประท้วงในฮ่องกงยืดเยื้อเท่าไร สุดท้ายผู้ที่ได้รับความเสียหายก็คือคนฮ่องกงเอง
ในปี ค.ศ. 2047 หรืออีก 28 ปี ข้างหน้า เมื่อครบ 50 ปีของการปกครองแบบหนึ่งประเทศ สองระบบ ทุกอย่างจะเปลี่ยนไป
- ฮ่องกงจะเป็นส่วนหนึ่งของ มณฑลกวางตุ้ง หนึ่งใน 23 มณฑลของจีน
- ดอลลาร์ฮ่องกง พาสปอร์ตฮ่องกง จะเป็นอดีต
- คนฮ่องกง 7.5 ล้านคน จะรวมเป็นส่วนหนึ่งของคนจีน 1,400 ล้านคน
แน่นอนว่าคนฮ่องกงที่ประท้วงไม่อยากให้เป็นแบบนั้น และไม่ว่าการประท้วงที่ยาวนานครั้งนี้จะมีจุดจบเช่นไร เรื่องนี้ทำให้นึกถึงสิ่งที่ เรย์ ดาลิโอ ผู้เขียนหนังสือ Principles ได้กล่าวไว้เมื่อไม่นานมานี้ว่า
“โลกกำลังบ้าคลั่ง และ ระบบกำลังพัง”
ทั้งๆ ที่ตัวเขาเองเป็นผู้บริหารกองทุนเฮดจ์ฟันที่ใหญ่สุดในโลก และคุ้นเคยกับโลกทุนนิยม
แต่เขาบอกว่า ระบบทุนนิยม แบบเดิมซึ่งเราเชื่อกันว่า จะเป็นประโยชน์ต่อคนส่วนมากในที่สุด
อาจใช้ไม่ได้อีกต่อไป..
เพราะระบบกำลังให้รางวัลกับคนรวย และทิ้งห่างคนส่วนใหญ่ในฮ่องกงไปเรื่อยๆ ในขณะที่คนที่เหลือไม่สามารถทำอะไรได้เลย
ระบบนี้จะไม่เสถียร ระบบนี้จะพังลงในที่สุด
และโลกนี้กำลังดำเนินเข้าสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในเวลาอันใกล้
หลายคนอาจจะไม่เชื่อว่าทุนนิยมมันจะพังได้อย่างไร ในเมื่อเราคุ้นเคยกันมานาน
แต่ดูเหมือนว่ามันอาจได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว บนเกาะเล็กๆ แห่งหนึ่งของโลกที่ชื่อว่า ฮ่องกง..
┏━━━━━━━━━━━━┓
Blockdit โซเชียลมีเดีย รูปแบบใหม่
Blockdit.com/download
┗━━━━━━━━━━━━┛
References
-The Global Financial Centres Index 26
-https://www.chinadailyhk.com/articles/76/215/81/1572262453599.html
-https://www.bloomberg.com/news/articles/2019-11-07/singapore-shanghai-threaten-hong-kong-status-as-asia-finance-hub
-https://www.reuters.com/article/us-hongkong-protests-markets-explainer/explainer-how-important-is-hong-kong-to-the-rest-of-china-idUSKCN1VP35H
-https://www.cnbc.com/2019/03/20/hong-kong-is-building-an-80-billion-artificial-island.html
-https://www.censtatd.gov.hk/hkstat/sub/gender/demographic/index.jsp
-https://www.scmp.com/comment/opinion/article/3021423/how-hong-kong-can-put-end-protest-chaos-its-about-economy-so-fix
-https://www.chinadailyhk.com/articles/213/102/126/1551884339370.html
-https://www.statista.com/statistics/960155/hong-kong-high-net-worth-individuals-by-wealth-group/
-https://www.isranews.org/thaireform/thaireform-talk-interview/79389-universal-suffragehk79389.html
-https://www.nytimes.com/2019/07/08/world/asia/hong-kong-protests-democracy.html
-https://www.bloomberg.com/news/articles/2019-04-10/hong-kong-overtakes-japan-as-world-s-third-largest-stock-market
-https://www.bloomberg.com/graphics/2019-hong-kong-protests-economic-impact/?srnd=premium-asia
-https://th.investing.com/indices/hang-sen-40
-https://www.ceicdata.com/en/indicator/hong-kong/tourism-revenue
-https://nypost.com/2019/08/14/alibaba-ipo-plan-at-risk-amid-massive-hong-kong-protests/
-https://tradingeconomics.com/hong-kong/gdp-growth-annual
-https://www.scmp.com/news/hong-kong/hong-kong-economy/article/3008578/hong-kongs-gdp-slows-05-cent-first-quarter-2019
-https://edition.cnn.com/2019/08/15/economy/hong-kong-economy-stimulus/index.html
global แปลว่า 在 global ออกเสียงว่า แปลว่า อะไร แปลภาษาอังกฤษเป็นไทย By ... 的推薦與評價
global ออกเสียงว่า แปลว่า อะไร แปลภาษาอังกฤษเป็นไทย By ENCONCEPT Dictionary. Watch later. Share. Copy link. Info. Shopping. Tap to unmute. ... <看更多>
global แปลว่า 在 ผู้นำด้านธุรกิจปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ | PTT Global Chemical 的推薦與評價
... ท่านสามารถศึกษารายละเอียดของการใช้คุกกี้ได้จาก นโยบายการใช้คุกกี้ ของบริษัทฯ ทั้งนี้ หากท่านกดยอมรับคุกกี้ทั้งหมด จะหมายความว่าท่านยินยอมให้บริษัทฯ เก็บ ... ... <看更多>
global แปลว่า 在 คำว่า Global แปลว่า ทั่วโลก... - Unilever Careers | Facebook 的推薦與評價
คำว่า Global แปลว่า ทั่วโลก. สำหรับที่ยูนิลิเวอร์นั้น พนักงานของเราจะได้มีโอกาสเดินทางไปศึกษาเรียนรู้วิธีการทำงานที่ยูนิลิเวอร์ในประเทศอื่นๆทั่วโลก ... ... <看更多>