รู้จักทฤษฎี TINA ตลาดหุ้นขึ้น เพราะไม่มีทางเลือก /โดย ลงทุนแมน
การที่เราเลือกสิ่งหนึ่ง อาจไม่ใช่เพราะว่ามันดี
แต่อาจเป็นเพราะ
มันไม่มีทางเลือกอื่นที่ดีกว่า..
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแบบนี้
สามารถอธิบายได้ด้วย TINA Effect
TINA Effect คืออะไร
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
อัปเดตสถานการณ์และภาวะเศรษฐกิจกับ Blockdit
มีพอดแคสต์ให้ฟังระหว่างเดินทางด้วย
Blockdit.com/download
╚═══════════╝
TINA ย่อมาจาก There Is No Alternative หรือ การไม่มีทางเลือก
วลีนี้เริ่มเป็นที่รู้จักกันแพร่หลาย ในปี 1980
หลังจากที่อดีตนายกรัฐมนตรีของอังกฤษ Margaret Thatcher มีการเปลี่ยนแปลงนโยบายการเมืองและเศรษฐกิจของอังกฤษ
ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงนโยบายทางเศรษฐกิจ เช่น การตัดลดค่าใช้จ่ายของรัฐบาล การรวบอำนาจเข้าสู่ศูนย์กลาง หรือการเปลี่ยนแปลงรัฐสวัสดิการ
ซึ่งนโยบายเหล่านั้นถูกวิจารณ์จากสื่ออย่างหนัก
แต่ Margaret Thatcher ตอบกลับสื่อไปว่า “There Is No Alternative” หรือมันไม่มีทางเลือก..
วลีนี้เริ่มถูกนำมาใช้ในการตลาดการเงิน
ซึ่งถูกตีพิมพ์ลงในนิตยสาร The Wall Street Journal เมื่อปี 2013
ใจความสำคัญก็คือ ตลาดหุ้นเป็นทางเลือกเพียงทางเดียวสำหรับนักลงทุนจำนวนมาก ที่ต้องการผลตอบแทนในระดับหนึ่งที่พอใช้ได้ โดยเฉพาะในช่วงที่ดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำยาวนาน
คำอธิบายนี้ เป็นคำตอบที่อาจช่วยให้เราหายสงสัยว่า ท่ามกลางเศรษฐกิจที่ตกต่ำ แต่ตลาดหุ้นกลับไม่ได้สะท้อนภาวะเศรษฐกิจมากนัก ถึงขนาดตลาดหุ้นบางแห่งกลับทำจุดสูงสุดใหม่ไปแล้ว
ถ้าเราย้อนกลับไปสมัยวิกฤติสินเชื่อซับไพรม์ที่มีจุดเริ่มต้นมาจากในสหรัฐอเมริกาเมื่อปี 2007-2008
ธนาคารกลางสหรัฐหรือ FED ได้ใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายด้วยการกดดอกเบี้ยนโยบายให้ต่ำเพียง 0.00-0.25% เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ และช่วยทำให้ต้นทุนทางการเงินของภาคธุรกิจอยู่ในระดับต่ำ โดยนโยบายดังกล่าวกินเวลายาวนานถึง 7 ปี
เพื่อให้มั่นใจว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวต่อเนื่อง มาตรการต่อมาที่ธนาคารกลางหลายแห่งนำมาใช้อีกก็คือ Quantitative Easing หรือ QE ซึ่งเป็นการเพิ่มปริมาณเงินจำนวนมากเข้าสู่ตลาดการเงินโดยตรง
ด้วยการเข้าซื้อสินทรัพย์ทางการเงินของสถาบันการเงิน เพื่อให้สถาบันการเงินเหล่านั้นเอาเงินไปปล่อยกู้แก่ภาคธุรกิจ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ
ซึ่งทั้งนโยบายการเงินผ่อนคลายที่ยาวนาน และจำนวนเงินมหาศาลที่เข้าสู่ระบบจากมาตรการ QE ได้ส่งผลต่อทางเลือกในการลงทุนของนักลงทุน เพราะเรื่องนี้ทำให้
1. อัตราดอกเบี้ยในตลาดการเงินอยู่ในระดับต่ำ ขณะที่บางประเทศในยุโรปและญี่ปุ่น อัตราดอกเบี้ยถึงกับติดลบ จนทำให้แรงจูงใจการฝากเงินเพื่อหารายได้จากดอกเบี้ยนั้นลดลง
2. อัตราดอกเบี้ยที่ลดลง ยังจะทำให้พันธบัตรรัฐบาล หุ้นกู้ภาคเอกชนที่ออกมาหลังๆ ให้อัตราผลตอบแทนต่ำลงเรื่อยๆ
ตัวอย่างที่เห็นชัดเจนก็คือ อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรสหรัฐฯ อายุ 10 ปี
สิ้นปี 2008 อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรสหรัฐฯ อายุ 10 ปี เท่ากับ 2.25%
ปัจจุบัน อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรสหรัฐฯ อายุ 10 ปี เท่ากับ 0.69%
นั่นหมายความว่า
หากเราไปซื้อพันธบัตรสหรัฐฯ อายุ 10 ปี และถือจนครบอายุ เราจะได้รับผลตอบแทนปีละ 0.69%
จากอดีตที่จะได้ผลตอบแทนปีละ 2.25%
พอเรื่องเป็นแบบนี้
ตลาดหุ้นจึงเป็นคำตอบสุดท้าย สำหรับหลายคนที่ต้องการเพิ่มผลตอบแทน
แม้จะรู้ดีว่าสภาวะเศรษฐกิจยังตกต่ำ
โรคระบาด Covid-19 ทำให้คาดกันว่าเศรษฐกิจโลกจะเข้าสู่ภาวะถดถอยมากที่สุดในรอบ 75 ปี นับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2
โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกาประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่สุดในโลก ในปัจจุบัน มีคนอเมริกันว่างงานอยู่ 18 ล้านคน มีอัตราการว่างงานสูงถึง 11% มากกว่าช่วงวิกฤติสินเชื่อซับไพรม์ในปี 2007-2008 เกือบเท่าตัว
แต่ตลาดหุ้นกลับปรับตัวลดลงไม่มาก เมื่อเทียบกับวิกฤติในอดีต
ที่น่าสนใจคือ บางตลาดกลับทำจุดสูงสุดใหม่ด้วย
ตัวอย่างที่เห็นชัดเจนที่สุดคือ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ โดยเฉพาะตลาดหุ้น Nasdaq ของสหรัฐฯ
สิ้นปี 2019 ตลาดหุ้น Nasdaq อยู่ที่ 8,946 จุด
ปัจจุบัน ตลาดหุ้น Nasdaq อยู่ที่ 10,434 จุด หรือเพิ่มขึ้นมาแล้วประมาณ 16%
หรือแม้แต่ประเทศไทยของเราก็ตาม ก็อาจมีปรากฏการณ์ของ TINA เช่นกัน
ปีนี้จะเป็นปีที่เศรษฐกิจไทยรับผลกระทบมากที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ ธนาคารแห่งประเทศไทยคาดว่า GDP ของไทยจะติดลบถึง 8.1% ซึ่งเทียบกับสมัยวิกฤติการณ์ต้มยำกุ้งในปี 1997-1998 ที่ตอนนั้น GDP ของไทยติดลบ 7.6%
โดยในช่วงนั้นตลาดหุ้นไทยติดลบไปกว่า 57% เมื่อเทียบกับปัจจุบันที่ตลาดหุ้นไทยกลับติดลบไปเพียง 13%
ซึ่งก็อาจตีความได้ว่า
อัตราดอกเบี้ยในตลาดการเงินและอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่ต่ำ ทำให้นักลงทุนจำนวนมากไม่มีทางเลือกเท่าไร และจำเป็นต้องลงทุนในตลาดหุ้นต่อไป..
ดังนั้น ถ้าเราไปถามนักลงทุนหลายคนว่า
ในตอนนี้เศรษฐกิจเป็นอย่างไร
คำตอบที่เราน่าจะได้ยินก็คือ พวกเขาก็รู้ว่าเศรษฐกิจยังไม่ดี
แต่พวกเขาก็จะบอกต่อไปว่า
แต่หุ้น ก็อาจจะดีกว่า การลงทุนอย่างอื่นอยู่ดี..
╔═══════════╗
อัปเดตสถานการณ์และภาวะเศรษฐกิจกับ Blockdit
มีพอดแคสต์ให้ฟังระหว่างเดินทางด้วย
Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - ลงทุนแมน
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
References
-https://en.wikipedia.org/wiki/There_is_no_alternative
-https://www.investopedia.com/terms/t/tina-there-no-alternative.asp
-http://www2.fpo.go.th/S-I/Source/ECO/ECO49.pdf
-https://www.treasury.gov/resource-center/data-chart-center/interest-rates/pages/TextView.aspx?data=yieldYear&year=2008
-https://www.worldbank.org/en/news/press-release/2020/06/08/covid-19-to-plunge-global-economy-into-worst-recession-since-world-war-ii
-https://www.investing.com/indices/major-indices
-https://tradingeconomics.com/united-states/unemployment-rate
-https://data.worldbank.org/indicator/NY.GDP.MKTP.KD.ZG?locations=TH
-https://www.set.or.th/th/market/market_statistics.html
recession คืออะไร 在 ลงทุนแมน Facebook 的最讚貼文
ความบอบช้ำ อย่างต่อเนื่อง ของเศรษฐกิจอิตาลี /โดย ลงทุนแมน
ถ้าถามว่า หนึ่งในเหตุการณ์สำคัญต่อเศรษฐกิจโลกในปี 2008 คืออะไร?
คำตอบที่นักลงทุนคิดถึงคงเป็น วิกฤติซับไพรม์ และการล่มสลายของ Lehman Brothers วาณิชธนกิจที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
แต่รู้ไหมว่าปีนั้น
ยังเป็นปีที่มูลค่า GDP ของอิตาลีขึ้นไปถึง 74 ล้านล้านบาท
ซึ่งเป็นตัวเลขสูงสุดตลอดกาลสำหรับมูลค่า GDP ของประเทศอิตาลี
แต่แล้วหลังจากนั้น อิตาลีก็ไม่เคยกลับมาที่จุดนั้นอีกเลย
นับจากวันนั้นมา 12 ปี มูลค่า GDP ของอิตาลี เฉลี่ยแล้วลดลงปีละ 1 ล้านล้านบาท
และดูเหมือนว่าปีนี้ก็จะแย่ลงไปอีกจาก Covid-19
เกิดอะไรขึ้นกับเศรษฐกิจของอิตาลีในช่วงที่ผ่านมา?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
อยากรู้ความเป็นไปของเศรษฐกิจโลก ต้องเข้าใจอดีต
เศรษฐกิจโลก 1,000 ปี พิมพ์ครั้งที่ 6
สั่งซื้อได้ที่ (รับส่วนลด 10% จากราคาปก 350 บาท)
Lazada : https://www.lazada.co.th/products/1000-i714570154-s1368712682.html
Shopee : https://shopee.co.th/product/116732911/6716121161
╚═══════════╝
ในปี 2019 เศรษฐกิจอิตาลีมูลค่า GDP กว่า 62 ล้านล้านบาท เป็นอันดับที่ 8 ของโลก
และใหญ่เป็นอันดับที่ 4 ในทวีปยุโรป
ขณะที่ประชากรของอิตาลีนั้นมีรายได้เฉลี่ยต่อหัวเท่ากับ 1 ล้านบาทต่อปี อยู่อันดับที่ 26 ของโลก
เดิมทีนั้นอิตาลีเป็นประเทศเกษตรกรรม แต่หลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2
ในปี 1945 เศรษฐกิจของอิตาลีเริ่มเปลี่ยนจากเศรษฐกิจที่พึ่งพาเกษตรกรรม มาสู่เศรษฐกิจที่พึ่งพาอุตสาหกรรม
ปัจจุบัน สัดส่วนภาคการเกษตรมีสัดส่วนเหลือเพียง 2% ขณะที่สัดส่วนนอกภาคเกษตร เช่น ภาคอุตสาหกรรม ภาคบริการ มีสัดส่วนมากถึง 98%
อิตาลียังเป็นหนึ่งในสมาชิกของกลุ่ม G7 ซึ่งเป็นกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำของโลก โดยประกอบไปด้วยประเทศอื่นๆ อีก 6 ประเทศคือ แคนาดา ฝรั่งเศส เยอรมนี ญี่ปุ่น สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา
รู้ไหมว่า อิตาลีนั้น ถือว่าเป็นผู้นำของโลกในภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมหลายอย่าง เช่น
เป็นประเทศที่ผลิตไวน์ใหญ่ที่สุดอันดับ 1 ของโลก
เป็นประเทศที่มีภาคอุตสาหกรรมการผลิตใหญ่เป็นอันดับที่ 2 ของยุโรป และใหญ่เป็นอันดับที่ 6 ของโลก
เป็นประเทศที่มีแหล่งสำรองทองคำมากเป็นอันดับที่ 3 ของโลก
เป็นประเทศผู้นำทางแฟชั่นของโลก และเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมสินค้าหรูหราที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป และใหญ่เป็นอันดับที่ 3 ของโลก
ในช่วงระหว่างปี 2000-2008 เศรษฐกิจของอิตาลีนั้นเติบโตอย่างรวดเร็ว ทำให้มูลค่า GDP เพิ่มขึ้นจาก 34 ล้านล้านบาท มาถึง 74 ล้านล้านบาท
แต่การเติบโตในครั้งนั้น แลกมาด้วยการใช้จ่ายเงินมหาศาลในการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านงบประมาณขาดดุลของรัฐบาล ซึ่งอิตาลีนับเป็นหนึ่งในประเทศที่มีงบประมาณขาดดุลยาวนานประเทศหนึ่งของโลก
ในช่วงปี 2000-2008 รัฐบาลอิตาลีใช้งบประมาณขาดดุลรวมกันสูงถึง 14 ล้านล้านบาท ทำให้เฉลี่ยแล้วหนี้สาธารณะต่อ GDP ของอิตาลีอยู่ในระดับที่สูงกว่า 100%
และแล้ว 2 เหตุการณ์สำคัญที่ทำให้การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจอิตาลีหยุดชะงักลงกว่า 12 ปีก็เกิดขึ้น
ครั้งแรกในปี 2008 จากวิกฤติซับไพรม์ ซึ่งอิตาลีเป็นหนึ่งในประเทศที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากวิกฤติดังกล่าว โดยในช่วงระหว่างปี 2008-2009 GDP ของอิตาลีติดลบไปทั้งหมด 7 ไตรมาส เศรษฐกิจของประเทศเข้าสู่ภาวะถดถอย
หลังจากเจอกับผลกระทบจากวิกฤติซับไพรม์ไม่นาน อิตาลีก็ต้องมาเจอกับแรงกระแทกครั้งที่สองที่ชื่อว่า วิกฤตหนี้สาธารณะยุโรป ซึ่งเกิดขึ้นในช่วงปลายปี 2009
ปี 2011 ความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อสถานะทางการเงินของอิตาลีตกต่ำอย่างหนัก ความน่าเชื่อถือของประเทศถูกลดอันดับลง ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยพันธบัตรรัฐบาล 10 ปีของอิตาลี ปรับเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งหมายถึง ต้นทุนการกู้ยืมเงินของรัฐบาลที่เพิ่มขึ้น
ในปี 2015 หนี้สาธารณะต่อ GDP ของประเทศพุ่งขึ้นถึง 131% ต่อ GDP มากที่สุดเป็นอันดับที่ 2 ของยุโรป แม้จะเป็นรองกรีซที่ขณะนั้นมีหนี้สาธารณะต่อ GDP เท่ากับ 180% แต่เนื่องจากเศรษฐกิจของอิตาลีนั้นใหญ่กว่ากรีซเกือบ 10 เท่า แน่นอนว่าผลกระทบจะรุนแรงกว่ากรณีของกรีซอย่างไม่ต้องสงสัย
ทั้ง 2 เหตุการณ์นี้ จึงทำให้มูลค่า GDP ของอิตาลีจากที่เคยขึ้นไปถึง 74 ล้านล้านบาท ในปี 2008 ปัจจุบัน ลดลงมาเหลือเพียง 62 ล้านล้านบาท หรือลดลงเฉลี่ยปีละประมาณ 1 ล้านล้านบาท ในช่วง 12 ปีที่ผ่านมา
และมาวันนี้ผลกระทบจาก Covid-19
กำลังจะทำให้เศรษฐกิจของอิตาลีที่ยังบอบช้ำอยู่แล้ว ย่ำแย่ลงไปอีก
ซึ่งก่อนที่ Covid-19 จะระบาดนั้น อิตาลีมีอัตราการว่างงานประมาณ 10% ทำให้เป็นหนึ่งในประเทศที่มีอัตราการว่างงานมากที่สุดในกลุ่มยูโรโซน
มีการคาดกันว่า นับตั้งแต่ต้นเดือนมีนาคม ปี 2020 ที่รัฐบาลประกาศล็อกดาวน์ประเทศ มีแรงงานของอิตาลีกว่า 11.5 ล้านคนต้องตกงาน คิดเป็นครึ่งหนึ่งของจำนวนแรงงานทั้งประเทศ
ขณะที่การท่องเที่ยวซึ่งปัจจุบัน มีสัดส่วน 13% ของ GDP หรือกว่า 8 ล้านล้านบาท ก็ได้รับผลกระทบอย่างหนัก เพราะรายได้จากการท่องเที่ยวของประเทศที่หดหายไปในช่วงที่ผ่านมา
จึงทำให้คาดกันว่า ในปี 2020 GDP ของอิตาลีจะติดลบกว่า 9.5% ซึ่งนับเป็นความตกต่ำทางเศรษฐกิจของอิตาลีครั้งรุนแรงอีกครั้งในประวัติศาสตร์ของประเทศ
เรื่องนี้ทำให้รัฐบาลอิตาลีต้องประกาศใช้งบประมาณขาดดุลเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยวงเงินกว่า 1.9 ล้านล้านบาท เพื่อลดผลกระทบจากโรคระบาดดังกล่าว
แต่เมื่อทำแบบนี้ก็มีราคาที่ต้องจ่าย มีการคาดกันว่าการกระตุ้นเศรษฐกิจในครั้งนี้จะทำให้หนี้สาธารณะต่อ GDP ของอิตาลีพุ่งขึ้นไปถึง 160% ต่อ GDP ในปี 2020
และตัวเลขหนี้สาธารณะที่สูงขึ้นนี้ ก็จะวนกลับไปเป็นปัญหาของอิตาลีในอนาคต โดยที่ไม่รู้ว่าจะจบลงอย่างไร..
╔═══════════╗
อยากรู้ความเป็นไปของเศรษฐกิจโลก ต้องเข้าใจอดีต
เศรษฐกิจโลก 1,000 ปี พิมพ์ครั้งที่ 6
สั่งซื้อได้ที่ (รับส่วนลด 10% จากราคาปก 350 บาท)
Lazada : https://www.lazada.co.th/products/1000-i714570154-s1368712682.html
Shopee : https://shopee.co.th/product/116732911/6716121161
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - ลงทุนแมน
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
References
-https://data.worldbank.org/country/italy
-https://en.wikipedia.org/wiki/Lehman_Brothers
-https://www.forbes.com/sites/rebeccahughes/2020/05/26/after-the-health-crisis-comes-poverty-italy-warns-the-world/#79514a302d31
-https://www.statista.com/statistics/268830/unemployment-rate-in-eu-countries/
-https://en.wikipedia.org/wiki/Economy_of_Italy
-https://en.wikipedia.org/wiki/List_of_countries_by_GDP_(nominal)
-https://en.wikipedia.org/wiki/List_of_countries_by_GDP_(nominal)_per_capita
-https://en.wikipedia.org/wiki/European_debt_crisis
-https://countryeconomy.com/deficit/Italy
-https://www.republicworld.com/world-news/rest-of-the-world-news/italy-faces-worst-recession-since-world-war-ii-economy-shrinks.html
-https://news.cgtn.com/news/2020-05-14/Italy-approves-55-billion-euro-stimulus-package-in-coronavirus-fight-QtOOkvBBss/index.html
recession คืออะไร 在 ลงทุนแมน Facebook 的最佳解答
เรื่องนี้น่าสนใจ นักลงทุนควรอ่าน
เมื่อคืนตลาดสหรัฐ ปรับตัวลดลงรุนแรง เพราะกังวลเรื่องเศรษฐกิจถดถอย Inverted Yield Curve คืออะไร? ทำไมเป็นสัญญาณของ Recession
—————-
Blockdit แอปที่เป็นเหมือนคลังความรู้ขนาดใหญ่ อ่านฟรี โหลดเลย Blockdit.com/download