【高盛 v.s. Gamma,一流科技產業分析師的前景觀察與 Gamma 有何不同之處?】
✍🏻 分析全文:https://gamma.to/notes/zHnBRUZuOgrGiuHr5TVj
🔖 隨著 Eric Sheridan 從瑞銀 (UBS) 轉到高盛 (Goldman),高盛也出具了針對大型互聯網公司的初次評等。由於 Eric Sheridan 是業界最受尊敬的科技行業分析師之一,讓我們來看看他對當前交易環境的看法,並將他的觀點與 Gamma 的觀點來進行比較,看看我們的分析與業界一流的分析師差別在哪。
🔖 在過去的 6 個季度中,股票受到 re-rating (重新估值) 以及 earnings revision (盈餘調升) 的正向驚喜所推動。根據 Gamma 的觀點,隨著上檔驚喜的範圍縮窄,所有公司在後疫情的時期是否能有長期的成長性是最被熱議的話題,其中大家對於 Peloton 和 Airbnb 等公司日後成長性觀點的差異尤其顯著。
================================
Eric Sheridan 的報告提出了 10 大趨勢主題,我們挑選了其中幾個來做對比:
趨勢 #1:商務與廣告事業間的分界愈來愈模糊 (相關個股:$AMZN、$FB、$GOOGL、$PINS、$SNAP)
🔖 (截自高盛的報告)
Amazon 創造需求的策略和影片廣告的策略、社交商務(Facebook、Instagram、Pinterest)的興起、以廣告收入輔助核心收入的商城 (marketplace) 模式以及賣家商城模式(Facebook Marketplace、Google Shopping 和 Shopify)的興起。我們認為上述各種商業模式的關鍵成功因素會在「規模」,因為這些廣告與社群之間的界限已經十分模糊了,也藉由深度的消費者需求創建了一個飛輪,這些深度需求可以透過產品品別的可取得性來獲得滿足(品牌/賣家數量越多可以滿足越多消費者需求)。
我們認為 Amazon 有很好的戰略地位來在全球市場利用這個趨勢,且我們也將關注數位廣告公司的產品創新和執行能力,因為他們試圖在消費活動的底層漏斗,將消費者觀看媒體的行為和消費意圖的表達轉化為購買行動。
🔖 (Gamma看法)
Gamma 曾針對 Facebook、Snap、Pinterest、Tiktok、Youtube 的社群商務機會進行大篇幅的深入探討 (https://gamma.to/notes/MKS27ngMNTClj0YMiezK),從過去的經驗來看,廣告主(也就是品牌主)不希望將消費者留在 Facebook 等其他平台上,而會更傾向將流量吸引到自己的網站上。因此,他們通常會願意在 Facebook 等 app 內完成的購買支付更少的廣告費用(比較願意花錢導流到自己的網域)。
隨著 Apple 實施 ATT,廣告績效的測量變得越來越困難,這也讓廣告主不願意支付平台更多廣告費的現況發生了變化。對廣告主來說,在這些平台內完成的購買行為若是可以獲得更高的轉化率、與更佳準確的歸因,是越來越有吸引力行銷方式。
我們不認為在 app 上直接放上「購買」按鈕就能夠讓各平台瞬間成功轉變成社群商務,購物中的每個流程都需要一個一個無縫地整合到功能中。
雖然社交商務都還尚處在早期的發展階段,但我們正在看到這個商業潛力逐漸的實現,並為各個平台帶來更高的 CPM,也正在為廣告商帶來更高的 ROAS。
#更多趨勢相比於內文中
#AMZN #FB #GOOGL #PINS #SNAP #PTON #TGT #ABNB #BKNG #EXPE #UBER #LYFT #DASH #SPOT #NFLX #TWTR
tgt earnings 在 ลงทุนแมน Facebook 的最佳貼文
Walmart และ Target ค้าปลีกดั้งเดิม เติบโตไม่แพ้ Amazon / โดย ลงทุนแมน
แม้ว่ายอดขายจากช่องทางค้าปลีกทั้งหมด
ในสหรัฐอเมริกาจะมาจากทางออนไลน์เพียง 14%
แต่การเติบโตอย่างรวดเร็วของอีคอมเมิร์ซก็ได้
เข้ามาแย่งชิงส่วนแบ่งธุรกรรมค้าปลีกมาโดยตลอด
ยิ่งในช่วงโรคระบาด ที่คล้ายกับบังคับให้คนหันมาซื้อของทางออนไลน์มากขึ้น
ทำให้หลายคนอาจจะคิดว่าผู้ที่ได้ประโยชน์จากเรื่องนี้ ก็น่าจะเป็นบริษัท Amazon
ที่เป็นผู้ให้บริการอีคอมเมิร์ซที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกาและของโลก
แต่จริง ๆ แล้ว ร้านค้าปลีกดั้งเดิม โดยเฉพาะ Target และ Walmart
กลับได้รับผลประโยชน์จากวิกฤติโรคระบาดไม่แพ้กัน
เพราะอะไร ? ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ทุกวันนี้คงไม่มีใครไม่รู้จักอีคอมเมิร์ซที่ใหญ่ที่สุดในโลกอย่าง Amazon
ผู้นำแห่งวงการอีคอมเมิร์ซ ที่รายได้เติบโตอย่างรวดเร็ว
เฉลี่ยราว 20% ต่อปีมาอย่างยาวนาน
เมื่อเทียบกับร้านค้าปลีกดั้งเดิม
อย่างเช่น Walmart และ Target ที่คล้าย Lotus’s ในบ้านเรา
มีการเติบโตของยอดขายต่อสาขาอยู่ในระดับคงที่ราว 2% ต่อปี
เป็นระยะเวลายาวนานมาหลายสิบปีแล้ว
ในปี 2015 Amazon ที่ก่อตั้งมาได้ 21 ปี ได้กลายเป็นบริษัทค้าปลีกที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลก
โดยสามารถเอาชนะ Walmart ร้านค้าปลีกยักษ์ใหญ่แบบดั้งเดิม ที่มีอายุกว่า 50 ปี
ซึ่งแน่นอนว่าร้านค้าปลีกดั้งเดิมก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ
ผู้ที่ไหวตัวทันอย่าง Walmart และ Target ก็ได้เริ่มพัฒนาช่องทางขายแบบออนไลน์มาสู้
จนในไตรมาส 3 ปี 2019 ยอดขายทางออนไลน์ของทั้ง 2 บริษัทก็มีอัตราการเติบโต
ที่สูงกว่าการเติบโตของ Amazon ได้เป็นครั้งแรก
ต่อเนื่องมาถึงปี 2020 ที่เกิดวิกฤติโควิด 19
แม้ว่าผู้ค้าปลีกทั้งกลุ่ม จะได้ผลบวกจากนโยบายเงินเยียวยาของประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา
และผู้ขายที่มีช่องทางออนไลน์ ก็ยังได้เปรียบจากการค้าขายในช่วงโรคระบาด
แต่ใช่ว่าผู้ประกอบการทุกคน จะเติบโตได้อย่างสดใส
เพราะมีอยู่เพียง 3 บริษัท ที่มีส่วนแบ่งตลาดในช่องทางอีคอมเมิร์ซเพิ่มขึ้น
โดยเทียบข้อมูลส่วนแบ่งตลาดในช่องทางอีคอมเมิร์ซต้นปี 2021 กับต้นปี 2020
อันดับ 1 Amazon ส่วนแบ่งตลาดอีคอมเมิร์ซ 40.4% เพิ่มขึ้นจาก 38.7% ในปีก่อนหน้า
อันดับ 2 Walmart ส่วนแบ่งตลาดอีคอมเมิร์ซ 7.1% เพิ่มขึ้นจาก 5.3% ในปีก่อนหน้า
อันดับ 6 Target ส่วนแบ่งตลาดอีคอมเมิร์ซ 2.2% เพิ่มขึ้นจาก 1.2% ในปีก่อนหน้า
ซึ่งยอดขายออนไลน์ของ Walmart ก็สามารถแซง eBay
ขึ้นมาเป็นอันดับที่ 2 ได้เป็นครั้งแรกในปี 2020 และยังรักษาตำแหน่งไว้ได้
ส่วน Target ที่ล่าสุดอยู่ในอันดับที่ 6 ก็ขยับขึ้นมา
จากอันดับ 8 ในปี 2020 และอันดับ 11 ในปี 2019
นอกจากเรื่องที่ใครครองส่วนแบ่งมากกว่ากันแล้ว
อีกหนึ่งสิ่งที่นักลงทุนให้ความสำคัญ นั่นก็คือตัวเลขการเติบโต
โดยอัตราการเติบโตของยอดขายอีคอมเมิร์ซในปี 2020 ของแต่ละบริษัท เป็นดังนี้
Amazon เติบโต 44% เพิ่มขึ้นจาก 21% ในปีก่อนหน้า
Walmart เติบโต 37% เพิ่มขึ้นเท่ากับปีก่อนหน้า
Target เติบโต 145% เพิ่มขึ้นจาก 20% ในปีก่อนหน้า
แม้ยอดขายของ Amazon จะถือว่าเติบโตสูงเมื่อเทียบกับขนาดส่วนแบ่งตลาด
แต่ที่น่าจับตามองมากกว่าก็คือ อัตราการเติบโตในช่องทางออนไลน์ของค้าปลีกดั้งเดิม
ที่ถือได้ว่าเป็นการเติบโตแบบก้าวกระโดดโดยเฉพาะ Target
และการเติบโตของยอดขายจากช่องทางออนไลน์ของค้าปลีกดั้งเดิมเหล่านี้
ไม่ได้มาจากเพียงแค่เรื่องฐานยอดขายเดิมที่ยังน้อยกว่า Amazon มาก
แต่ร้านค้าเหล่านี้ ยังมีจุดได้เปรียบที่สำคัญ
นั่นก็คือการมีหน้าร้านอยู่หลายสาขา
ที่ได้กลายเป็นปัจจัยส่งเสริมช่องทางออนไลน์ได้อย่างแข็งแกร่ง
ในช่วงที่โควิด 19 เพิ่งเริ่มแพร่ระบาดเป็นวงกว้าง
ชาวอเมริกันต่างรีบซื้อหาสินค้าจำเป็น
โดยเน้นไปที่การสั่งซื้อทางออนไลน์
แต่กลายเป็นว่า ความต้องการสินค้าที่เข้ามาพร้อมกันอย่างล้นหลาม
ก็ได้ทำให้อีคอมเมิร์ซยักษ์ใหญ่อย่าง Amazon ประสบปัญหา
ในการจัดการห่วงโซ่อุปทานอยู่นานหลายเดือน
ทั้งในเรื่องของสินค้าหมดสต็อก โดยเฉพาะสินค้าที่จำเป็นในช่วงการแพร่ระบาด
อย่างกระดาษชำระ ถุงมือยาง หน้ากากอนามัย และแอลกอฮอล์ล้างมือ
แต่ร้านค้าปลีกแบบดั้งเดิม ไม่มีปัญหาในเรื่องนี้
เพราะด้วยสาขาจำนวนมาก จึงมีพื้นที่ให้สต็อกสินค้ามากตามไปด้วย
แล้วค้าปลีกแต่ละรายมีสาขามากขนาดไหน ?
Amazon มีร้านค้า 589 สาขา และศูนย์กระจายสินค้า 110 สาขา
Walmart มี 4,756 สาขา
Target มี 1,897 สาขา
จะเห็นได้ว่าจำนวนสาขาของทั้ง Walmart และ Target มีมากกว่าสาขาของ Amazon หลายเท่า
และแม้ว่า Amazon จะแก้เกมด้วยการเร่งเปิดศูนย์กระจายสินค้าขนาดเล็กให้ทั่วถึงมากขึ้น
แต่สาขาจำนวนมากที่มีอยู่เดิมของร้านค้าปลีก ก็เปรียบเสมือนศูนย์กระจายสินค้าแบบที่ไม่ต้องลงทุนก่อสร้างใหม่ และเป็นจำนวนที่กระจายเข้าสู่ลูกค้าอย่างทั่วถึง
และเรื่องนี้จึงนำมาซึ่งจุดได้เปรียบอีกหนึ่งอย่าง
ของช่องทางออนไลน์ของร้านค้าปลีกดั้งเดิม
นั่นก็คือสินค้าสามารถถึงมือลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว
นอกจากปัญหาสินค้าหมดแล้ว
Amazon ยังไม่สามารถส่งสินค้าได้ตามเวลา
และกลายเป็นว่าสมาชิกที่จ่ายค่า Amazon Prime
กลับไม่ได้ของภายใน 2 วัน ตามเงื่อนไขของการเป็นสมาชิก
แต่ร้านค้าปลีกที่มีหน้าร้านบางเจ้า ลูกค้าสามารถสั่งซื้อทางออนไลน์
แล้วไปรับสินค้าที่สาขาที่สะดวกได้ภายในวันที่สั่งซื้อ โดยจะลงจากรถไปรับสินค้าเอง
หรือจะใช้บริการขับรถไปรับแบบ Drive Through ที่ไร้การสัมผัสกับพนักงานก็ได้
และวิธีนี้ก็เป็นที่นิยมอย่างมาก อย่าง Target เองก็มียอดขายที่เติบโตจากช่องทางนี้เกือบ 10 เท่า
นอกจากนี้ Walmart ยังมีบริการส่งสินค้าภายในวันถัดไป
หรืออย่าง Target ก็มีบริการส่งสินค้าภายในวันที่สั่งซื้อเลย โดยไม่คิดค่าบริการเพิ่มเติม
ซึ่งบริการนี้ของ Target จากเดิมก็เป็นที่นิยมอยู่แล้ว
ในช่วงวิกฤติก็ยิ่งได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นไปอีก
จนเติบโตขึ้นกว่า 2.4 เท่า และคิดเป็นมากกว่าครึ่งหนึ่งของรายได้ออนไลน์ทั้งหมด
มาถึงตรงนี้ ก็อาจคิดได้ว่าการเพิ่มขึ้นของยอดขายออนไลน์ในกลุ่มร้านค้าปลีกดั้งเดิม เกิดจากการดึงยอดขายจากหน้าร้านมาสู่ออนไลน์ เพราะลูกค้าแค่เปลี่ยนช่องทางซื้อสินค้าหรือเปล่า
คำตอบก็คือ “ไม่ใช่” เพราะเมื่อดูจากยอดขายจากหน้าร้านต่อสาขาเดิม
ของ Walmart ยังเติบโตได้ในระดับเดิมที่ 2.8%
ขณะที่ Target มีอัตราการเติบโตพุ่งขึ้นมาที่ 7.2% เมื่อเทียบค่าเฉลี่ยเดิมที่ 2.3%
และจากการเติบโตควบคู่กันของทั้งยอดขายหน้าร้านและทางออนไลน์นี้
จึงทำให้ในภาพรวมของปี 2020 ร้านค้าปลีกเหล่านี้มีอัตราการเติบโต
ที่กลับมาฟื้นตัว เมื่อเทียบกับการเติบโตที่ระดับ 2% ตลอดหลายปีที่ผ่านมา
โดยเฉพาะ Target ที่มีการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดกว่า 19.3%
ถึงแม้ว่าตอนนี้ ส่วนแบ่งตลาดของร้านค้าปลีกดั้งเดิม
จะยังเป็นเพียงแค่เศษเสี้ยวในตลาดอีคอมเมิร์ซที่มี Amazon เป็นผู้นำ
แต่เมื่อมองเทียบกับตัวบริษัทเองในอดีต
ก็น่าสนใจว่าช่องทางออนไลน์
ที่เริ่มเห็นผลมาตั้งแต่ครึ่งหลังของปี 2019
และมีปัจจัยโควิด 19 ช่วยเป็นตัวเร่งในปี 2020
และนี่อาจเป็นสัญญาณว่า ยักษ์ใหญ่ในธุรกิจค้าปลีกดั้งเดิมอย่าง Walmart และ Target จะกลับมาท้าชนกับเจ้าตลาดค้าปลีกออนไลน์สมัยใหม่อย่าง Amazon ได้อย่างสูสีหรือไม่ เรื่องนี้จะได้เห็นกัน เร็ว ๆ นี้..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References
-https://edition.cnn.com/2021/03/02/business/target-earnings-sales-pandemic/index.html
-https://www.washingtonpost.com/technology/2020/07/30/amazon-struggles-coronavirus/
-https://www.cnbc.com/2020/08/19/target-tgt-q2-2020-earnings.html
-https://techcrunch.com/2020/02/24/target-breaks-into-the-top-10-list-of-u-s-e-commerce-retailers/
-https://www.marketwatch.com/story/walmart-surpasses-ebay-in-us-e-commerce-for-the-first-time-amazon-still-tops-emarketer-2020-06-15
-https://www.emarketer.com/content/amazon-dominates-us-ecommerce-though-its-market-share-varies-by-category
-https://corporate.walmart.com/newsroom/events/fy2020-q4-earnings-release
-https://corporate.target.com/press/releases/2021/03/Target-Corporation-Reports-Fourth-Quarter-and-Ful
tgt earnings 在 Belle Nuntita Facebook 的精選貼文
An exclusive interview with our beloved Bell by TV 9 popular morning talk show host Woody. Bell sang excerpts from two songs and later an unplugged version of Bao Bao (Tenderly) in 2 voices!
The full subtitled version uploaded by BiBiBenny (our saviour!) can be seen here: http://www.youtube.com/watch?v=NAn74BFq6Hs
A brief translated summary of the interview (credit to Christina Chi):
The interviewer asked what was her dad's response when he learnt about her participation in TGT and her overnight shot to international fame? Bell said her dad actually felt proud of her. It was earlier when she was in secondary school that their relationship was tensed. Slowly she persuaded her dad to accept her by being a loving daughter to the family. She gives her earnings to her parents from singing competitions and working in pub, and supports her younger sister's education too. Slowly her dad has come to accept who she is. They are proud of her now!
The interviewer said thailand is proud of her and he is proud of her too... then he hugged her!
(Admin note: We are all proud of her too!!!)
Credit to ladyEdnaMode for uploading this video clip to YouTube so promptly and Chloe Yong for alerting us to the link!
- Sean