เรื่องน่ารู้ ที่หลายคนอาจไม่รู้ กับ วิธีการอ่านฉลากอาหาร
ผมเป็นคนหนึ่งที่ก่อนจะเอาอะไรผ่านเข้าปากไปลงกระเพาะอาหาร ถ้าอาหารนั้นมีฉลากโภชนาการอยู่ อย่างน้อยต้องชายตามองสักเล็กน้อยก่อนจะตัดสินใจซื้อมันมาครับ เดี๋ยววันนี้ผมจะมาแนะนำวิธีการอ่านฉลากอาหารแบบเข้าใจง่ายๆกันว่ามันมีประโยชน์ขนาดไหนครับ ยกตัวอย่างจากฉลากอาหารในภาพคือตัวอย่างอาหารชนิดหนึ่งที่ผมคิดว่าเห็นภาพเลย
ส่วนแรก คือ จำนวนหน่วยบริโภคต่อครั้ง และ ขนาดหนึ่งหน่วยบริโภคคือเท่าใด
อย่างในภาพคือ 1 หน่วยบริโภคเท่ากับ 310 ซีซี และ จำนวนหน่วยบริโภคต่อขวด = 1
นั่นแปลว่าฉลากอาหารที่เราจะเห็นในส่วนที่กำลังจะกล่าวถึงต่อไปนั้น สามารถใช้อ้างอิงในการกิน 1 ครั้งจนหมดได้เลย
แต่ถ้าสมมติตัวเลขใหม่ จำนวนหน่วยบริโภคต่อขวด = 2 นั่นแปลว่า ฉลากโภชนาการในส่วนถัดไป ทุกอย่างต้องเอาไป "คูณสอง"ทั้งหมด อันนี้ระวัง tricky นิดนึง เพราะของกินหลายๆอย่างทำเป็นเหมือนจำนวนหน่วยบริโภคนั้นเยอะๆ เพื่อที่จะทำให้ตัวโภชนาการในส่วนต่อไปดูเหมือนเป็นขนมที่ healthy ไป (ทั้งๆที่อาจจะไม่ใช่)
ส่วนที่ 2 คือ พลังงานทั้งหมด ต่อ 1 หน่วยบริโภค
อันนี้ตรงไปตรงมาครับ คือ คำนวณจากสารอาหาร คาร์โบไฮเดรต โปรตีน และ ไขมัน เอามารวมกันว่ากี่แคลอรี่ โดยจะแยกออกเป็น 2 ส่วนคือ พลังงานรวม และ พลังงานจากไขมัน
พลังงานรวม = คาร์โบไฮเดรต + โปรตีน + ไขมัน
ตัวอย่างในภาพ พลังงานรวม = 240 kcal แต่มีพลังงานจากไขมัน 120 kcal เท่ากับว่า เราจะได้พลังงานจากโปรตีนและคาร์โบไฮเดรตอีก 120 kcal โดยมีที่มาจากคำนวณ ดังนี้
โดยคาร์โบไฮเดรต 1 กรัมจะให้พลังงาน 4 kcal
โปรตีน 1 กรัมจะให้พลังงาน 4 kcal
ไขมัน 1 กรัมจะให้พลังงาน 9 kcal
แล้วเราก็เอาตัวเลขของสารอาหารต่างๆไป คูณตามจำนวนกรัมที่มีนั่นเอง
ต่อมา ถามว่าทำไมต้องแยกพลังงานจากไขมันออกมาต่างหาก คำตอบก็คือ ค่าตัวเลขในส่วนนี้จะมีความจำเป็นมากสำหรับคนที่ทานอาหารเช่นกลุ่มคีโตจีนิค (ketogenic diet) ที่เน้นพลังงานจากไขมันมากกว่า 80% ของแหล่งอาหารทั้งที่ทานเข้าไป ถ้าเราไม่ได้สายคีโตก็ดูไว้ผ่านๆได้ครับ
ส่วนที่ 3 คือ คุณค่าทางโภชนาการ ส่วนนี้สำคัญที่สุด
จะมีตัวเลขแยก 2 ฝั่ง คือ ฝั่งที่อยู่ติดกับชื่อ สารอาหาร (ฝั่งซ้าย) และ ตัวเลข % ทางฝั่งขวา
ตัวเลขฝั่งซ้าย หน่วยจะเป็น กรัม ที่ได้ ถ้าเราทานสิ่งนั้นเข้าไป 1 หน่วยบริโภค
ตัวเลขฝั่งขวา หน่วยจะเป็น % เพราะเขาจะเอาไปอิงกับสารอาหารนั้นๆที่ร่างกายควรได้รับต่อวัน โดยเทียบกับมาตรฐาน Thai RDI ที่คำนวณว่าคนไทยควรได้รับพลังงาน 2000 kcal ต่อวัน (โดยมาจาก คาร์โบไฮเดรต ทั้งหมด 300 กรัม / โปรตีน 50 กรัม /ไขมัน 65 กรัม)
แล้วคนไทยแต่ละคนต้องการพลังงาน 2000 kcal เท่ากันหรือไม่ คำตอบก็คือ ไม่ใช่แน่ๆครับ ดังนั้นการดู % ในส่วนนี้ก็พอดูเป็นแนวทางได้ แต่ไม่สามารถใช้อ้างอิงได้ครับ คิดให้เห็นภาพง่ายๆ ผู้หญิงตัวเล็กๆ หนัก 45 กก. กับ ผู้ชายหนัก 90 กก. สัดส่วน % ไม่มีทางเท่ากันแน่นอน เพราะความต้องการพลังงานของสองคนนี้อาจจะอยู่ที่ 1800 กับ 2200 kcal ต่อวัน ตามลำดับ ประมาณนี้)
ดังนั้นแล้ว ให้สังเกตที่ตัวเลขทางฝั่งซ้ายนี้เป็นหลักครับ แต่ถ้าอยากรู้ว่าร่างกายเราต้องการพลังงานกี่ kcal ต่อวัน สามารถคำนวณได้จากสูตรที่ผมจะให้ไว้อีกทีครับ (สูตรนี้บอกก่อนว่ามีความไม่นิ่งพอสมควร แต่พอใช้เป็นแนวทางได้)
ต่อเนื่องกับส่วนที่ 3 คราวนี้เราต้องมาไล่ดูกันไปทีละตัวเลยครับ
ตัวแรก : ไขมัน
ไขมัน จะแสดงผลรวม ไขมันทั้งหมด และจะแยกย่อยอีกออกเป็น ไขมันอิ่มตัว (Saturated fat) ไขมันไม่อิ่มตัว (Unsaturated fat) ไขมันทรานส์ (Trans fat) และ คอเรสเตอรอล (Cholesterol) ผมมีทริคง่ายๆเลยเวลาดูฉลากไขมัน
• ไขมันทรานส์ (Trans fat) ไขมันทรานส์คือพวกของกลุ่มไขมันกลายร่างที่ปัจจุบันเรารู้แล้วว่ากินแล้วจะทำให้ตายด้วยโรคหัวใจเร็วขึ้น อันนี้ควรต้องเป็น 0 g ศูนย์กรัม เท่านั้น ห้ามมีหลงมาอย่างเด็ดขาด
• คอเรสเตอรอล (Cholesterol) อันนี้ทุกคนคงรู้จักกันดีแล้ว ไม่มีไว้ก่อนดีที่สุดครับ คือ ศูนย์
• ไขมันอิ่มตัว (Saturated fat) คือ ไขมันที่แข็งตัวในอุณหภูมิห้อง จะพบได้เยอะในเช่น น้ำมันจากสัตว์ หนังสัตว์ น้ำมันหมู และไขมันอิ่มตัวมักจะมากับอาหารที่คอเลสเตอรอลสูง ดูเผินๆเหมือนจะไม่ดี แต่จริงๆก็ต้องมีข้อยกเว้นไว้บางเช่น ในคนที่ทานน้ำมันมะพร้าวที่มีกรดไขมันอิ่มตัวบางชนิด เช่น กลุ่มของ MCT oil กลุ่มนี้จะเป็นแหล่งพลังงานชั้นดีมากๆสำหรับสายคีโตจีนิก เพราะสมองจะนำไขมันอิ่มตัวชนิดนี้ไปใช้พลังงานได้อย่างรวดเร็ว
แต่ขอย้ำอีกครั้ง ถ้าอาหารนั้นไม่ได้มีคุณสมบัติที่จะไปด้านคีโต ไขมันอิ่มตัวเยอะๆในฉลาก เราควรต้องให้ความระมัดระวังครับว่าอาหารนั้นมันคืออะไร แล้วก็สุดท้าย ไขมันอิ่มตัวจะบอกว่าแย่อีกก็ไม่ได้ เนื่องจากการที่มันทนความร้อนได้สูงมากพวกน้ำมันหมู น้ำมันมะพร้าว หรือ น้ำมันปาล์มจึงเป็นน้ำมันทีเหมาะกับมาทำอาหารผัดๆทอดๆแบบร้อนๆน้ำมันท่วมแบบอาหารไทยแบบนี้ครับ ดังนั้นเวลาดูต้องแยกกันว่า อาหารชนิดนั้นคืออะไร
• ไขมันไม่อิ่มตัว (Unsaturated fat) คือ ไขมันที่ไม่แข็งตัวในอุณหภูมิห้อง ตรงกันข้ามกับอันเมื่อกี้ เรื่องของกรดไขมันไม่อิ่มตัวเป็นเรื่องใหญ่มาก ขอเล่าสั้นไว้ตรงนี้ก่อนครับ อันนี้ดูเผินๆ ก็เหมือนว่าถ้ามีเยอะก็จะดี เช่น การทานมะกอกจะช่วยลดความเสี่ยงของการเป็นโรคหัวใจ เพราะมะกอกมีกรดไขมันไม่อิ่มตัวสูงมาก แต่ในขณะเดียวอาหารบางอย่างมีกรดไขมันไม่อิ่มตัวสูงมาก เช่น กลุ่มของ industrial seed oil กลับอาจจะไม่ดีมากเท่ากับในกรณีแรก เพราะว่ามีความแตกต่างของมันอยู่นั่นเอง เราน่าจะเคยได้ยินคำว่า omega-3 หรือ omega-6 มานานแล้ว นั่นละครับ มันคืออันเดียวกันและมันก็อยู่ในกลุ่มของกรดไขมันไม่อิ่มตัว และในฉลากอาหารส่วนมากจะไม่ได้บอกว่า ไขมันไม่อิ่มตัวในนั้นเป็นชนิดไหน วิธีการที่จะรู้ได้อย่างเดียวคือ ต้องดูว่าอาหารนั้นเป็นอาหารอะไรประกอบด้วยครับ เรื่องนี้ผมขออธิบายละเอียดในคราวหน้า
• ถามว่าสัดส่วนไขมันควรทานวันละกี่กรัม ถ้ายึดตาม Thai RDI คือ ไขมันทั้งหมดต่อวันไม่เกิน 65 กรัม โดยต้องเป็นไขมันไม่อิ่มตัวอย่างน้อย 45 กรัม และ สัดส่วนนี้จะเปลี่ยนไปในกลุ่มของคนที่ทานคีโตครับ แต่คนทั่วไปอาจจะยึดตามแนวทางของ Thai RDI ไว้ก่อน บวกลบ เล็กน้อยตามพลังงานขั้นต่ำของร่างกายครับ ถ้าจะเอาให้เป๊ะขึ้น พลังงานจากไขมันควรเป็น 20 - 35% ของพลังงานรวมทั้งหมด และมีสัดส่วนของ กรดไขมันไม่อิ่มตัว : กรดไขมันอิ่มตัวคือ เท่ากับ 2.2 : 1 โดยคร่าวๆ (เริ่มเครียดเลย ทำไมยากจัง 55)
• ในฉลากส่วนใหญ่จะระบุเฉพาะปริมาณไขมันอิ่มตัว เราก็ต้องเอา ไขมันทั้งหมด - ไขมันอิ่มตัว จะได้เท่ากับปริมาณไขมันไม่อิ่มตัวนั่นเองครับ (อย่าพึ่งงงนะครับ)
ตัวที่สอง : คาร์โบไฮเดรต
คาร์โบไฮเดรต สารอาหารหลักที่พวกเราชอบกัน ไม่ว่าจะเป็น แป้ง น้ำตาล เส้นพาสต้า ล้วนมีพลังงานหลักมาจากส่วนนี้ ในฉลากมักจะแยกออกไว้ 2 อย่าง
• ใยอาหาร หรือ Fiber ขั้นต่ำประมาณ 25 กรัมต่อวัน อาหารที่ไฟเบอร์สูง จะช่วยเรื่องระบบการย่อยอาหารขับถ่าย และ ยังช่วยทำให้เราอิ่มได้นาน
• น้ำตาล (sugar) ต้องดูว่าน้ำตาลอันนั้นคือน้ำตาลตามธรรมชาติที่อยู่ในอาหาร (natural sugar) เช่น น้ำตาลฟลุกโตสในผลไม้ หรือเป็น น้ำตาลที่ใส่เพิ่มเข้าไป (added sugar) เช่น น้ำอัดลม โดยเราจะสนใจหลักๆคือ น้ำตาล added sugar ไม่ควรมีหรือมีให้น้อยที่สุดจะเยี่ยมครับ คนเราไม่ควรได้น้ำตาลเกิน 24 กรัมต่อวันสำหรับผู้ใหญ่ อาหารในธรรมชาติที่มี natural sugar อยู่ ถ้าไม่นับผลไม้แล้วก็น่าจะหาได้ยากมาก
• ส่วนที่เหลือก็คือ แป้งที่เราเข้าใจกันนั่นเอง แต่เขาจะไม่ได้บอกตรงๆก็ต้องเอามาบวกลบกันออกมา
• พลังงานจากคารโบไฮเดรตต่อวัน ค่าเฉลี่ยโดยประมาณคือ 300 กรัมต่อวัน แล้วก็บวกลบเอาตามขนาดตัวครับ ถ้าไม่เคร่งก็ให้เน้นที่พลังงานมาจากแป้ง ที่ไม่ใช่น้ำตาล โดยมีไฟเบอร์เป็นส่วนประกอบ นอกจากนี้จริงๆแล้ว แป้งยังแยกเป็น คารโบไฮเดรตเชิงเดี่ยว เช่น ข้าวหอมมะลิที่สีมาแล้วอย่างสวยงาม กับ ข้าวกล้องที่ยังไม่ผ่านการขัดสี (Complex carbohydrate) สองอย่างนี้ แคลอรีต่อกรัมเท่ากัน แต่ผลต่อร่างกายไม่เหมือนกัน ดังนั้นต้องดูชนิดของคาร์โบไฮเดรตที่ทานด้วยครับ
ตัวที่สาม : โปรตีน
• ถ้าไม่ได้กินนมชนิดต่างๆแล้ว หรือกลุ่มของเวย์โปรตีน ผมว่าส่วนนี้เราน่าจะไม่เคยสังเกตมันบนฉลากแน่ๆครับ
• คนทั่วไปๆก็ทานโปรตีนประมาณ 0.8 – 1 กรัมต่อน้ำหนักตัว ถ้าหัก 60 กก. ก็ทาน 60 กรัมโปรตีนนั่นเอง
• ไขขาว 1 ฟอง มีโปรตีนประมาณ 5 กรัม ลองกะดูครับ
• ถ้าคนเล่นกล้ามก็ต้องการมากกว่านี้อีกมาก เช่น 2-3 กรัมต่อน้ำหนักตัว
จากจุดนี้ก็น่าจะพอเข้าใจภาพได้เลยว่า ตัวเลข % อาจจะไม่มีผลอะไรกับการวางแผนอาหารในกลุ่มคนเฉพาะที่ต้องการผลลัพธ์ที่พิเศษ แต่สำหรับคนทั่วไปก็ใช้ตาม % อ้างอิงก็ไม่เสียหายครับ
ส่วนที่ 4 : โซเดียม
ไม่ควรเกิน 2300 มิลลิกรัมต่อวัน เรามักจะเจออาหารที่โซเดียมสูงๆในบรรดาจำพวกซอสและขนมขบเคี้ยวทั้งหมด
เป็นอย่างไรกันบ้างครับเอาแค่ 4 ส่วนนี้ก็ลายตามากแล้วครับ 555+ อันนี้ยังไม่นับถึงพวก วิตามิน เกลือแร่ หรือ ส่วนประกอบของอาหารที่เราต้องมาเพ่งพิจารณากันจริงๆเลยครับ
เอาตรงๆ มันดูเหมือนจะยากมากครับในครั้งแรก ทำไมต้องซีเรียสขนาดนี้ แต่เชื่อผม มันยากแค่ครั้งแรกตอนที่เราหยิบมันขึ้นมา เพราะส่วนใหญ่เราก็กินอะไรไม่ได้ต่างจากเดิมมาหรอกครับในแต่ละวัน อ่านสักครั้งสองครั้งพอจำได้แล้ว เราก็จะหยิบมากินโดยที่ไม่ต้องดู เพราะว่าเราจำคุณค่าทางโภชนาการได้หมดแล้วนั่นเอง และการดูสัดส่วนโภชนาการผมคิดว่าเป็นหนึ่งในเครื่องมือสำคัญมากชนิดหนึ่งในการดูแลสุขภาพร่างกายของเราเอง
ถ้ามีคำถามใดๆก็ฝากไว้ได้นะครับ ผมจะพยายามมาตอบให้ถ้าสามารถทำได้ครับ ขอบคุณอีกครั้งที่อ่านมาจนจบครับ 😊
同時也有1部Youtube影片,追蹤數超過59萬的網紅Healthy Natural นานา สมุนไพร,也在其Youtube影片中提到,สุดยอด "ฟักแม้ว" หรือ "มะระหวาน" บำรุงหัวใจ-ลดความดันโลหิต แถมช่วย #ลดน้ำหนัก ได้อีกด้วย! “มะระหวาน” หรือที่เรารู้จักกันในชื่อ “ฟักแม้ว” มีถิ่นกำเนิด...
「คุณค่าทางโภชนาการ」的推薦目錄:
- 關於คุณค่าทางโภชนาการ 在 หมอๆ ตะลุยโลก Facebook 的精選貼文
- 關於คุณค่าทางโภชนาการ 在 Joe Chonlawit : Eat • Talk • Travel Facebook 的精選貼文
- 關於คุณค่าทางโภชนาการ 在 DJ Poom Menu อาหารคลีนเพื่อสุขภาพ Facebook 的最讚貼文
- 關於คุณค่าทางโภชนาการ 在 Healthy Natural นานา สมุนไพร Youtube 的精選貼文
- 關於คุณค่าทางโภชนาการ 在 ข้าว คุณค่าทางโภชนาการสูง - YouTube 的評價
- 關於คุณค่าทางโภชนาการ 在 คุณค่าทางโภชนาการของอาหารไทย 的評價
คุณค่าทางโภชนาการ 在 Joe Chonlawit : Eat • Talk • Travel Facebook 的精選貼文
#JoeEAT เช้านี้ อยู่ที่กฎแห่งการ ‘บาลานซ์’ (แคลเลอรี่555) กาแฟโคลด์บรูว์สกัดเย็นนุ่มๆ ลึกๆ แรงๆ ตัดกับเนื้อเค้กช็อคโกแลตเนียนนุ่ม คุณค่าทางโภชนาการ 0/10 แต่ความฟินและความอร่อยเต็ม 10 ให้ 100 ไม่หัก! 😋
คุณค่าทางโภชนาการ 在 DJ Poom Menu อาหารคลีนเพื่อสุขภาพ Facebook 的最讚貼文
“DJPoomMENU” เราคือ ผู้นำด้านอาหารลีนเจ้าแรก ที่ใส่ใจทุกขั้นตอนการผลิต👍💕 เราใช้กล่องใส่อาหารระดับฟู้ดเกรด สามารถนำเข้าไมโครเวฟได้อย่างปลอดภัย คงคุณค่าอาหารได้นาน 😊✨
.
แล้วสายคาดกล่องนั้นสำคัญอย่างไร ทำไมต้องมี ⁉
สายคาดกล่องไม่ได้มีไว้ประดับกล่องแค่เท่ๆ แต่ยังอัดแน่นไปด้วยข้อมูลต่างๆ👏⚡ เช่น คุณค่าทางโภชนาการ ส่วนประกอบที่สำคัญ วิธีการอุ่นอาหาร วิธีการเก็บอาหาร ฯลฯ เพื่อให้ทุกท่านมั่นใจได้ถึงคุณภาพที่จะได้รับแบบเต็มกล่อง😍🎉🎉
.
#djpoommenu #ยิ่งกินยิ่งผอม #LeanFood_LeanLife #zerocal #ขนมคลีน #คุ้กกี้ลีน
.
สั่งซื้อผ่านเว็บไซต์ : https://www.djpoommenu.com
สั่งซื้อผ่านLINE@ : @djpoommenu
คุณค่าทางโภชนาการ 在 Healthy Natural นานา สมุนไพร Youtube 的精選貼文
สุดยอด "ฟักแม้ว" หรือ "มะระหวาน" บำรุงหัวใจ-ลดความดันโลหิต แถมช่วย #ลดน้ำหนัก ได้อีกด้วย!
“มะระหวาน” หรือที่เรารู้จักกันในชื่อ “ฟักแม้ว” มีถิ่นกำเนิดทางตอนใต้ของประเทศเม็กซิโกและแถบอเมริกากลาง เพาะปลูกอยู่ทั่วโลก ว่ากันว่านำเข้ามาปลูกในไทยโดยหมอสอนศาสนา และให้ชาวบ้านปลูกครั้งแรกที่ จ.แพร่ ปัจจุบันปลูกกันมากใน จ.เลย เพชรบูรณ์ และจังหวัดทางภาคเหนืออย่างเชียงราย ภาษาอังกฤษเรียก ชาโยเต้ (Chayote) ชื่อท้องถิ่นอื่นๆ มะระแม้ว มะเขือเครือ มะเขือฝรั่ง มะระญี่ปุ่น ฟักญี่ปุ่น บ่าเขือเครือ ฟักม้ง แตงกะเหรี่ยง เป็นต้น
คุณค่าทางโภชนาการ
มะระหวานดีต่อผู้ที่ควบคุมน้ำหนัก เนื่องจากเนื้อผล 100 กรัม มีพลังงานเพียง 13 กิโลแคลอรี อีกทั้ง ยังมีเส้นใยอาหาร 0.6 กรัม ช่วยให้ขับถ่ายสะดวก มีฟอสฟอรัสที่สำคัญ ต่อกระบวนการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอในร่างกายอยู่ 12 มิลลิกรัม รวมถึงมีวิตามินซี โฟเลต แคลเซียม และโพแทสเซียมด้วย
สรรพคุณทางยา
ผลและใบ
1. บำรุงหัวใจและหลอดเลือด ขับปัสสาวะ แก้อักเสบ ด้วยการใช้ผลและใบมาดองเป็นยาไว้กิน
2. อาการเส้นเลือดแข็งตัว ด้วยการต้มใบและผลนำมาใช้ในการรักษา
3. โรคความดันโลหิตสูง ด้วยการดื่มน้ำที่ต้มจากผลและใบ
4. ป้องกันและรักษาโรคเลือดออกตามไรฟัน
5. นำใบและผลมาต้มน้ำดื่ม ช่วยสลายนิ่วในไต
ยอด สรรพคุณช่วยในการขับถ่าย ทำให้ถ่ายได้สะดวกขึ้นจึงป้องกันอาการท้องผูกได้เป็นอย่างดี
ประโยชน์ ของ #ฟักแม้ว หรือ #มะระหวาน
1.มะระหวานเป็นแหล่งของสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ช่วยลดความเสี่ยงการเกิดโรคมะเร็ง ช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยแห่งวัยได้
2. ผลมีโฟเลตสูง มีประโยชน์อย่างมากสำหรับทารกในครรภ์ เพราะช่วยป้องกันการพิการของทารกแต่กำเนิด
3. ยอดอ่อนและผลอ่อนกินได้ แถมยังประกอบไปด้วยวิตามิน กรดอะมิโน ที่มีประโยชน์ต่อร่างกายหลายชนิด เช่นแคลเซียมที่มีส่วนช่วยบำรุงกระดูกและฟันให้แข็งแรง
4. ผลนำมาหั่นเป็นฝอยหรือสไลด์เป็นแผ่นใช้ผัดกับไข่ ผัดกับน้ำมัน ได้อีกทั้ง ตำส้มตำใช้แทนมะละกอได้ เพราะมีเนื้อกรอบหวาน
5. ยอดอ่อนนำมาต้มกินกับน้ำพริก ใช้ทำต้มจืด แกงเลียง ก๋วยเตี๋ยวราดหน้า ผัดกับหมู ผัดน้ำมันหอย ลาบ ยำยอดฟักแม้ว แต่ส่วนใหญ่แล้วจะนำมาผัดน้ำมันหอย
6. รากส่วนใหญ่จะประกอบด้วยแป้ง นำมาใช้ต้มหรือผัดกินได้
7. ปกติแล้วจะนิยมใช้ส่วนของผล ใบและรากประกอบอาหาร ทว่า ลำต้นและเมล็ดก็กินได้เช่นกัน เพียงแต่ไม่เป็นที่นิยม
8. รากใช้เป็นอาหารสัตว์ได้
เคล็ดลับดีๆแบบนี้ ก็อย่าลืม แชร์ให้เพื่อนๆ หรือคนที่เพื่อนๆรักและ ห่วงใยด้วยคะ..
เพราะความสุขที่ยิ่งใหญ่ คือการเป็นผู้ให้ ขอให้มีสุขภาพที่ดี แข็งแรง ร่ำรวยความสุข ถ้วนหน้ากันทุกท่าน ตลอดไปเลยนะคะ..
อย่าลืม! ถ้าคุณชอบโปรดกด like. ถ้าคุณถูกใจโปรด subscribe! เพื่อเป็นกำลังใจ ให้แก่พวกเราด้วยคะ..ขอบคุณค่า..
Subscribe to Healthy Natural นานา สมุนไพร
Youtube : https://goo.gl/urmvNp
Follow us on Twitter : https://goo.gl/HKZaG4
Like us on Facebook : https://goo.gl/urmvNp
Follow us on Google Plus : https://goo.gl/E1ku0J
Follow us on pinterest : https://goo.gl/TB7RkC

คุณค่าทางโภชนาการ 在 คุณค่าทางโภชนาการของอาหารไทย 的推薦與評價
ข้อมูลของกองโภชนาการ กรมอนามัย อย่าลืมนาจา เวลาทานคีโตเราสังเกตุที่เน็ตคาร์บ เน็ตคาร์บ = ปริมาณคาร์โบไฮเดรต - ใยอาหาร ต้องขอบคุณ สมาชิกคุณ Tan phonburee ... ... <看更多>
คุณค่าทางโภชนาการ 在 ข้าว คุณค่าทางโภชนาการสูง - YouTube 的推薦與評價
ข้าวพันธุ์ต่างๆในประเทศไทย ล้วนมี คุณค่าทางโภชนาการ ที่สูงกว่าข้าวทั่วไป ทั้งวิตามิน แร่ธาตุ และสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายมากมาย เช่น ... ... <看更多>