รู้จัก DITTO บริษัทที่เติบโตแรง จากเทรนด์ Digital Transformation ในไทย
Ditto x ลงทุนแมน
เราเคยสงสัยกันไหมว่า กระบวนการยุติธรรมในประเทศไทย มีกระบวนการจัดเก็บเอกสาร ค้นหา และเลือกดึงข้อมูล เพื่อนำออกมาใช้ได้อย่างไร ? ด้วยจำนวนเอกสารที่ต้องดูแลนับพันล้านหน้า จากคดีความเกือบ 2 ล้านคดีต่อปี และยังต้องจัดเก็บสำนวนคดีย้อนหลังเป็นเวลาถึง 10 ปี
หรือห้างสรรพสินค้าใหญ่ ๆ ที่ต้องเก็บข้อมูลบิล หรือข้อมูลการซื้อขายจำนวนมหาศาลในหนึ่งปี
เมื่อถึงวันที่ต้องคำนวณงบ หรือจ่ายภาษี เขาใช้เครื่องมืออะไรเป็นตัวช่วยการค้นหา จัดการ และประมวลผลข้อมูลเหล่านี้ ?
คำตอบก็คือ องค์กรเหล่านี้ ใช้ระบบการจัดการข้อมูลต่าง ๆ คล้ายกับระบบในห้องสมุดอิเล็กทรอนิกส์
คือการจัดเรียงข้อมูลทุกอย่างให้เป็นระบบระเบียบไว้ในรูปแบบดิจิทัล
และเมื่อถึงวันที่ต้องการเรียกข้อมูลออกมาใช้ ก็จะทำได้อย่าง “ง่าย” และ “รวดเร็ว”
ซึ่งการนำเข้าข้อมูล โดยเปลี่ยนจากกระดาษ มาอยู่ในรูปแบบดิจิทัลหรืออยู่บนคลาวด์นั้น
เรียกว่า การทำ “Digitization” ซึ่งเป็นหนึ่งในขั้นตอนสำคัญ ของกระบวนการ Digital Transformation
แต่ในวันนี้.. ยังมีองค์กรในประเทศไทยอีกจำนวนมาก ที่เพิ่งเริ่มปรับตัว
กำลังรอการทำ Digitization หรือพูดง่าย ๆ ก็คือ ยังมีเอกสารมากมาย ที่รอการนำเข้าสู่ระบบดิจิทัล
และนี่เองจึงเป็น “โอกาส” ของบริษัท DITTO..
บริษัท DITTO คือใคร มีเทคโนโลยีอะไรมาช่วยตอบโจทย์เทรนด์ Digital Transformation ได้บ้าง
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
บริษัท ดิทโต้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ DITTO
คือผู้เชี่ยวชาญด้านการให้บริการ Document and Data Management Solutions แบบครบวงจร
โดยออกแบบกระบวนการจัดการเอกสาร คัดเลือกและพัฒนาระบบบริหารงานเอกสาร ที่เหมาะสมกับลูกค้าแต่ละราย
ที่ต้องการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน และต้องการลดค่าใช้จ่ายองค์กร ด้วยการหันมาใช้งานเอกสารในรูปแบบดิจิทัล
โดยเน้นการใช้เทคโนโลยีทั้งในด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์เข้ามาช่วยเสริมให้การทำงานนั้นง่ายยิ่งขึ้น
มีบุคลากรและทีมงานออกแบบโซลูชัน ที่มีความเชี่ยวชาญ จัดหาแอปพลิเคชันที่เหมาะสม
เพื่อนำเอกสารและข้อมูลเข้าสู่ระบบให้พร้อมสำหรับการใช้งาน รวมถึงบริการจัดหาซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ต่าง ๆ อีกด้วย
โดยบริษัททำงานให้กับหน่วยงานใหญ่ ๆ หลายราย
ทั้งบริษัทเอกชน เช่น ห้างสรรพสินค้า สถาบันการเงิน และองค์กรที่เป็นรัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานราชการต่าง ๆ
การที่ DITTO เข้าไปช่วยบริหารจัดการและแปลงเอกสารให้อยู่ในรูปแบบดิจิทัล นอกจากจะช่วยลดต้นทุนในการจัดหาพื้นที่สำหรับเก็บเอกสาร
ที่เป็นแฟ้ม เป็นกระดาษแล้ว
ที่แน่นอนที่สุดคือ “ช่วยลดต้นทุนของเวลา” ซึ่งเป็นหัวใจหลักของกระบวนการ Digital Transformation
หรือก็คือ การเอาเทคโนโลยีเข้ามาเปลี่ยนแปลง หรือเป็นตัวช่วยในการทำธุรกิจ ด้วยการอำนวยความสะดวกในการเรียกใช้เอกสารได้อย่างเป็นระบบ รวดเร็วมากขึ้น
ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน อีกทั้งยังตอบโจทย์การทำงานแบบ Digital Workplace
และนี่เองจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้องค์กรใหญ่ ๆ ในประเทศไทยหลายแห่ง
ที่ต้องการเปลี่ยนตนเองสู่ Digital Transformation เลือกใช้บริการระบบบริหารจัดการเอกสารจากบริษัท DITTO
DITTO ยังมีอีก 2 ธุรกิจ ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน
1. ธุรกิจให้เช่า จำหน่าย และให้บริการด้านเครื่องถ่ายเอกสาร เครื่องพิมพ์ และสินค้าเทคโนโลยีอื่น ๆ
และได้มีการขยายธุรกิจไปยังระบบขายสินค้าหน้าร้าน (POS) และระบบไดรฟ์ทรู (Drive-Thru) โดยเป็นตัวแทนจากแบรนด์ HME ซึ่งเป็นแบรนด์ชั้นนำระดับโลกที่มีชื่อเสียงทางด้านระบบไดร์ฟทรู
2. ธุรกิจรับเหมาวิศวกรรมด้านเทคโนโลยีสำหรับโครงการของหน่วยงานราชการต่าง ๆ
เช่น ระบบท้องฟ้าจำลองและพิพิธภัณฑ์, ระบบโทรมาตร (Supervisory Control And Data Acquisition: SCADA), ระบบเทคโนโลยีภายในอาคาร, ระบบควบคุมระบบคัดแยกขยะเพื่อผลิตเป็นเชื้อเพลิง (RDF) และโครงการประเภทอื่น ๆ
และนี่คือผลประกอบการของธุรกิจของ DITTO และบริษัทในเครือ
ปี 2561 รายได้ 422 ล้านบาท กำไรสุทธิ 13 ล้านบาท
ปี 2562 รายได้ 773 ล้านบาท กำไรสุทธิ 56 ล้านบาท
ปี 2563 รายได้ 986 ล้านบาท กำไรสุทธิ 114 ล้านบาท
จะเห็นได้ว่าในปี 2561 - 2563 กำไรสุทธิเติบโตเฉลี่ยร้อยละ 192 ต่อปี โดยการเติบโตนี้เกิดจากการที่หลายบริษัทในไทยต้องการทำ Digital Transformation กันมากขึ้น
และมีข้อมูลที่น่าสนใจ จากฟรอสต์ แอนด์ ซัลลิแวน (Frost & Sullivan)
ที่ได้คาดการณ์ว่า มูลค่าตลาดการจัดการข้อมูลดิจิทัลในประเทศไทยจะขยายตัวได้ต่อเนื่อง
โดยคาดว่าในปี 2568 จะมีขนาดประมาณ 11,887 ล้านบาท
คิดเป็นอัตราเติบโตเฉลี่ยระหว่างปี 2563 ถึง 2568 เท่ากับร้อยละ 74.77 ต่อปี
โดยปัจจุบัน DITTO เป็นผู้นำในตลาดการจัดการข้อมูลดิจิทัลของประเทศไทย
จึงคาดว่า DITTO น่าจะมีโอกาสเติบโตได้อีกกับเทรนด์นี้
และ DITTO ก็กำลัง IPO โดยจะเข้าซื้อขายในตลาด mai วันแรก 6 พ.ค. นี้
ซึ่งก็ถือเป็นอีกช่องทางที่ทำให้ DITTO ได้ขยายการเติบโตให้เพิ่มขึ้นไปอีกขั้น
และนี่คือเรื่องราวทั้งหมดของ DITTO บริษัทที่กำลังเติบโตได้ดีไปกับการจัดการข้อมูลให้ลูกค้า
เพราะลูกค้าสามารถลดต้นทุนของที่สำคัญ โดยเฉพาะ “ต้นทุนด้านเวลา” นั่นเอง..
Reference
- เอกสารประชาสัมพันธ์บริษัท บริษัท ดิทโต้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)
- รายงานวิจัยตลาดอิสระ เกี่ยวกับตลาดการจัดการข้อมูลดิจิทัลในประเทศไทย จัดทำโดย ฟรอสต์ แอนด์ ซัลลิแวน (Frost & Sullivan)
ธุรกิจให้เช่า 在 อายุน้อยร้อยล้าน Facebook 的最佳貼文
จากการวิจัยทั่วโลกโดยที่ปรึกษาด้านการจัดการ Accenture คาดการณ์ว่า 60% ของผู้บริโภคตัดสินใจที่จะซื้อสินค้ากับแบรนด์ที่เป็นสินค้ายั่งยืน เป็นมิตรและมีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น โดย MUD Jeans ทำรายได้เพิ่มขึ้นถึง 2 เท่า!! สวนทางเศรษฐกิจ ด้วยกลยุทธ์การรีไซเคิลยีนส์จากเก่าเป็นใหม่และให้การเช่ายีนส์ สร้างความสนใจรวมถึงได้รับผลตอบรับที่ดีจากลูกค้าอย่างมาก ที่มีข้อดีนอกจากผู้บริโภคจะสามารถเปลี่ยนกางเกงยีนส์ได้บ่อยแล้วก็สามารถที่จะช่วยลดปัญหาขยะได้อีกด้วย ซึ่งเป็นการตอบโจทย์สิ่งที่ผู้บริโภคในยุคปัจจุบันกำลังให้ความใส่ใจกันมากขึ้น
.
MUD Jeans แบรนด์กางเกงยีนส์สัญชาติดัตช์ จากประเทศเนเธอร์แลนด์ กลายเป็นแบรนด์กางเกงยีนส์เจ้าแรกของโลกที่เริ่มทำธุรกิจแบบหมุนเวียน โดยล่าสุดได้เปิดตัว “Lease A Jeans” แนวคิดใหม่ที่นำหลักการของเศรษฐกิจรวมถึงการรีไซเคิลมาใช้กับแบรนด์ทั้งหมด คือแทนที่จะปล่อยให้สินค้าหรือวัสดุที่ผลิตนั้นกลายเป็นขยะก็นำกลับมาทำเป็นผลิตภัณฑ์ชิ้นใหม่ขึ้นแทน ซึ่งในปัจจุบันแบรนด์ได้ใช้ผ้าฝ้ายมารีไซเคิลในการผลิตกางเกงยีนส์ถึง 40% และ MUD Jeans ยังได้รับการเสนอชื่อโดย ABN AMRO ให้เป็นผู้ค้าปลีกที่ยั่งยืนแห่งปี(Sustainable Retailer Of The Year) ประจำปี 2020-2021 และเป็น 1 ใน 5 ของ B Corps ที่ทำคะแนนสูงสุดใน Benelux อีกด้วย
.
หลังจากมีการทั่วโลกมีการทำข้อตกลงด้านสภาพภูมิอากาศ ณ กรุงปารีส รวมถึงปัญหาที่มีการทิ้งเสื้อผ้าในประเทศมากกว่า 305 ล้านกิโลกรัม ทำให้ประเทศเนเธอแลนด์ได้มีนโยบายและเป้าหมายที่จะสร้างระบบหมุนเวียนทั่วประเทศให้สมบูรณ์ภายในปี พ.ศ. 2593 หรืออีกราวๆ 30 ปี เพื่อช่วยสนับสนุนข้อตกลงดังกล่าว โดยที่แบรนด์ MUD Jeans ก็ได้ให้ความร่วมมือโดยได้ช่วยทำเป้าหมายนี้ให้สำเร็จไปแล้ว 1% และดูจากผลตอบลัพธ์ของผู้บริโภคที่มีต่อแบรนด์ก็อยู่ในทิศทางที่เป็นบวกอย่างมากเลยทีเดียว
.
จากปัญหาขยะรวมถึงภาวะโลกโลกร้อนที่กำลังเกิดขึ้น แบรนด์ก็มุ่งมั่นที่จะขับเคลื่อนแบรนด์พร้อมกับสนับสนุนการเดินหน้าของประเทศไปควบคู่กัน โดยแบรนด์มีเป้าหมายที่จะเปลี่ยนยีนส์เก่าเป็นยีนส์ใหม่ทั้งหมด รวมไปถึงมีการออกบริการให้เช่ายีนส์ (Leasing jeans) เพื่อให้ลูกค้าสามารถเช่ายีนส์ได้โดยไม่จำเป็นต้องซื้อขาด โดยจะเป็นในรูปแบบการจ่ายค่าเช่ารายเดือน นอกจากลูกค้าจะช่วยรักษ์โลกได้แล้ว ยังช่วยรักษาเงินในกระเป๋าได้เป็นอย่างดี ถือเป็นการส่งเสริมให้ลูกค้าจะใช้จ่ายอย่างมีสติมากขึ้น นอกจากนี้ยังเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับลูกค้าที่ต้องการเลือกซื้อสินค้าแบบยั่งยืน ซึ่งสำหรับลูกค้าที่ตัดสินใจเช่ายีนส์ไปจะสามารถเป็นเจ้าของสินค้าได้ในเวลา 12 เดือน หรือถ้าถูกใจก็สามารถเช่าได้นานกว่านั้น สำหรับยีนส์ที่ลูกค้าได้เช่าไปแล้วส่งกลับคืนนั้นจะถูกนำไปรีไซเคิลเพื่อผลิตขึ้นเป็นยีนส์ใหม่หรืออาจนำไปขายเป็นสินค้าวินเทจต่อไป
.
และน่าทึ่งที่ยอดขายของ MUD Jeans พุ่งสูงขึ้นถึง 2 เท่าจากเดิม และนี่เป็นการพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าธุรกิจแบบหมุนเวียนนั่นสามารถเติบโตมากขึ้นได้อีกในอนาคต โดยที่แบรนด์ได้ให้สัมภาษณ์ว่า “เมื่อพูดถึงความยั่งยืนและการรีไซเคิลแล้ว โลกยังจะได้รับอะไรอีกมากมายจากอุตสาหกรรมแฟชั่นอย่างแน่นอน เราเริ่มพลิกบทบาทมาทำธุรกิจแบบหมุนเวียนเมื่อประมาณ 10 ปีที่แล้ว ในตอนแรกอาจจะมีปัญหารวมถึงมีคนไม่ค่อยเข้าใจเราบ้าง แต่เราก็ยืนยันที่จะพัฒนาและทำมันให้ดียิ่งขึ้นไปอีก”
.
“ยีนส์ทำร้ายโลกกว่าที่คิด!”
สิ่งที่น่าสนใจคือ การผลิตยีนส์เป็นอีกหนึ่งอุตสาหกรรมที่ก่อให้เกิดมลพิษมากที่สุดหากผลิตด้วยวิธีที่ล้าสมัย แต่ในขณะเดียวกันยีนส์ก็เป็นเสื้อผ้าที่ผู้คนนิยมใส่มากที่สุด เพราะไม่ว่าใครก็ต้องมีกางเกงยีนส์อย่างน้อย 1 ตัวเป็นของตัวเอง สำหรับการผลิตยีนส์ 2 พันล้านตัวที่สามารถขายได้ต่อ 1 ปี จะต้องใช้น้ำประมาณ 8,000 ลิตรต่อยีนส์คู่นึง แต่ MUD Jeans สามารถลดการใช้น้ำลงได้ถึง 92% เนื่องจากวัสดุอย่างผ้าฝ้ายรีไซเคิลและผ้าฝ้ายออร์แกนิกรวมถึงการซักนั้นเป็นนวัตกรรมการผลิตสมัยใหม่ทั้งหมด นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมการเปลี่ยนแปลงของ MUD Jeans ถึงได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าขนาดนี้ เพราะว่าแบรนด์ได้ช่วยสร้างประโยชน์ให้กับโลกและลูกค้าก็เลยพร้อมที่จะสนับสนุนแบรนด์กลับเช่นเดียวกันเพราะการช่วยโลกก็เหมือนกับการช่วยลูกค้านั่นเอง
.
สำหรับการวางขายสินค้าในคอนเซปต์ “Lease A Jeans” นั้น MUD Jeans ได้วางจำหน่ายบนหน้าร้านค้าออนไลน์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และจะทำการวางจำหน่ายหน้าร้านในเร็วๆ นี้ และเพื่อเป็นการช่วยเหลือร้านค้ารายย่อย จึงเปิดให้ร้านค้าปลีกทุกร้านสามารถขาย MUD Jeans ได้ทุกรุ่นโดยที่ไม่ต้องตุนสินค้าเอาไว้แต่จะช่วยทำการส่งสินค้าถึงลูกค้าให้โดยตรง และทางแบรนด์มั่นใจอย่างมากว่าการเช่ายีนส์ที่แบรนด์ทำมานานแต่ปรับเปลี่ยนเป็นรูปแบบใหม่นี้จะสามารถทำให้ผู้ค้าปลีกสามารถฟื้นตัวจากเศรษฐกิจได้ดีขึ้นอย่างรวดเร็วแน่นอน
.
แนวโน้มของอุตสาหกรรมโลกนั้นมีความมุ่งมั่นที่จะสร้างอุตสาหกรรมเพื่อความยั่งยืนมากขึ้น ดังนั้นไม่เพียงแค่อุตสาหกรรมผ้ายีนส์และแฟชั่นที่ต้องเป็นผู้รับผิดชอบหลัก แต่ยังรวมไปถึงอุตสาหกรรมทุกรูปแบบก็ควรที่จะให้ความสำคัญในเรื่องนี้มากขึ้นเช่นกัน ดังนั้นสำหรับผู้ประกอบการทุกท่านก็ควรที่จะเริ่มปรับเปลี่ยนการดำเนินธุรกิจเพื่อความยั่งยืนมากขึ้น นอกจากจะเป็นกลยุทธ์ที่ดึงดูดลูกค้าได้มากขึ้นแล้วนั้นก็ยังเป็นการช่วยแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมโลกได้อย่างยั่งยืนอีกด้วย
.
ที่มา : กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ https://www.ditp.go.th/ditp_web61/article_sub_view.php?filename=contents_attach/730423/730423.pdf&title=730423&cate=413&d=0
https://fashionunited.uk/news/fashion/mud-jeans-proves-that-circular-entrepreneurship-is-the-future/2021031054305
https://mudjeans.eu/
.
#อายุน้อยร้อยล้าน #ryounoi100lan
#อายุน้อยร้อยล้านNEWS
#MUDJeans #ธุรกิจให้เช่า #Fastfashion #แฟชั่น #กาเกงยีนส์ #ธุรกิจหมุนเวียน #แฟชั่นยั่งยืน #Business #ธุรกิจ #ไอเดียธุรกิจ
ธุรกิจให้เช่า 在 อายุน้อยร้อยล้าน Facebook 的最讚貼文
ธุรกิจเช่า(ใช้) ลงทุนครั้งเดียว แต่ทำเงินได้ตลอดจากลูกค้าขี้เบื่อ เปลี่ยนบ่อย!
.
อีกหนึ่งธุรกิจที่มาแรง และได้รับความสนใจจากทั้งผู้ประกอบการและผู้บริโภค ก็คือ ธุรกิจให้เช่า(ใช้) สินค้าต่าง ๆ ตั้งแต่เสื้อผ้า เครื่องประดับ กระเป๋า รองเท้า ไปจนถึงเฟอร์นิเจอร์ เป็นต้น เนื่องจากสถานการณ์ปัจจุบัน ผู้บริโภคมีพฤติกรรมไม่อยากเสียเงินก้อนใหญ่ภายในครั้งเดียว และต้องการเก็บเงินสดไว้กับตัวให้ได้มากที่สุด การตัดสินใจซื้อแต่ละครั้งจึงเป็นไปได้ยากและคิดนานกว่าปกติ
.
ไม่เพียงเท่านั้น ด้วยพฤติกรรมขี้เบื่อของผู้บริโภคในปัจจุบัน ที่ใช้ของต่าง ๆ เพียงแค่ตามเทรนด์แฟชั่นหรือความนิยม ณ ช่วงเวลาหนึ่ง เมื่อเทรนด์เก่าหายไป มีเทรนด์ใหม่มาแทนที่ นานวันเข้าผู้บริโภคจะรู้สึกเบื่อและไม่ต้องการใช้ของชิ้นนั้นอีก ทำให้ของชิ้นนั้นถูกทิ้งหรือเก็บไว้โดยเปล่าประโยชน์ แล้วเปลี่ยนมาซื้อของตามเทรนด์ใหม่ๆ แทน
.
เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค ธุรกิจต่าง ๆ จึงเริ่มมีการนำโมเดลธุรกิจการให้เช่า มาใช้ นอกจากจะดึงดูดลูกค้าได้แล้ว ยังไม่จำเป็นต้องลงทุนมากด้วย แค่ลงทุนเพียงครั้งเดียว ของหนึ่งชิ้นที่ให้เช่าก็สามารถทำเงินให้ธุรกิจไปตลอดเพราะเมื่อถึงกำหนดต้องคืน หรือเมื่อไหร่ที่ลูกค้าเบื่อแล้ว เขาก็นำมาคืน และเปลี่ยนเป็นสินค้าแบบอื่นแทน ส่วนสินค้านั้นเราก็สามารถนำไปให้ลูกค้ารายอื่นเช่าใช้ต่อได้จนกว่ามันจะเสื่อมสภาพ ไม่สามารถใช้งานได้อีกแล้ว
.
โดยสินค้าที่ผู้บริโภคนิยมเช่าใช้ คือ เฟอร์นิเจอร์ 45%, ระบบเกม 37%, เสื้อผ้า 35%, เครื่องมือต่าง ๆ 35%, เทคโนโลยี 33%, เครื่องประดับ 29% และเครื่องใช้ภายในบ้าน 29% ซึ่งเหตุผลหลัก ๆ ที่ผู้บริโภคเลือกใช้บริการเช่าใช้ เนื่องจาก ต้องการทดลองใช้สินค้าก่อนตัดสินใจซื้อ, ต้องการวิธีแก้ปัญหาเพียงชั่วคราว, ต้องใช้สินค้าหรือบริการในช่วงเวลาสั้นๆ และเห็นว่าการเช่ามีราคาถูกกว่าการซื้อ รวมถึงมีความสะดวกสบายมากกว่าที่จะต้องซื้อด้วยเงินสดก้อนใหญ่
.
ตัวอย่างแบรนด์ยักษ์ใหญ่ที่ทำธุรกิจให้เช่า(ใช้) คือ IKEA แหล่งรวมเฟอร์นิเจอร์และของแต่งบ้านที่ครบครัน ก็ได้ประกาศให้เช่าเฟอร์นิเจอร์ เพื่อเอาใจคนชอบแต่งบ้านแต่ไม่อยากซื้อใหม่ รวมถึงคนที่ใส่ใจถึงผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม ที่ไม่อยากให้มีขยะเพิ่มขึ้นจากของที่ไม่ได้ใช้แล้ว
.
หรืออย่างล่าสุดกับ J. Front Retailing ผู้ประกอบการห้างสรรพสินค้ารายใหญ่ของญี่ปุ่นออกกลยุทธ์ดึงดูดลูกค้า เปิดให้เช่าเสื้อผ้าแบรนด์ดังระดับ Hi-End กว่า 50 แบรนด์จำนวน 3 ชิ้น ในราคาเพียง 11,000 เยน หรือประมาณ 3,000 บาท/เดือน ในรูปแบบบริการสมัครสมาชิก ซึ่งเรียกเสียงฮือฮาจากผู้คนทั่วไปได้อย่างมากเลยทีเดียว
.
สำหรับในไทยก็มีเช่นกัน Siam Borrow Bag ได้จับจุดความขี้เบื่อ แต่อยากมีไอเทมหรูมาไว้ข้างกายของคนยุคใหม่ ด้วยบริการเปิดให้เช่าสินค้าแบรนด์เนมแท้ ทั้งกระเป๋า เสื้อผ้า แว่นกันแดด และรองเท้า
.
เรียกได้ว่า การ “เช่า(ใช้)” นั้นถือเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ของธุรกิจที่ไม่ควรมองข้าม และยังสามารถตอบโจทย์สำหรับผู้บริโภคยุคนี้ได้เป็นอย่างดี ทั้งกลุ่มคนที่ไม่ชอบความซ้ำจำเจ อยากได้ของแบบใหม่ แบบสุดคุ้ม โดยไม่จำเป็นต้องควักเงินก้อนใหญ่ออกมาจ่ายเพียงครั้งเดียว แต่ยังสามารถเก็บเงินจำนวนนั้นไว้ใช้ยามฉุกเฉินหรือค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่จำเป็นมากกว่า รวมถึงยังตอบโจทย์สำหรับผู้บริโภคที่รักษ์โลก ต้องการใช้ของที่คุ้มค่า และไม่ส่งผลร้ายต่อโลก
.
อย่างไรก็ตาม ธุรกิจอื่นๆ ก็สามารถนำกลยุทธ์ การเช่า(ใช้) มาปรับใช้และสร้างเป็นกิมมิกของแบรนด์ ในการทำการตลาด หรือสร้างกิจกรรมต่างๆ เพื่อส่งเสริมการขาย และยังช่วยให้ลูกค้าได้ประหยัดค่าใช้จ่ายมากขึ้น เนื่องจากไม่ต้องจ่ายมากเท่ากับซื้อสินค้าใหม่ แถมยังมีสินค้าหลากหลายประเภทให้เลือกสรร ที่สำคัญแบรนด์เองก็ยังสามารถสร้างเงินจากการหมุนเวียนสินค้าชิ้นเดิม เพิ่มเติมคือการได้เงินจากผู้ใช้รายใหม่อยู่เรื่อยๆอีกทางหนึ่ง
.
ที่มา : https://kasikornbank.com/.../Inspired/Inspired-Sep-2020.aspx
#อายุน้อยร้อยล้านNEWS
#อายุน้อยร้อยล้าน #ryounoi100lan
#เช่าใช้ #ธุรกิจให้เช่า #Business