มังงะแนะนำครับ Kageki Shoujo かげきしょうじょ
อนิเมเรื่องนี้กำลังฉายอยู่
ซึ่งที่ผ่านมาผมไม่เอามารีวิวเพราะอยากดูจนจบก่อนสรุป
แต่หลังดูไปได้สักพักก็เกิดอาการติดลมบน
ทนไม่ไหว เลยไปซื้อมังงะต้นฉบับมาอ่านรวดเดียวจบ
และขอบอกว่า นี่เป็นผลงาน 10/10 !!!!
-------------------------------
อธิบายเรื่องในโลกจริงก่อน
คณะละคร Takarazuka 宝塚歌劇団
เป็นคณะละครที่มีประวัติมากว่า 100 ปี
และมีเอกลักษณ์โดดเด่นที่นักแสดงทุกคนเป็นผู้หญิงหมด
และมีโรงเรียนดนตรีของคณะละคร
ที่ก่อตั้งมาเพื่อฝึกเด็กมาเพื่อร่วมคณะโดยเฉพาะ
โดยที่โรงเรียนในเรื่องนั้น
ถูกออกแบบโดยเอาโรงเรียนนี้เป็นต้นแบบ
----------------------------------------
ตัวเอกของเรื่องเป็นนักเรียนหญิงที่เข้ามาศึกษาในโรงเรียนนี้
เพื่อเข้าร่วมคณะละครกัน
ซึ่งสิ่งหนึ่งที่มีความโดดเด่นมาก
คือการที่เรื่องนี้เป็นเรื่องราวที่แต่งโดย
ผู้รู้ว่าการแสดงคืออะไร
คือไม่ใช่รู้ในระดับแค่ว่าเป็นผู้ชมไปนั่งดู
แต่รู้ถึงขั้นทฤษฏีและการปฏิบัติ
เช่น การจำลองกลุ่มผู้ชม
การตีความบท
การใช้ภาษากาย
การจัดฉาก
และอื่นๆ
และยังรวมไปถึงการแสดงอื่นที่ใกล้เคียงกัน
เช่น คาบุกิ กลุ่มไอดอล อีกด้วย
คือนอกจากความบันเทิงแล้ว
นี่ยังเป็นผลงานที่มีค่าในด้านการอ่านเพื่อศึกษาการแสดงด้วย
----------------------------------
ยกตัวอย่าง
ตัวละครหนึ่งมีพื้นหลังเกี่ยวกับการแสดงคาบุกิ
ซึ่งในวงการคาบุกินั้น
จะให้ค่ากับคนที่สืบทอดการแสดงของคนรุ่นก่อนมาได้เหมือนสุด
แต่ผู้ชมคณะละครหญิงนั้น
จะให้ค่ากับนักแสดงแต่ละคนในฐานะปัจเจกชน
คุณจึงถือว่าไม่มีค่า
หากคุณไม่สามารถเสนอการแสดงที่เป็นตัวของคุณเองได้
เป็นต้น
------------------------------------
เรื่องนีัจะมีตัวละครอยู่คนหนึ่งที่เราอาจเรียกได้ว่าเป็น "ตัวเอก"
แต่ตัวละครนักเรียนแทบทุกคนนั้น
ถูกจัดบทออกมาให้มีสถานะที่เรียกว่าเป็นตัวเอกกันได้หมด
คือต่างก็มีเรื่องราวเฉพาะ
ที่เขาเป็นตัวเอกในเรื่องราวของตัวเอง
ขนาดคนที่เป็น "นางร้าย" ในเรื่อง
ก็ยังมีบทที่ตัวเธอเองนั้นเป็นนางเอก
มีทั้งจบแบบเฮฮา จบแบบดราม่า จบแบบเศร้า
ชีวิตครบทุกรสชาติ
ราวกับว่าเรากำลังดูละครสั้นในละครเรื่องยาวอีกที
ซึ่งเข้ากันกับธีมของเรื่องอย่างสุดๆ
---------------------------------
ซึ่งการแข่งขันในเรื่องนี้
หลักๆจะเป็นเรื่องการแย่งบทและตำแหน่งในฐานะนักแสดงจริง
แต่เราสามารถเชียร์ตัวละครได้ทุกตัว
ขึ้นอยู่กับว่าคุณเป็นคนประเภทไหน
โดยที่การแข่งขันในเรื่องนะ
มันไม่ใช่ของประเภทเราเห็นคนอื่นเป็นศัตรูที่ต้องกำจัด
แต่เห็นว่าเป็นคู่แข่ง
ที่เราต้องชนะโดยการพัฒนาตนให้เหนือกว่าได้
และต่อให้แพ้
ทุกคนก็ยังเป็นเพื่อนกันต่อ
ไม่ได้เป็นศัตรูต่อกัน
ทำให้ต่อให้คนที่คุณเชียร์จะแพ้
แต่เราก็สามารถรู้สึกตื้นตันใจ
ไปกับความพยายามของพวกเขากันได้
---------------------------------
เรื่องนี้เป็นไม่กี่เรื่องที่ผมอยากจะแนะนำว่า
คุณควรอ่านทั้งมังงะ และดูอนิเมด้วย
เพราะทั้งสองอย่าง ล้วนก็มีความสุนทรีย์เป็นของตัวเอง
ที่อีกฝ่ายมอบให้ไม่ได้
ฉบับมังงะ
ใช้ภาพได้โดดเด่นในแบบมังงะ
การแบ่งช่องและภาษากายของตัวละครนั้นงดงาม
ใช้การตัดขาวถมดำเสนออารมณ์ที่ต่างกัน
มีเนื้อหาที่ออกไปทางเพศและสังคมผู้ใหญ่ผสมเข้ามาบางส่วน
ฉบับอนิเมอาจด้อยกว่าด้านการใช้แสง
แต่เสียงเพลงและดนตรีนั้นงดงามสมกับเป็นเรื่องเกี่ยวกับคณะละคร
และยังมีการปรับบทให้การดำเนินเรื่องนั้นลื่นไหลขึ้นในฐานะอนิเม
ไม่ว่าคุณจะดูฉบับไหน
มันก็มีค่าในแบบของมันทั้งนั้น
เป็นสุดยอดผลงานที่ควรค่าแก่การดูมาก
ให้ 10/10 ครับ !!!
-----------------------------------------
-----------------------------------------
เสริมหน่อย
สมมุติว่านี่เป็นเรื่องที่เกิดในไทยแทน
ผมเชื่อว่าเขาจะสามารถนำเสนอความรู้ด้านนาฏศิลป์ไทย
โดยไม่ให้คนรุ่นเก่ามาบ่นว่าลบหลู่ของสูง
และไม่ให้คนรุ่นใหม่รู้สึกอยากเบือนหน้าหนีได้
คือถ้ามีคนมาบอกว่า
ผลงานนี้ลบหลู่ของสูง
หรือบอกว่าหัวโบราณนี่
มันจะกลายเป็นเรื่องอคติของคนดูล้วนๆแล้วครับ
https://www.amazon.co.jp/%E3%81%8B%E3%81%92%E3%81%8D%E3%81%97%E3%82%87%E3%81%86%E3%81%98%E3%82%87%EF%BC%81%EF%BC%81-1-%E8%8A%B1%E3%81%A8%E3%82%86%E3%82%81%E3%82%B3%E3%83%9F%E3%83%83%E3%82%AF%E3%82%B9-%E6%96%89%E6%9C%A8%E4%B9%85%E7%BE%8E%E5%AD%90-ebook/dp/B01CTV6JNY/
同時也有13部Youtube影片,追蹤數超過11萬的網紅ลงทุนแมน,也在其Youtube影片中提到,“ปีแรกมีลูกค้า 40,000 ราย ผ่านมา 5 ปี เอไอเอส มีลูกค้า 1,260,000 ราย” ศึกษาแนวคิดคุณกิตติ งามเจตนรมย์ หัวหน้าฝ่ายงาน ธุรกิจฟิกซ์บรอดแบนด์ เอไอเอส ในวั...
「ยกตัวอย่าง」的推薦目錄:
- 關於ยกตัวอย่าง 在 Facebook 的精選貼文
- 關於ยกตัวอย่าง 在 Facebook 的精選貼文
- 關於ยกตัวอย่าง 在 ลงทุนแมน Facebook 的精選貼文
- 關於ยกตัวอย่าง 在 ลงทุนแมน Youtube 的最讚貼文
- 關於ยกตัวอย่าง 在 Kamerr inter แขมร อินเตอร์ Youtube 的精選貼文
- 關於ยกตัวอย่าง 在 คอมคร้าบ Youtube 的最佳貼文
- 關於ยกตัวอย่าง 在 คำที่ใช้ประกอบในการยกตัวอย่าง : เช่น... - เรียงร้อย ภาษาไทย 的評價
- 關於ยกตัวอย่าง 在 #จีนกลาง ไม่มี... ยกตัวอย่างกัน 没有... - YouTube 的評價
ยกตัวอย่าง 在 Facebook 的精選貼文
หมายเหต โพสต์นี้โพสต์บ่น
Isekai Nonbiri Nouka ชาวไร่สโลว์ไลฟ์ต่างโลก
เรื่องนี้ผมเคยเขียนแนะนำหลายครั้งแล้ว
เพราะเป็นผลงานโปรดที่ชอบมาก
เป็นไม่กี่เรื่องที่ผมเอามาอ่านซ้ำเกิน 5 รอบได้แล้วไม่เบื่อ
ซึ่งตรงนี้ผมก็อยากจะขอบ่นหน่อยครับว่า
เวลาที่เอาเรื่องนี้มาพูดกัน
มันจะมีพวกคนที่มาชอบคอมเม้นท์ว่า
อ้อ นี่เรื่องที่แข่งมีลูกกับหมาใช่ไหม?
เพราะมันมีคนที่ไปเล่นมุขประเด็นนี้อยู่
แล้วคนที่ไม่ได้อ่านจริงๆก็จำได้แต่เรื่องนี้
โดยไม่ได้เข้าถึงความลึกของเนื้อหาเลย
ซึ่งผมได้ฟังแต่ละทีก็ขัดใจอยู่พอดู
ว่ามันมีเนื้อหาอื่นให้พูดอีกตั้งเยอะ
พวกมึงจำกันได้แต่เรื่องสัปดนงั้นนั้นเหรอ?
------------------------------
อธิบายครับ
เรื่องของการมีลูกแข่งกับหมานั้น
มันมีต้นเรื่องอยู่ว่า
ตอนแรกพระเอกอยู่ตัวคนเดียว
แล้วเลี้ยงหมาป่าไว้สองตัว
แล้วหมาป่านั้นมีลูกเป็นโขลงไม่พอ
พวกลูกๆไปล่าเอาหมาป่าตัวอื่นๆมาร่วมฝูง
จนมีเป็นร้อยกว่าตัว
ในขณะที่ตัวเอกเป็นมนุษย์เดินสองขาคนเดียวในหมู่บ้าน
พอมีผู้หญิงมาอาศัยกับพระเอกด้วย
แกก็เลยระบายความเหงา
แต่คุณภริยาคนเดียวรับภาระบนเตียงไม่ไหว
เลยไปล่าผู้หญิงคนอื่นๆให้มาแบ่งเบาภาระกัน
จนพระเอกนี่มีเมียเยอะมาก
ถ้าเฉพาะคนที่มีลูกด้วยก็ประมาณ 10 กว่าคน
ก็เลยมีคนมาเล่นมุขกันว่า
นี่เป็นเรื่องเกี่ยวกับคนแข่งมีลูกกับหมา
-----------------------------------
แต่เรื่องนี้จะต่างกับฮาเร็มเรื่องอื่นๆทั่วไป
ตรงที่เหล่าภรรยานั้น
ส่วนใหญ่ไม่ได้มาอยู่ด้วยเพราะอยู่ๆก็มาชอบพระเอก
แต่เป็นเพราะเหตุทางด้านกฏทางสังคมในโลกนั้นๆ
ซึ่งก่อนที่เราจะลงลึก
เราต้องอธิบายสภาพของโลกนี้ก่อนว่า
มันเป็นโลกที่ผู้คนส่วนใหญ่นั้นอดอยาก
ในขณะที่พระเอกได้พรจากเทพีเกษตร
ทำให้ทำไร่นาปลูกอะไรก็ขึ้น
คนที่ย้ายมาอยู่อาศัยกับพระเอกส่วนหนึ่ง
คือผู้คนที่ใช้ชีวิตอย่างแร้นแค้นจะอดตายกัน
และมาใช้ชีวิตปกติกันได้เพราะพลังของพระเอก
และการที่ผู้หญิงตัวแทนของแต่ละกลุ่ม
ต่างก็เสนอตัวให้พระเอกนั้น
เป็นการทำไปเพื่อผูกสัมพันธ์
และสร้างจุดยืนของกลุ่มในหมู่บ้าน
เป็นการรับรองการอยู่รอดของตัวเอง
-------------------------------------
ซึ่งพระเอกนั้นเดิมทีเป็นคนญี่ปุ่นที่มีแนวความคิดค่อนข้างเสรี
และส่วนมากก็ปล่อยให้คนอื่นนั้นทำตามใจชอบกัน
แต่ผู้คนในโลกนี้ส่วนใหญ่มีแนวคิดอำนาจนิยม
ที่ถือว่าทุกคนต้องร่วมแรงร่วมใจทำอย่างเดียวกัน
เพื่อการอยู่รอดของสังคม
และเพื่อไม่ให้ตัวเองต้องกลับไปใช้ชีวิตอดอยากอีก
ซึ่งถึงแม้ว่าพระเอกจะเห็นว่า
สิ่งที่ตัวเองทำเป็นแค่การช่วยเหลือกัน
แต่สำหรับคนอื่นๆแล้ว
พวกเขาคือคนที่มาอาศัยบารมีของพระเอก
เพื่อการอยู่รอดไม่อดตาย
และความคลาดเคลื่อนกันของพระเอกที่มีแนวคิดเสรีนิยม
กับคนอื่นๆในโลกที่มีแนวคิดอำนาจนิยม
นั้นเป็นตัวที่ใช้ผลักดันเนื้อหาเกือบทั้งหมดในเรื่อง
---------------------------
ยกตัวอย่าง
มีอยู่ตอนหนึ่งที่ประชุมกันเรื่องบทลงโทษ
ว่าถ้ามีการขโมยกัน จะให้ทำยังไง
พระเอกเห็นว่า
ถ้าอยู่แล้วจะสร้างปัญหาก็ให้ไปอยู่ที่อื่นละกัน
จะเอามาขังคุกมันน่าสงสาร
แต่ไม่ได้รู้เลยว่า
สำหรับชาวบ้านคนอื่นแล้ว
ให้ออกไป = เนรเทศ = ส่งไปตาย
เพราะคนอื่นไม่สามารถใช้ชีวิตด้วยตัวเองได้
ถ้าต้องถูกขับออกมาจากสังคมนั้น
ขอยอมติดคุกยังจะดีกว่า
คนที่สร้างปัญหาในหมู่บ้านเลยไม่มีกัน
เพราะกลัวการถูกเนรเทศกันมาก
----------------------------------------------
ซึ่งในช่วงแรกของเรื่องนั้น
คนในหมู่บ้านใช้ชีวิตใต้ระบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์
ที่ทุกอย่างนั้นเป็นของพระเอกหมด
เราแค่มาขออยู่อาศัย
มีที่ซุกหัวนอนกับอาหารก็พอแล้ว
และถ้าตัดพระเอกออกไป
ที่เหลือก็เหมือนจะเป็นคอมมิวนิสต์
ที่ทรัพย์สินทุกอย่างเป็นของส่วนรวม(พระเอก)
ไม่มีใครมีทรัพย์สินส่วนตัวเลย
ทำให้ไม่ว่าใครจะทำงานเท่าไหร่
ผลผลิตทุกอย่างมันก็กลับมาที่ตัวพระเอกหมด
และไม่มีใครที่เป็นอิสระจากสังคมได้สักที
ตัวเอกที่เป็นคนเชื่อในเสรีนิยม
เชื่อว่าแต่ละคนนั้นควรจะมีความเห็นแก่ตัวบ้าง
และควรที่จะเป็นอิสระใช้ชีวิตของตนได้
จึงพยายามหาทางแก้ไข
ทำให้เกิดระบบ "เหรียญตอบแทน" ในหมู่บ้านขึ้นมา
------------------------------
เงินเป็นของที่ไม่มีค่าในหมู่บ้านของพระเอก
เพราะถูกตัดขาดออกจากโลกภายนอก
และผลผลิตทุกอย่างก็จะถูกแจกจ่ายให้ทุกคน
ทำให้พระเอกไม่สามารถให้เงินเดือน
เพื่อเป็นการตอบแทนการทำงานของชาวบ้านได้
แต่สิ่งที่ "เหรียญตอบแทน" ต่างจากเงินทั่วไปคือ
มันเป็นเหมือนคูปองที่สามารถเอามาใช้แลกของ
อย่างเช่น ชาวบ้านทุกคนนอนบนเสื่อฟางกัน
ไม่มีใครที่นอนเตียง
เพราะถ้าจะทำก็ต้องทำให้เท่าเทียมกันทุกคน
และใครที่ดีดตัวออกไปก็จะโดนเพ่งเล็งว่าเห็นแก่ตัว
แต่ "เหรียญตอบแทน" นั้น
เป็นสิ่งที่สามารถเอามาใช้แลกเตียงได้
และเตียงนั้นถือเป็น "ทรัพย์สินส่วนตัว"
ที่ได้มาอย่างชอบธรรมจากระบบที่กำหนดโดยผู้มีอำนาจ
ทำให้คนอื่นไม่สามารถถือว่านั่นเป็นการกระทำที่ผิดได้
และสถานการณ์ของคนในหมู่บ้านนั้น
ก็ค่อยๆเคลื่อนเข้าสู่ความเป็นปัจเจกและเสรีนิยมทีละน้อย
---------------------------------
ซึ่งความยอดเยี่ยมของเรื่องนี้มีอยู่ว่า
การเปลี่ยนแปลงนั้น
มันไม่ใช่เรื่องหุนหันพลันแล่นแค่ไม่กี่ตอน
อย่างสมมุติว่านี่เป็นนิยายทั่วไปแล้วละก็
คนอื่นๆจะต้องมาซูฮกกับความก้าวหน้าของพระเอกกัน
แล้วเปลี่ยนกันแทบจะทันที
ทั้งๆที่มันไม่ได้สมเหตุสมผลกับสภาพสังคมนั้นๆ
แต่ในเรื่อง Isekai Nonbiri Nouka นี้
การเปลี่ยนแปลงทางสังคมนั้น
ใช้เวลานานเป็นหลักปี ค่อยๆเปลี่ยนทีละน้อย
ถ้าคุณอ่านแบบเป็นเฉพาะตอนๆไป
คุณอาจจะนึกว่ามันเป็นแค่เรื่องคนใช้ชีวิตเรื่อยเปื่อย
ไม่ได้มีอะไร
แต่ถ้าคุณอ่านแบบดูเนื้อหารวม
ดูการเปลี่ยนแปลงทางสังคมแบบข้าม 1-2 เล่ม
ความแตกต่างนั้นจะสามารถเห็นได้ชัดขึ้น
ซึ่งการเปลี่ยนแปลงทีละน้อย
โดยถือว่าตัวเองก็ไม่ได้ถูกทุกเรื่อง
และไม่ดูแคลนแนวคิดของคนอีกฝากว่าตกยุคนะ
เป็นเสน่ห์ที่ทำให้ผลงานนี้
โดดเด่นกว่าผลงานต่างโลกเรื่องอื่น
และควรค่าแก่การอ่านเพื่อศึกษาด้านสังคมด้วยครับ
//--------------------------------
เสริมหน่อย ใครพิมพ์ลิขสิทธิ์อยู่ไม่ทราบครับ
แต่เขาเครือ Kadokawa
Phoenix Next อาจจะมี
แล้วฉบับมังงะนี่
เนื้อหาตัดออกจากฉบับนิยายมาก
จะเน้นความเรื่อยๆ
ถ้าคุณอยากคิดเยอะหน่อย
แนะให้อ่านฉบับนิยายครับ
ยกตัวอย่าง 在 ลงทุนแมน Facebook 的精選貼文
BMW กับแผนการเป็นเบอร์ 1 ของโลก ในตลาดรถหรูพลังงานไฟฟ้า
BMW X ลงทุนแมน
รถยนต์คันแรกของ BMW เกิดขึ้นเมื่อ 93 ปีก่อน โดยมีชื่อรุ่น BMW 3/15 PS
ซึ่งเวลานั้น สร้างกระแสไปทั่วโลกเมื่อสามารถชนะการแข่งขันรายการ Alpine Rally
ตั้งแต่ ณ วันนั้น BMW ก็พัฒนาทั้งดีไซน์รถที่สวยหรูและเทคโนโลยีที่ถูกอัปเกรดขึ้นเรื่อย ๆ
จนกลายเป็นแบรนด์รถยนต์ระดับ Luxury แถวหน้าของโลก
ด้วยยอดขายปีละมากกว่า 2 ล้านคัน
สิ่งที่น่าสนใจคือความสำเร็จ ณ วันนี้ BMW กลับไม่ได้นิ่งเฉย
เมื่อเป้าหมายล่าสุดของ BMW ในอนาคตอันใกล้
คือต้องการเป็นผู้นำระดับโลกในตลาดรถหรูพลังงานไฟฟ้า
รู้หรือไม่ว่า ภายในปี พ.ศ. 2568 หรืออีก 4 ปีข้างหน้า
BMW จะมีรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 25 รุ่น โดยมีถึง 12 รุ่น ที่เป็น EV Car
ส่วนที่เหลือก็จะเป็นรถกลุ่ม Hybrid ประเภทต่าง ๆ
ยิ่งหากเจาะลึกเรื่องนี้ลงไปอีกจะพบว่า โรงงานผลิตของ BMW ใน 15 ประเทศทั่วโลก
ได้เปลี่ยนการใช้พลังงานไฟฟ้าในโรงงานที่มาจากแหล่งพลังงานหมุนเวียน 100%
จนถึงกระบวนการผลิตรถต่าง ๆ ก็เปลี่ยนแปลงไปจากอดีต
ทำไม BMW ถึงให้ความสำคัญและจริงจังกับเรื่องเหล่านี้
และหากทำสำเร็จตามแผน BMW จะได้ประโยชน์อะไรบ้าง
ลงทุนแมนจะวิเคราะห์ให้ฟัง
องค์การอุตุนิยมวิทยาโลก คาดการณ์ว่าในปี 2050
หากโลกยังคงมีอุณหภูมิสูงขึ้นเรื่อย ๆ อาจต้องเผชิญสารพัดวิกฤติ
เช่น หลายเมืองอาจเกิดน้ำท่วมรุนแรง, ผลผลิตทางการเกษตรทั่วโลกตกต่ำ
แล้วหนึ่งผู้ก่อการร้ายที่ทำให้โลกร้อนก็คือ รถที่วิ่งบนท้องถนนทั่วโลก
ที่ปล่อยก๊าซ CO2 ในแต่ละปีกันอย่างมหาศาล
เรื่องที่เกิดขึ้นทำให้ภาครัฐและค่ายผู้ผลิตรถยนต์ทั่วโลกไม่ได้นิ่งนอนใจ
เพราะต่างรู้ดีว่า หากโลกถูกทำร้ายจนวันหนึ่งทนไม่ไหว
มลพิษต่าง ๆ ที่สะสมมายาวนาน ก็จะระเบิดออกมา
แน่นอนว่า มนุษย์ทุกคนจะได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง
ทำให้ค่ายผู้ผลิตรถยนต์ต่างเดินหน้ามุ่งไปสู่รถยนต์พลังงานไฟฟ้า
เพราะนี่คือยนตรกรรมไร้ควันพิษ พร้อมทั้งรัฐบาลในแต่ละประเทศก็สนับสนุนเรื่องนี้จริงจัง
BMW ก็เชื่อว่า หากเริ่มสตาร์ตไปที่เทรนด์รถพลังงานไฟฟ้าเร็วกว่าคนอื่น ๆ
โอกาสที่จะยืนเป็นเบอร์หนึ่งในอุตสาหกรรมรถหรูในอนาคตก็ไม่ใช่เรื่องยาก
เหตุผลก็เพราะเมื่อถึงวันที่ท้องถนนทั่วโลกพร้อมใจไปสู่รถพลังงานไฟฟ้า
BMW ก็จะมีเทคโนโลยีที่เหนือกว่า, ฐานลูกค้าที่มากกว่า และแบรนด์ที่คนทั่วโลกเชื่อมั่น
รู้หรือไม่ว่า จริง ๆ แล้ว BMW เริ่มต้นพัฒนาเทคโนโลยีรถไฟฟ้าตั้งแต่เมื่อ 40 กว่าปีที่แล้ว
โดยมีชื่อว่า BMW 1602e ซึ่งเป็นการผลิตเพื่อทดลองไม่ได้จำหน่ายในตลาด
มาถึงในปี พ.ศ. 2551 หรือเมื่อ 13 ปีที่แล้ว
BMW เริ่มหันมาจริงจังกับการผลิตรถพลังงานไฟฟ้าภายใต้ชื่อ “Project i”
ซึ่งก็ผลิตรถออกมาหลายรุ่น พร้อมกับได้เสียงตอบรับที่ดี
จนปัจจุบันไอคอน i กลายเป็นจุดขายของ BMW ถึงการเป็นรถแห่งอนาคตไปแล้ว
ยกตัวอย่าง รุ่นที่เพิ่งเปิดจองในเมืองไทยเมื่อกลางปีที่ผ่านมา
BMW iX3 รถอเนกประสงค์ขับเคลื่อนไฟฟ้า 100%
ซึ่งนอกจากระบบชาร์จไฟฟ้าที่รวดเร็วแค่ 34 นาทีก็ชาร์จได้ถึง 80%
และหากเราชาร์จเต็ม 1 ครั้ง รถ iX3 คันนี้สามารถวิ่งได้ไกลถึง 460 กิโลเมตร
ทำความเร็วสูงสุด 180 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเลยทีเดียว
หรืออีกหนึ่งรุ่นที่สร้างกระแสให้ BMW โด่งดังไปทั่วโลก
และยังเป็นรถที่ใครหลาย ๆ คนรอให้มาเปิดขายในไทยอย่างเป็นทางการนั่นคือ BMW i4
เพราะนี่คือ Gran Coupé รุ่นแรกที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100%
และหากชาร์จเต็ม 1 ครั้งรถรุ่นนี้สามารถวิ่งได้ไกลถึง 600 กิโลเมตร
พร้อมกับทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 225 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
แต่ที่น่าทึ่งก็คืออัตราเร่งจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ใช้เวลาเพียงแค่ 4 วินาที
ส่วนเรื่องดีไซน์การออกแบบทั้งภายนอกและภายใน เรื่องนี้ไว้ใจ BMW ได้
เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาดีไซน์การออกแบบรถยนต์ BMW ถือว่ายืนระดับต้น ๆ ของโลก
รถตระกูล i ก็เช่นกันที่มาพร้อมสไตล์เรียบหรูแต่แฝงไปด้วยการเป็นรถของคนรุ่นใหม่
อย่างที่เกริ่นไว้ข้างต้นว่า แผนของ BMW ไม่ใช่แค่การมุ่งไปสู่ตลาดรถไฟฟ้าอย่างเดียว
แต่ยังรวมไปถึงโรงงานและกระบวนการผลิต
ทีนี้หลายคนคงถามว่าเพราะอะไร ?
หลายคนอาจยังไม่รู้ แม้รถไฟฟ้าจะช่วยลดการปล่อยก๊าซ CO2 เวลาวิ่งอยู่บนถนน
แต่ในอีกมุมหนึ่ง กระบวนการผลิตอลูมิเนียมและเซลล์แบตเตอรี่ของรถไฟฟ้า
กลับมีแนวโน้มจะปล่อยก๊าซคาร์บอนมากกว่ากระบวนการผลิตรถเครื่องยนต์สันดาป
และเพื่อแก้ปัญหานี้ ภายในปี พ.ศ. 2573
BMW จึงมีนโยบายลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ถึง 80% ในการผลิตรถแต่ละคัน
พร้อมมุ่งเป้าที่จะลด carbon footprint ใน supply chain ให้ได้ 20%
การจะทำเรื่องนี้ให้เป็นจริงได้ นอกจากระบบบริหารสภาพแวดล้อมในโรงงาน
ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานสะอาด 100% แล้วนั้น
แนวคิดรีไซเคิลก็ยังถูกนำมาใช้ อีกด้วย
ใครจะคิดว่า 99% ของเสียจากการผลิตรถยนต์ 2.5 ล้านคันในแต่ละปี
BMW จะใช้เทคโนโลยีรีไซเคิลชั้นสูงเพื่อฟื้นคืนสภาพให้ไม่ต่างจากของใหม่
และวิธีนี้ก่อให้เกิดคาร์บอนไดออกไซด์น้อยกว่ามากหากเทียบกับต้องผลิตชิ้นส่วนใหม่
ที่น่าสนใจหากนำโรงงานผลิตรถยนต์ของ BMW มาเทียบกับค่ายรถยนต์อื่น ๆ
ที่ผลิตในประเทศเยอรมนีผลปรากฏว่า BMW ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์
ในการผลิตต่ำกว่าโรงงานอื่น ๆ
ส่วนในประเทศไทยเรา ก็มีความเป็นไปได้สูง
ที่ในอนาคตข้างหน้า BMW จะผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้า
เพราะเมื่อเร็ว ๆ นี้ ก็ได้ลงทุนสร้างโรงงานประกอบแบตเตอรี่แรงดันสูง
ในอำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี
หลายคนอาจตั้งคำถาม ทำไม BMW ถึงต้องลงทุนกับเรื่องเหล่านี้ด้วยเงินมหาศาล
เชื่อว่า BMW น่าจะรู้ดีว่าในอนาคตอันใกล้โลกของยนตรกรรม
ต้องเปลี่ยนถ่ายจากรถเครื่องยนต์สันดาปมาสู่รถพลังงานไฟฟ้า
หากเริ่มต้นเร็วกว่าคนอื่น ก็จะได้เปรียบในทุกมิติการแข่งขัน
และในขณะเดียวกัน BMW มีความเชื่อที่ว่า
สิ่งแวดล้อม สังคม ธุรกิจของตัวเอง ทุกอย่างมันต้องเติบโตไปพร้อม ๆ กัน..
References:
-https://www.press.bmwgroup.com/global/article/detail/T0342172EN/the-bmw-group-emphas:izes-its-consistent-focus-on-sustainability-at-the-2021-iaa-mobility:-more-stringent-co2-targe:ts-go-hand-in-hand-with-concrete-measures-and-concepts-for-implementation
-https://www.bmw.co.th/th/topics/fascination-bmw/electromobility/sustainability.html
-https://www.bmw.co.th/th/topics/fascination-bmw/all-news/2019/21-06-19-bmw-the-future-of-mobility.html
-https://car.kapook.com/view115047.html
-https://www.greenpeace.org/thailand/story/1729/1-5degrees/
-https://www.bmw.co.th/th/topics/fascination-bmw/all-news/2019/21-06-19-bmw-the-future-of-mobility.html
ยกตัวอย่าง 在 ลงทุนแมน Youtube 的最讚貼文
“ปีแรกมีลูกค้า 40,000 ราย ผ่านมา 5 ปี เอไอเอส มีลูกค้า 1,260,000 ราย”
ศึกษาแนวคิดคุณกิตติ งามเจตนรมย์ หัวหน้าฝ่ายงาน ธุรกิจฟิกซ์บรอดแบนด์ เอไอเอส
ในวันที่ธุรกิจ อินเตอร์เน็ต บรอดแบนด์ อยู่ในสงครามราคา เอไอเอส สร้างคำว่า “ต่าง” ได้อย่างไร
คือถ้าทำแล้วขาดทุน คงไม่ทำกัน ถูกไหมครับ
ก็คือต้องพยายามที่จะรักษา ในเรื่องของกำไรของตัวเองให้ได้
เพราะฉะนั้นราคามีเล่นไหม เล่น แต่จะไม่ลึก
สิ่งที่เกิดขึ้น พอเราไม่เล่นกันด้วยราคา
สิ่งที่เราจะมาตอบโจทย์ลูกค้าได้มากคือเรื่องอะไร
ก็เรื่องการตอบในเรื่องความต้องการของลูกค้าจริงๆ
เราเข้ามา 5 ปีที่แล้ว
เข้ามาจากที่ยังไม่รู้เลยธุรกิจนี้จะเป็นยังไง
ตอนนั้นก็เป็นอะไรที่ต้องเรียกว่าไม่เคยทำ
ก็จะเอาความรู้ประสบการณ์ต่างๆ ของโมบาย
มาคิดว่าจะเปิดการให้บริการตัวบรอดแบนด์นี้ยังไง
ซึ่งต้องบอกว่ามันเป็นจุดเริ่มต้นเล็กๆ จริงๆ
จากที่ว่า AIS อาจจะมีฐานลูกค้าอยู่ถึง 40 ล้านราย
แต่ว่าอินเทอร์เน็ต บรอดแบนด์นี่เรายังเล็กๆ ในตอนที่เราเริ่มต้น
กว่าที่จะเริ่มไต่เต้ามาจนถึงทุกวันนี้
ก็ใช้เวลาอยู่ประมาณสัก 4 - 5 ปี ก็ได้ประมาณล้านกว่าราย ขึ้นมาเป็นเบอร์ 4 ได้
เราเริ่มเข้าตลาดในปีแรกปี 2015
ปีนั้นเนี่ยเรามีลูกค้าขึ้นมาได้ประมาณสัก 40,000 ราย
โดยที่ว่าเราก็ชูจุดเด่นของเราในเรื่องของการที่เป็นไฟเบอร์แท้ 100%
ก็ทำให้ปีถัดมา ก็มีลูกค้าสมัครเข้ามาใช้บริการกับเราจาก 40,000 ก็โดดขึ้นมาเป็น 300,000 แสนเลย
พอมาถึงปัจจุบัน ผ่านมาประมาณเกือบ 5 ปี สิ่งที่เกิดขึ้นคือ ลูกค้าเราขึ้นมาถึงระดับ 1.26 ล้าน
แปลว่าเพิ่มขึ้นจากเดิมประมาณ 4 เท่า
ก็เป็นอะไรที่ทำให้เห็นว่าการเติบโตของเราเกิดขึ้นมาสูงมาก
เริ่มต้นมาเลยคือ เราพูดถึงว่าเราใช้ AIS FIBRE ก็เป็นไฟเบอร์ 100%
ถามว่าสมัยก่อนการใช้งานโดยทั่วไป เรามีเปอร์เซ็นต์การใช้งานไฟเบอร์น้อยมากในอินเทอร์เน็ตบ้าน
ก็อาจจะได้ความเร็วอยู่ประมาณ 20, 30, 50 เม็ก
แต่ว่าพอเราเข้ามา เราบอกว่า เราใช้ไฟเบอร์แท้ 100% สามารถทำความเร็วได้สูงกว่านี้เยอะ
พอเราลงไป สิ่งที่เราเห็นคือ ผู้ให้บริการทุกรายก็มีการขยับ มีการลงทุนในเรื่องการวางไฟเบอร์มากขึ้น
เพื่อที่จะสามารถมาต่อสู้กับเราได้
มาถึงเราจะแข่งกันด้วยราคา ด้วยทุกอย่างเหมือนกัน มันคงไม่ใช่
สิ่งที่เกิดขึ้นคือ เราเอาแนวคิด นวัตกรรมต่างๆ ที่ตอบโจทย์ลูกค้ามากขึ้นมาให้บริการ
ยกตัวอย่าง การใช้ตัว MESH Wifi
ซึ่งเดิม เราติดตั้งอินเทอร์เน็ตบ้าน ตั้ง Wifi Router ตัวหนึ่ง ก็อาจจะครอบคลุมพื้นที่ 1 ชั้น
แต่พอเราจะไปชั้นที่ 2 ชั้นที่ 3 ใช้งานไม่ดี ก็อาจจะเดินสาย LAN ขึ้นไปข้างบน แล้วก็ไปปล่อย Wifi อีกตัวหนึ่ง
แต่คราวนี้ เรามีการนำเทคโนโลยี ที่เราเรียกว่า MESH Wifi มาให้บริการ ก็มีการคิดค้นวิจัยร่วมกับทางพาร์ทเนอร์ต่างๆ เพื่อให้สามารถรองรับการใช้งานที่ความเร็วสูงๆ ได้
สิ่งที่ทำให้เราเติบโต เราเข้ามาแล้วมีความแตกต่างจากคนอื่น คือเราเข้ามาด้วยนวัตกรรมใหม่ๆ
เข้ามาด้วยสิ่งที่สามารถตอบโจทย์ลูกค้าได้ ทำให้ได้รับการตอบรับจากลูกค้าเข้ามาสูง
เราไม่ได้เน้นที่ราคาถูกอย่างเดียว เราเน้นเรื่องสิ่งที่ตอบโจทย์จริงๆ รวมถึงเรื่องการดูแลลูกค้าหลังจากใช้งานไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการมอนิเตอร์ ใช้ดีไม่ดี มีปัญหาหรือเปล่า ถ้ามีปัญหา เราแก้ไขให้
ธุรกิจบรอดแบนด์นี่มันเติบโตไหม เติบโต แต่มันก็เติบโตถึงจุดหนึ่ง ซึ่งเชื่อว่าต่อไปเรื่องการแข่งขัน เพื่อดึงลูกค้าเข้ามา ก็จะเกิดมากขึ้น เพราะว่าคนเดิมใช้อยู่ ทำอย่างไรให้เปลี่ยนใจกลับมาใช้เรา เพื่อสร้างฐานตรงนี้เราใหญ่ขึ้น
ซึ่งต้องบอกว่าเรายังตัวเล็กๆ เพราะว่าเรายังมีส่วนแบ่งตลาดอยู่แค่ประมาณ 12%
ขณะที่เบอร์ 1 เบอร์ 2 เขาอยู่ที่ 30% กว่า
ความท้าทายคือ มันเป็นอะไรที่ไม่หยุดนิ่ง เทคโนโลยีเองก็จะมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา เรื่องของพฤติกรรมลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา เราต้องมีความเข้าใจ เอาข้อมูลต่างๆ มาวิเคราะห์วิจัย
ขณะเดียวกันก็ต้องสร้างความแตกต่างคู่แข่งด้วย ถ้าเราทำเหมือนกับเขา กว่าผู้บริโภคจะเปลี่ยนใจมาใช้เรา มันก็ใช้เวลานาน
ต้องบอกว่า FROST & SULLIVAN เขาเป็นบริษัทที่ปรึกษาระดับโลก เขาก็มีการให้รางวัลตรงนี้ โดยที่จะมีหลักเกณฑ์ว่า คุณจะต้องผ่านเงื่อนไขไหนบ้าง
#ลงทุนแมน #AIS
ยกตัวอย่าง 在 Kamerr inter แขมร อินเตอร์ Youtube 的精選貼文
เชิญชวนลูกเพจและผู้สนใจเข้าร่วมกลุ่มฟรี
สอนทำเค้ก เบเกอรี่และขนมต่างๆ (ไม่มีค่าใช้จ่าย)
.
แขมรดึงรายชื่อนักเรียนเข้ากลุ่มแล้วน๊าาา
จะมีบางส่วนที่ดึงไม่ได้ ยกตัวอย่าง ชื่อเฟสเหมือนกัน 3-4 เฟส
และเฟสนั้นๆ ไม่มีรูปหน้า
.
เพื่อนๆ ท่านไหนที่ยังไม่ได้เข้ากลุ่ม รีบเข้ากลุ่มเลยน๊าาา
แล้วเรารีบมาลุยกัน ของใครตกหล่นทักมาใต้โพสต์นี้ได้เลยค่า
.
อินบ็อกซ์หาแขมร เพื่อรอดึงรายชื่อเข้ากลุ่มอีกทีน๊าาา
#กลุ่มฟรีสอนทำเค้ก #เค้กและเบเกอรี่ #แขมรอินเตอร์
✅ Contact for inquiries at Email: kamerrinter@gmail.com
✅ Please follow the FP page: Grow your own, cook your own, Aquaponics with Kamerr inter https://bit.ly/37uJos8
✅ Interested in learning to make YouTube Inbox at FP: https://bit.ly/2XHFEik
ยกตัวอย่าง 在 คอมคร้าบ Youtube 的最佳貼文
ต้องบอกเลยว่างานคอมมาร์ทนี้ถือเป็นงานขายอุปกรณ์คอมที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ซึ่งแน่นอนว่าภายในงานย่อมมีโน้ตบุ๊คขายกันแทบทุกรุ่น พร้อมมีส่วนลดโปรโมชันต่างๆ มากมาย และของแถมอีกเพียบ โดยคลิปนี้ทีมงานจะลองเปรียบเทียบราคาโน้ตบุ๊คกันระหว่างใน งานคอมมาร์ท กับ ร้านค้าออนไลน์ แบบไหนจะถูกจะคุ้มกว่ากัน ยกตัวอย่าง 5 รุ่น จะเป็นไงบ้างไปดูกันเลยครับ
----------------------------------------------------------------------------------
ฝากกดติดตามและเข้ากรุ๊ป "คอมคร้าบ" กันได้ที่ลิงก์ด้านล่างเลยครับ
Facbook Group : https://www.facebook.com/groups/2594751244112180
Fanbook Fanpage : https://www.facebook.com/comcraft.ds
ยกตัวอย่าง 在 #จีนกลาง ไม่มี... ยกตัวอย่างกัน 没有... - YouTube 的推薦與評價
เรียนจีน ต้องรู้ !!ไม่มีๆๆๆ 没有 méiyǒuลองฝึกออกเสียงกัน ยกตัวอย่าง กัน..เก็บศัพท์เพิ่มเติม咱开始吧!...#เรียนภาษาจีน #เรียนจีนออนไลน์ ... ... <看更多>
ยกตัวอย่าง 在 คำที่ใช้ประกอบในการยกตัวอย่าง : เช่น... - เรียงร้อย ภาษาไทย 的推薦與評價
ในชีวิตประจำวัน มักพบการใช้คำที่ใช้ในการยกตัวอย่างอยู่บ่อยครัง ทั้งตามข่าว หนังสือพิมพ์ หรือหนังสือวิชาการต่าง ๆ แต่มีการใช้ที่ลักลั่นอยู่มาก ... ... <看更多>