ตั้งแต่ดูหนังมา. หนังเรื่องนี้เป็นหนังที่ผมกล้าแนะนำทุกคนแบบสุดเสียง
“2,215 เชื่อ บ้า กล้า ก้าว”
ไม่ใช่แค่”น่าดู”
“แต่..ต้องดู”
หนังเรื่องนี้สร้างจากโครงการ”ก้าวคนละก้าว”ของ”ตูน บอดี้สแลม”เมื่อปลายปีที่ผ่านมา
ซึ่งกลายเป็น”ปรากฏการณ์”ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งของประเทศไทย
เมื่อคนๆหนึ่งวิ่งจากใต้สุดไปเหนือสุดของเมืองไทย
ก่อนที่”ตูน”จะเริ่มโครงการนี้. เขาเข้าไปคุยกับ”พี่เก้ง”จิระ มะลิกุล.
ตอนแรก เขาอยากให้ GDH ช่วยตัดฟุตเทจจากการ LIVE ของการวิ่งไปบางสะพานเป็นหนังหรือบันทึกความทรงจำ
แต่”พี่เก้ง”และ”วรรณ”วรรณฤดี. พงษ์สิทธิศักดิ์ โปรดิวเซอร์มือทองของ GDH บอกว่าการทำหนังกับการบันทึก LIVE นั้นแตกต่างกัน
ขอเป็นโครงการใหม่ที่”ตูน”กำลังจะทำดีกว่า
“พี่เก้ง”ชอบวิ่งอยู่แล้ว.
เขาเคยไปวิ่งกับ”ตูน”มาแล้วในโครงการบางสะพาน
ได้เห็นความงดงามและพลังดีๆตลอดข้างทางที่”ตูน”วิ่ง
GDH ดึง”ไก่”ณฐพล บุญประกอบ คนเขียนบทภาพยนตร์มือดี และผู้กำกับหนังสารคดีหลายเรื่องมาเป็นผู้กำกับหนังเรื่องนี้
“ไก่”กำลังเรียนต่อที่นิวยอร์ค เรื่องสารคดี
เขาบินกลับมาทันทีเมื่อรู้ว่าได้ทำโครงการนี้
”ไก่”และน้องๆอีก 5 คน ติดตามบันทึกภาพการวิ่ง 2,215 กิโลเมตรของ”ตูน”
สารคดีแบบนี้ไม่มี”บทภาพยนตร์”ล่วงหน้า
เพราะไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นตลอดเวลา 55 วันนี้
จากวันนั้นจนถึงวันนี้
7 เดือนกว่า
ฟุตเทจทั้่งหมดก็กลายมาเป็นหนังสารคดีที่ยิ่งใหญ่
“2,215 เชื่อ บ้า กล้า ก้าว”
..............
ผมดูหนังเรื่องนี้เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
ขอ”พี่เก้ง”เหมารอบให้นักเรียน ABC ทุกรุ่นได้ดูกัน
หวังจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีของการร่วมบริจาคเงินตามเป้าหมายของ”ตูน”
ตอนแรก"ตูน"ตั้งใจที่จะให้ทุกคนได้ดูฟรี
"ตูน"ขอเปลี่ยน"ค่าตั๋ว"เป็นเงินบริจาคเพื่อจัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ ให้แก่อาคารนวมินทรบพิตร ๘๔ พรรษา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล
"ราคาตั๋ว"ขึ้นอยู่กับเราจะให้ค่ากับหนังเรื่องนี้แค่ไหน
"คิงเพาเวอร์"ให้การสนับสนุนโครงการนี้เต็มที่
เหมาโรงทั้งในเครือเมเจอร์และเอสเอฟให้คนดูฟรี 700,000 กว่าที่นั่ง
แต่ตอนหลังมีคนบอกว่าถ้าเปิดให้ดูฟรีอย่างเดียว. คนที่อยากดูแต่ขี้เกียจไปลุ้นหน้าโรงว่ามีที่นั่งว่างหรือเปล่าจะไม่ไปดู
เขาก็เลยเปิดขายบัตรตามปกติแต่ราคาถูกเป็นพิเศษ
และเพิ่มช่องทางให้คนที่อยากส่งต่อแรงบันดาลใจบริจาคเงินก้อนหนึ่งเข้ามูลนิธิและเหมาโรงให้นักเรียนหรือคนในบริษัทมาดู
"2,125 เชื่อ บ้า กล้า ก้าว"เป็นหนังที่น่ารักมากๆครับ
หนังเรื่องนี้พาเราให้ย้อนอดีตกลับไปสู่ช่วงเวลาแห่งความสุขอีกครั้งหนึ่ง
เรื่องราวของผู้ชายรูปร่างผอมบางคนหนึ่ง.
บนเวที เขาเป็น"ร็อคสตาร์"อันดับหนึ่งของเมืองไทย
แต่ช่วงเวลานั้น "ตูน"คือ คนที่ทั้ง"บ้า"และ"ดื้อ"กับเกมที่เขากำหนดขึ้นมาเอง
55 วันกับระยะทาง 2,215 กิโลเมตร
ไม่มีการผ่อนปรนอะไรทั้งสิ้น
มีฉากหนึ่งที่ทีมงานบอกให้"ตูน"เลิกแวะถ่ายรูปหรือทักทายกับคนที่ยืนรอตามทาง
แต่"ตูน"บอกว่าเขาทำไม่ได้
ทุกคนอยากเจอเขา
ถ้าเขาวิ่งผ่านไป. ภาพนั้นก็จะยังติดตาเขาอยู่
แล้วจะ"คาใจ"ว่าทำไมไม่ทักทายคนที่รอเจอเขา
นั่นคือ "ตูน"
......
สิ่งที่ผมชอบมากในหนังเรื่องนี้ คือ บทภาพยนตร์
"ไก่"เก่งมาก
เขาเขียนบทจาก"ความจริง"ที่เกิดขึ้น
แต่เสริมแต่งอย่างเหมาะสม
ไม่ว่าจะเป็นการสัมภาษณ์พ่อ-แม่ของ"ตูน"ถึงวัยเด็ก
หรือการใช้เส้นเรื่องจากการสัมภาษณ์"กบ"บิ๊กแอส
คนที่แต่งเพลงให้"ตูน"
และเข้าใจ"ตูน"มากที่สุดคนหนึ่ง
เพราะ"ตูน"เป็นคนขี้อายที่จะพูดถึงตัวเองในมุมดีๆ
คำพูดของ"กบ"จึงช่วยทำให้เรารู้จัก"ตูน"มากขึ้น
ในมุมที่เราไม่เคยรู้มาก่อน
บอกได้เลยว่าหนังเรื่องนี้คมคายขึ้นเพราะคำพูดของ”กบ”
แต่ละประโยคของ"กบ"คมมากครับ
ในหนังเราจะเห็นว่าแท้จริง”ตูน”ก็เป็นคนธรรมดาคนหนึ่ง
ไม่ใช่”ซูเปอร์ฮีโร่”
มีทั้งอารมณ์เกรี้ยวกราด ขว้างของ บนรถบ้าน
ดื้อกับแม่
หรือมุขแป๊กในบางเวลา
แต่”ความยิ่งใหญ่”ของ”ตูน”คือ ขนาดของ”หัวใจ”
คุณเคยดูหนังที่ไม่อยากให้จบไหมครับ
ตอนที่หนังเดินเรื่องมาถึงเชียงราย
เรารู้แล้วว่าหนังกำลังจะจบ
เพราะอีกนิดเดียวก็ถึง”แม่สาย”
ปลายทางของการวิ่งครั้งนี้
แต่เรายังอยากดูต่อ
ไม่อยากให้จบ
แต่ไม่ว่า”ความปรารถนา”ของเราจะเป็นอย่างไร
“ความจริง”ก็คือ”ความจริง”
หนังเรื่องนี้ต้องจบ
เหมือนกับ”ชีวิต”ที่ต้องมีการแยกจาก
ถ้าถามว่าหนังเรื่องนี้ให้อะไรกับเรา
ตอบได้เลยครับว่าให้แรงบันดาลใจที่ท่วมท้น
ได้ตั้งคำถามกับตัวเองว่าเราได้ทำอะไรเพื่อผู้อื่นบ้างหรือยัง
ไม่ต้องเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ระดับชาติเหมือน”ตูน”
เพราะทุกคนมี”ขนาด”ที่เหมาะสมของตัวเอง
ไม่ต้องทำใหญ่เท่าเขา
แต่ให้ทำแบบเขา
ทำเพื่อคนอื่น
มีคนถามผมว่าเขามีเงินอยู่ก้อนหนึ่ง
จะบริจาคเข้ามูลนิธิทั้งหมดหรือเหมาโรงให้คนในบริษัทหรือนักเรียนได้ดูหนังเรื่องดี
คำแนะนำของผมก็คือ...
“เหมาโรงเถอะครับ”
เพราะผมเชื่อว่าหนังเรื่องนี้เหมือน”น้ำ”และ”ปุ๋ย”ที่จะช่วยให้ต้นไม้”ความดี”ในใจที่ทุกคนมีอยู่เติบโตขึ้น
ถ้าแค่ครึ่งหนึ่งของคนที่ได้ดูหนังเรื่องนี้คิดจะทำเพื่อคนอื่นแบบ"ตูน"
สังคมไทยคงงดงาม
..........
วันที่ดูหนังฝนตกหนักทำให้มีที่นั่งเหลือพอประมาณ
ผมติดนิสัยชอบดูหนังคนเดียวแบบโล่งๆก็เลยเลือกที่นั่งแถวหน้าๆ
เป็นแถวที่ไม่มีคนนั่งเลย
ช่างเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องมาก
เพราะหนังเริ่มไปแค่ 5 นาที.
นัยน์ตาเริ่มมีความเปียกชื้นมาปกคลุม
ถ้ามีคนนั่งติดกัน. ผมจะรักษาฟอร์ม นั่งนิ่งๆ ปล่อยให้น้ำตาเอ่อไปเรื่อยๆ.
ความมืดในโรงหนังมีประโยชน์ตรงนี้
ถ้าเราไม่แสดงอาการ ไม่มีใครรู้หรอกว่าเรากำลังร้องไห้
ถ้ารำคาญมากก็แกล้งคันตาหลังจากซีนนั้นผ่านไป
แล้วก็พยายามดึงอารมณ์ไม่ให้คล้อยตามหนัง
จะไม่ยอมเสียฟอร์มควักผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาเด็ดขาด
แต่วันนี้สบายมากครับ
ทั้งแถวที่นั่ง ไม่มีใครเห็น
ผมควักผ้าเช็ดหน้าออกจากกระเป๋ากางเกงอย่างสง่าผ่าเผยเลย
ถอดแว่น แล้วซับน้ำตา
ก่อนเก็บผ้าเช็ดหน้าเข้ากระเป๋า
ผ่านไปอีกพักหนึ่ง. เฮ้ย...คลออีกแล้ว
เหมือนเดิม
ควักผ้าเช็ดหน้าขึ้นมา เสร็จแล้วเก็บเข้ากระเป๋า
พอถึงกลางเรื่องเอาอีกแล้ว
ครั้งนี้ผมควักผ้าเช็ดหน้าวางไว้บนตักเลย
ท้า”ไก่”ณัฐพล. ผู้กำกับฯในใจ
รู้แล้วว่าเขาไม่หยุดแน่
เอาเลย”ไก่”... ตามสบาย
"ผ้าเช็ดหน้า"พร้อม
"2,125 เชื่อ บ้า กล้า ก้าว"ไม่ใช่หนังเศร้า
แต่เป็นหนังที่น่ารักมากๆ
คุณเคยเจอหนังที่น่ารักจนจนน้ำตาคลอเพราะความประทับใจไหมครับ
หนังเรื่องนี้เป็นแบบนั้น
..........
ตอนใกล้จบของ”2,215 เชื่อ บ้า กล้า ก้าว”
มีฉาก”ตูน”บอกกับทีมงานก่อนลงไปวิ่งครั้งสุดท้าย
“จบแล้ว ไม่ทำอีกแล้ว”
เหมือนจะบอกทีมงานที่เหน็ดเหนื่อยทุกคนว่า”อาทิวราห์ คงมาลัย”จะไม่ทำอะไรบ้าๆแบบนี้อีก
ผมเชื่อว่าฉากนี้”ไก่”คงไม่ได้คิดเอง
แต่ทีมงาน”ก้าว”กดดันผู้กำกับ
ขอให้มีฉากนี้ในหนัง
เพื่อเป็นหลักฐานยืนยัน
เวลา”ตูน”คิดอะไรบ้าๆขึ้นมาอีก
ทุกคนจะเอาฉากนี้ให้”ตูน”ดู
“สัญญาว่าไง”
เพราะทุกคนรู้ดีว่า”ตูน”คงไม่จบแค่นี้แน่นอน
“เส้นชัย”สำหรับ”ตูน”
มันคือ “การสิ้นสุด”ของสิ่งหนึ่ง
เพื่อจะ”เริ่มต้น”สิ่งใหม่เท่านั้นเอง
เพราะนี่คือ”ความสุข”แท้จริงที่เขาได้ค้นพบแล้ว
Since I watched the movie. This movie is a movie that I dare to recommend everyone.
" Haha. I believe that I'm crazy. I dare to
Not just "nice to watch"
"But.. must watch"
This movie is made from the " One Step " project of " Toon Bodyslam " at the end of the year.
Which became the greatest "phenomenon" of Thailand.
When someone runs from south to the north of Thailand
Before "Toon" starts this project. He went in to talk to "Brother Keng" Jira Mali KUl.
At first he wanted GDH to help cut the foot from the live of running to bang saphan or a movie.
But " Brother Predatory " and " Wan " Wan Rit Dee. Pongsak, GDH's golden producer said that the movie making and live recording is different.
Let's be a new project that "Toon" is about to do.
"Brother Predatory" likes to run anyway.
He has been running with "Toon" in Bang Saphan project.
I have seen the beauty and good power on the side of the road that "Toon" runs.
GDH Pull "Kai" Nathaphon Bunprakkkkkkkkkkkkkkkkkkkkkkkkkk
"Chicken" is studying in New York about documentaries.
He flew right back when he found out this project.
" Kai " and 5 other sisters follow the 2,215 km run of " Toon "
Documentaries like this don't have " screenplay
Because no one knows what will happen all the time 55 today
From that day till today
Over 7 months
All the footage became a great documentary.
" Haha. I believe that I'm crazy. I dare to
..............
I watched this movie last week
Asking for "Brother Predatory" to buy round for all models of ABC students to watch.
Hope to be a good start of donating money according to "Toon" goal.
First episode "Toon" intended to let everyone watch for free.
" Toon " would like to change " ticket " to buy medical equipment for Akaranwamin 8 4 Buddhist Lent of Medicine Siriraj.
"Ticket price" depends on how much we value this movie.
"King Power" supports this project.
Buying both major and SF group for more than 700,000 seats to watch.
But later, someone told me that if I open it for free only. Those who want to watch but lazy to see if there is an empty seat. I won't go to see.
So they are open for sale as usual, but it's cheap.
And add a way to those who want to pass on inspiration to donate money to the foundation and buy a school for students or company.
"Haha. I believe that I dare to step" is a very cute movie.
This movie takes us back to the happy times.
The story of some skinny man.
On stage he is the number one "rock star" in Thailand.
But that moment " Toon " is the one who is " crazy " and " stubborn " with his own game.
55 days and 2,215 km distance
No respite at all
There is a scene where the team told "Toon" to stop by to take photos or say hi to those who are waiting along the way.
But "Toon" says he can't.
Everyone wants to see him
If he runs through. That picture will still be stuck in his eyes
Why don't you say hi to those who wait to see him?
That's "Toon"
......
My favorite thing in this movie is the movie.
"Chicken" is very good
He wrote a script from "truth"
But enhance the proper decoration.
Whether it's an interview for "Toon" to childhood.
Or using the line from the "Kop" interview.
The one who wrote the song for "Toon"
And understand one of the most "Toon"
Because "Toon" is shy to talk about himself in a good corner.
The words of " Kop " help us know more about " Toon "
In a corner we never knew.
I can tell that this movie is sharp because of the words of " frog
Each sentence of "Kop" is very sharp.
In the movie, we will see that "Toon" is an ordinary person.
Not a " superhero
There is a temper, angry, throwing stuff on the car.
Stubborn with mom
Or a joke some time
But the " greatness " of " Toon " is the size of " heart "
Have you ever finished watching a movie that you don't want to finish?
When the movie came to Chiang Rai
We knew the movie was about to end.
Because just a little bit more to "Mae Sai"
Destination of this run
But we still want to continue watching
Don't want to finish
But no matter what our "desire" is.
" Truth " is " truth "
This movie must end
Just like "life" to be separated from
If you ask what this movie gave us
I can answer that it gives overwhelming inspiration.
Have you asked myself what have we done for others?
No need to be a national big thing like "Toon"
Because everyone has their own "size"
No need to do it as big as him
But let's do it like him
Do it for others.
Someone asked me if he had a bar of money
Do you want to donate to all the foundation or buy theaters for people in the company or students to watch movies?
My advice is...
"Let's buy the shed"
Because I believe that this movie is like " water " and " fertilizer " that will help the " goodness " in mind that everyone has growing up.
If only half of the people watched this movie think about doing it for other people like "Toon"
Thai society would be beautiful
..........
Movie day. Heavy rain makes a lot of seats left.
I'm addicted to watching movies alone, so I choose front row seats.
It's a row where there is no one to sit.
What a right decision
Because the movie started for 5 minutes.
Eyes are getting wet.
If someone sits in a row. I will keep the form, sit still, let the tears, uh, go.
Darkness in the theater is useful here.
If we don't show symptoms, nobody knows we're crying.
If you are very annoyed, pretending to be itchy after that scene has passed
Then try to pull the mood from the movie
I won't lose the form to take a handkerchief.
But today is very comfortable.
The whole row of seats, no one can see.
I took the handkerchief out of my pants gracefully.
Taking off my glasses and tears
Before packing handkerchief in the bag
It's been a while. Hey... again
Same same same same as usual
Finished taking the handkerchief and packed it in the bag.
When it comes to the middle of the story again
This time I put my handkerchief on my lap
Challenge "chicken" at cuddle thaphon. Director in mind
I know he won't stop
Go ahead "chicken"... at ease.
"Handkerchief" ready
"Haha. I believe that I dare to step" not a sad movie.
But what a lovely movie
Have you ever met a movie that is so cute that you cry because of the impression?
This movie is like that
..........
Near the end of "Haha. I believe that I dare to step"
There is a scene "Toon" to tell the team before going down to run for the last
"It's done. I won't do it again"
It seems to tell all the tired team that " Sunday, I will never do anything crazy like this.
I believe this scene "chicken" doesn't think about it.
But the team "step" pressures the director.
Let's have this scene in the movie
For proof of confirmation.
When "Toon" thinks more crazy
Everyone will show this scene to "Toon"
" What do you promise
Because everyone knows that "Toon" won't end this for sure.
" finish line " for " Toon "
It's the "ending" of one thing.
To "start" something new
Because this is the true "happiness" he has discovered.Translated
cut and run in a sentence 在 Roundfinger Facebook 的最佳貼文
สำหรับคนที่ไม่ได้อ่านเมื่อเช้าครับ :)
1
ทันทีที่อ่านบทสัมภาษณ์พี่โน้ต-อุดม แต้พานิชใน The Cloud จบลง ผมก็ส่งข้อความไปหาพี่โน้ตทันทีว่าอ่านแล้วชอบมาก
ที่ชอบเพราะหลายคำตอบในนั้นทำให้เห็น "คำตอบ" ที่มาพร้อม "ความอาวุโส" ของชีวิต
พูดถึง "ความอาวุโส" นี้ผมไม่คิดว่าเกี่ยวกับ "อายุ" หากเกี่ยวกับความรู้สึก "อยู่มานาน" ซึ่งแต่ละคนมีไม่เท่ากัน ตามทฤษฎีด้านเวลา-หากชีวิตใครผ่านเหตุการณ์หรือประสบการณ์มามากจะรู้สึกว่าตัวเอง "ผ่านเวลา" มานานกว่าคนที่มีเหตุการณ์ในชีวิตน้อยกว่า
ชีวิตที่ "eventful" จึง "อาวุโส"
นอกจากนั้นผมยังแอบคิดอีกว่าการแบกรับภาระของ "ความดัง" ไว้บนบ่าก็ทำให้คนเรา "อาวุโส" ได้เช่นกัน เชื่อว่าน้องๆ BNK48 ทั้งหลายเมื่อผ่านไปสามปีก็จะมีความ "อาวุโส" ในหัวใจมากกว่าคนวัยเดียวกันทั่วๆ ไป
"อาวุโส" จึงไม่เท่ากับ "ชรา"
แต่อาจนำมาซึ่งความเข้าใจชีวิต
...
2
“แต่ก่อนผมไม่ค่อยระวังตัว ถ้าเป็นช่วง 30 เราพรั่งพรูออกไปแล้วเดี๋ยวเกิดอะไรก็เรื่องของมึง ทั้งที่ผมไม่ต้องพูดประโยคนั้นก็ได้ ไม่ต้องมีใครเดือดร้อน ตอนนี้ผมพยายามเลือกคำ มีความใจเขาใจเราอยู่”
นี่เป็นหนึ่งคำตอบธรรมดาๆ ที่แสดงให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงระหว่าง "วัยห่าม" กับ "วัยนิ่ง"
"ศูนย์กลาง" เปลี่ยนไปจากตัวเองไปอยู่ที่คนอื่น การก่นด่าโลกเปลี่ยนไปเป็นการทำงานกับตัวเองภายใน
...
3
ท่ามกลางโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างฉับไวชวนปวดหัว หลายอาชีพล้มหายตายจาก โอกาสเหมือนมีให้ไขว่คว้าเต็มไปหมด แต่คว้ามาแล้วไม่นานก็หลุดมือไปอีก เจอคู่แข่งใหม่ๆ ผุดขึ้นเป็นดอกเห็น พี่โน้ตพบคำตอบของตัวเองว่า "ให้ทำเรื่องเล็กๆ อยู่ในที่เล็กๆ ของเราก็สามารถอยู่ได้"
เขายกตัวอย่าง "จิโร่" คุณลุงนักทำซูชิระดับเทพ ที่ทำซูชิเสียจนกลายเป็น "ศิลปะ" ผู้คนรอต่อคิวเป็นเดือนๆ ขายในราคาที่แพงกว่าซูชิทั่วไป
ส่วนตัวแล้วผมสนใจคำว่า "เล็กๆ" ที่ออกจากปากของคนระดับซูเปอร์สตาร์ ผมเดาว่าแต่ก่อนพี่โน้ตน่าจะเคยรู้สึกว่า "เดี่ยว" ของเขานั้นไม่ใช่งานเล็ก กระทั่งอาจมีบางช่วงวัยที่อยากขยายตัวเองให้ครอบคลุมพื้นที่ออกไปให้มากที่สุด
แต่ในโลกที่ขยายตัวออกทุกวินาที พี่โน้ตกลับเห็นสิ่งที่ตัวเองทำเป็นเพียง "เรื่องเล็กๆ" ซึ่งอยู่ใน "ที่เล็กๆ ของเรา"
...
4
คำว่า "ที่เล็กๆ ของเรา" ก็สำคัญ ในโลกทุกวันนี้เราต้องหา "ที่แห่งนั้น" ให้เจอ ซึ่งจะว่าไปอาจไม่ควรใช้คำว่า "หา" แต่ควรใช้คำว่า "สร้าง" ที่แห่งนั้นขึ้นมาเสียมากกว่า
ไม่ได้ "สร้าง" แบบเร่งรีบ ขอไปที แต่สร้างแบบพิถีพิถัน ค่อยเป็นค่อยไป ประณีตบรรจง ใส่ใจ ทุ่มเท แล้ว "ที่เล็กๆ ของเรา" จะค่อยๆ เกิดขึ้นมา และเปิดโอกาสให้เราได้หยัดยืนบนผืนโลกที่เต็มไปด้วยความเปลี่ยนแปลง
พี่โน้ตตอบข้อความกลับมาว่า "ผมเพิ่งเข้าไปอ่านบทสัมภาษณ์ของพี่บอยโกซึ่งอยู่ถัดจากบทสัมภาษณ์ของผม สิ่งที่น่าแปลกใจก็คือว่าคล้ายคลึงกันในความคิดความรู้สึกอย่างมาก มันน่าจะเป็นเช่นนี้ใช่ไหมสำหรับคนอายุ 50"
ผมคลิกตามเข้าไปอ่านบทสัมภาษณ์พี่บอยใน The Cloud ซึ่งพูดถึงการละวางจากชื่อเสียง ความไม่เที่ยงของมัน แต่สิ่งที่คล้ายกันกับคำตอบของพี่โน้ตมากก็คือความรู้สึกอยากทำงานไปจนตาย ถึงขั้นพูดว่า "ตอนตายต้องตายในห้องอัด หรือกำลังทำเพลงแล้วก็หัวใจวายตาย พีกดี ถ้าเป็นแบบนี้สำหรับเรามันเป็น Happy Ending"
ขณะที่พี่โน้ตพูดถึงการทำงานว่าไม่ได้ทำเพื่อให้คนมายกย่องว่าสุดยอด ไม่ได้เปรียบเทียบกับตัวเองในครั้งที่ผ่านๆ มา แต่ทำเพื่อ "ดำเนินต่อไป" ทำเพราะรักที่จะทำ และกระบวนการที่เอาใจใส่ในการพูดการซ้อมเพื่อให้ได้ "ซูชิ" ที่ดีที่สุดนี่เองที่ทำให้ชีวิตมีความหมาย
อีกจุดที่น่าสนใจคือ เนื้อแท้ของการทำงานนั้นไม่ได้ทำเพื่อตัวเองแบบเดิมแล้ว แต่ทำเพื่อคนอื่น ตั้งใจทำเพื่อให้คนอื่นมีความสุข คล้ายกับพี่บอยโกที่อยากเขียนเพลงเพื่อชโลมหัวใจคน เมื่อทำงานด้วยทัศนคติแบบนี้ "ความเจ๋ง" ก็เป็นเรื่องเล็ก และ "น้ำหนัก" ของการเปรียบเทียบทั้งกับตัวเองและคนอื่นที่แบกไว้บนบ่าก็เบาลงทันที
เรา "คราฟต์" ผลงานของเราเพื่อรอยยิ้มของคนที่ได้สัมผัสผลงานนั้น
...
5
เมื่อคราฟต์ผลงาน ชีวิตเราจะคราฟต์ตามไปด้วย ประณีตตามไปด้วย เราไม่ได้ทำทุกสิ่งที่ทำได้ แต่เราจะทำเฉพาะสิ่งที่รักและตั้งใจทำให้ดีที่สุด
ชีวิตเช่นนี้ย่อม "คัดสรร" สิ่งที่เห็นแล้วว่ามีคุณค่าของตัวเองและคนอื่น มิใช่ทำทุกอย่างที่โอกาสเปิดกว้างให้ทำ
ไม่พยายามยืดแขนขาออกไปครอบครองอาณาจักรใหญ่โต แต่เข้มข้นที่สุด บรรจงที่สุดกับ "ที่เล็กๆ ของเรา" และตั้งใจทำ "สิ่งเล็กๆ" นั้นให้ดีที่สุด แล้ววันหนึ่ง "สิ่งเล็กๆ" นั้นจะผลิดอกออกผลทำให้เราอยู่ได้
ที่สำคัญไปกว่านั้นคือ การตั้งใจทำ "หนึ่งสิ่ง" ให้ดีสุดฝีมือนั้นทำให้ทุกวันมีความหมายมากกว่าการทำ "ทุกสิ่ง" แล้วความสนใจ พลังงาน ความสามารถกระจัดกระจายเสียจนสัมผัสไม่ได้ถึงคุณค่าของสิ่งนั้นและคุณค่าของตัวเอง
เมื่อตั้งใจทำงาน เราจะรู้สึกทันทีว่าตัวเรามีคุณค่า
เมื่อทำแบบผ่านๆ ไป ขอไปที เราจะรู้สึกว่าชีวิตช่างไร้ความหมาย
...
6
ในหนังสือ "ฮารูกิ มูราคามิ ไปพบ ฮายาโอะ คาวาอิ" มีประเด็นหนึ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ นั่นคือเรื่อง "คอมมิตเมนต์" หรือการทุ่มเทตน
คุณคาวาอิบอกว่า คนหนุ่มสาวเดี๋ยวนี้จะรู้สึกว่าสภาพ "ดีแทชเมนต์" (การไม่ยึดโยงเข้ากับอะไร/อิสรภาพ) เป็นเรื่องที่คูลและเท่ ส่วนมูราคามิบอกว่า เขาให้ความสำคัญกับคอมมิตเมนต์มากขึ้นเรื่อยๆ
ผมตั้งข้อสังเกตเอาเองว่า ด้วยความเร็วของเทคโนโลยีและข้อมูลข่าวสารล้นทะลักเช่นนี้ ผู้คน "จ่มตัวเอง" ลงไปในสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้ยากขึ้นเรื่อยๆ เราหลงใหลคลั่งไคล้และให้เวลาด่ำดิ่งลงไปในสิ่งที่รัก สิ่งที่มุ่งมาดปรารถนากันอย่างยาวนานน้อยลงเรื่อยๆ ทำสิ่งหนึ่งได้แป๊บหนึ่งเดี๋ยวก็เปลี่ยนไปทำอีกอย่างหนึ่งแล้ว หรือไม่ก็ทำงานชิ้นเล็กๆ แบบรวดเร็วให้จบไปในแต่ละวัน จึงยากมากที่จะมีโอกาสได้สร้างสรรค์งานที่ประณีตบรรจงซึ่งต้องอาศัยการ "คอมมิต" ตัวเองกับสิ่งนั้นอย่างจ่มจ่อเนิ่นนาน
การที่เราทำงานแบบ "ผ่านไปวันๆ" นี่เองที่ทำให้เรารู้สึกว่างเปล่ากับชีวิต ความคิดอยาก "ดีแทช" ตัวเองจากทุกอย่างนี่เองที่ทำให้เรา "เหงา"
ชีวิตที่มีความหมายคือชีวิตที่ปักหลัก จมจ่อ ใส่ใจ ขัดเกลา ทำเกินร้อย สร้างงานที่ทำอยู่ให้เป็น "งานคราฟต์" ไม่ว่างานนั้นจะเป็นอะไรก็ตาม
แทนที่จะใฝ่หา "อิสระ" ทางการงานหรือการเงิน สิ่งที่ทำให้ชีวิตมีความหมายกลับกลายเป็นการ "ผูกมัด" ตัวเองเข้ากับสิ่งที่เราเห็นว่ามีคุณค่าต่างหาก
แทนที่จะคิดถึงการ "ลาออก" สิ่งที่ทำให้ชีวิตเบิกบานอาจเป็นการ "ทุ่มเท" ให้งานที่ทำอยู่กลายเป็นสิ่งที่มีความหมายในชีวิตให้จงได้
...
7
กระนั้นคุณคาวาอิก็แนะนำว่า "คนเราควรใช้ชีวิตไปกับสิ่งที่สำคัญที่สุดของตน...อัตลักษณ์จะปรากฏชัดขึ้นเรื่อยๆ ระหว่างมีชีวิตไป"
สิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งในโลกที่เต็มไปด้วยทางเลือกเช่นทุกวันนี้คือการตัด คัดทิ้ง และคอมมิตเฉพาะสิ่งที่สำคัญ
บังเอิญเหลือเกินที่หนังสือ "อิคิไก" ของเคน โมงิ ก็ยกตัวอย่างเรื่องซูชิของคุณลุงจิโร่ เริ่มเล็กๆ จดจ่อกับสิ่งนั้น ปั้นมันให้เป็นคราฟต์ ไปให้ไกลกว่าที่ตลาดต้องการ ทำให้มีคุณภาพยิ่งกว่าที่จำเป็น แล้วงานนั้นจะค่อยๆ พาเราเข้าไปอยู่ในภาวะลื่นไหล แล้วเราจะอยากตื่นขึ้นมาทำงานนั้น
"งานเล็กๆ" ใน "ที่เล็กๆ ของเรา"
คุณลุงจิโร่ก็พูดคล้ายพี่บอยโกว่า จะขอตายตอนปั้นซูชินี่แหละ
...
8
ชีวิตของผมเองตอนนี้ตัดเหลือสามสิ่งสำคัญ หนึ่งคือร่างกาย สองคือการงาน สามคือความสัมพันธ์
ร่างกาย-ผมคอมมิตกับตัวเองว่าจะวิ่งมาราธอนเป็นระยะ ทำให้ต้องซ้อมอย่างต่อเนื่อง อยากวิ่งให้ดีขึ้นเรื่อยๆ และพยายามจะ "คราฟต์" การวิ่งให้ค่อยๆ สวยงามขึ้นในแง่สถิติทั้งหลาย
การงาน-หลังจากเปลี่ยนวิธีการ ตัดการงานเล็กน้อยออกไป ใช้เวลาเขียนหนังสือเล่มหนาๆ ผมพบว่าตัวเองมีพลัง มีภาวะลื่นไหล และมีสมาธิกับงานแบบนี้อย่างมาก ที่สำคัญกว่านั้นผมรู้สึกมีความสุขกับงานที่ทำ และชอบผลงานที่สำเร็จออกมามากกว่าตอนทำงานชิ้นเล็กๆ ที่มีปริมาณมากแต่คุณภาพอาจไม่เข้มข้น
ความสัมพันธ์-เมื่อคัดสรรงานและกิจกรรมให้เหลือแต่สิ่งสำคัญ เวลาที่มากขึ้นจึงมอบให้คนใกล้ชิดและมิตรสหายได้มากขึ้น ซึ่งความสัมพันธ์ที่ดีย่อมทำให้ชีวิตมีพลังไปดูแลร่างกายและสร้างสรรค์ผลงานต่อไป
ช่วงสองปีที่ผ่านมา ผมได้เรียนรู้ว่า ชีวิตที่ดีนั้นไม่ต้องเปรียบเทียบกับใคร กระทั่งเปรียบเทียบกับตัวเองในอดีต งานที่ดีคืองานที่เราพร้อมทุ่มเท จดจ่อ และอยากพัฒนาให้มันดีที่สุด จะทำแบบนั้นได้ต้องปล่อยมือจากงานที่ "อยากทำ" แต่ไม่ "อยากที่สุด" เสียบ้าง การทำเช่นนี้อย่างต่อเนื่องจะทำให้เรารู้สึกอยากตื่นขึ้นมาเพื่อ "ขัดเกลา" สิ่งนั้นให้ดีขึ้นเรื่อยๆ
ใช่แหละ, เราอาจยังทำได้ไม่ดีที่สุดในตอนต้น เหมือนการวิ่งที่ยังไม่ดีนัก แต่ถ้าทำไปเรื่อยๆ เราจะค่อยๆ เห็นผลในการงานที่ทำ ขอเพียงแค่อย่ารีบปล่อยมือจากมัน
"งานเล็กๆ" ในสายตาคนอื่น อาจมีคุณค่ามากสำหรับชีวิตเรา เพราะมันจะค่อยๆ ถางทางให้เกิด "ที่เล็กๆ ของเรา" ขึ้นมาได้
เราไม่ได้ต้องการคนทั้งโลกหรือทั้งประเทศ หรือมากมายอะไรเพื่อทำให้การงานที่เรารักนั้นดำเนินต่อไปได้ เราต้องการแค่ "จำนวนหนึ่ง" ซึ่งมากพอ
"จำนวนหนึ่ง" ที่ต่อแถวรอเข้าร้านซูชิร้านเล็กๆ ของเรา
แต่สิ่งนั้นมิได้เกิดขึ้นเพียงชั่วข้ามคืน มันอาศัยการยืนระยะ กัดไม่ปล่อย และทำสุดหัวใจและฝีมือ จนกว่าจะได้ "ซูชิ" ที่อร่อยที่สุด
แต่มันคุ้มที่จะ "คอมมิต" กับอะไรสักอย่าง เพราะชีวิตที่ไม่คอมมิตกับอะไรอย่างจริงจังนั้นช่างว่างเปล่าและไร้ความหมาย
หาสิ่งที่จะประณีตกับมัน ทำสุดหัวใจ
แล้วชีวิตเราจะมีความหมาย
แล้วชีวิตจะกลายเป็น "ศิลปะ" ในตัวมันเอง
1
As soon as I read the interview, brother note-udomtae panich in the cloud ended, I sent a message to brother note that I like it very much.
I like it because many answers in it makes me see the " answer " that comes with " Seniority " of life.
Speaking of this " Seniority " I don't think it's about " age " if it's about feeling " for a long time " that each person has not equal in theory - if someone's life has been through many events or experiences, you will feel like they are " through time " With less life events
" eventful " life is " Senior "
Besides, I secretly think that carrying the burden of " famous " on my shoulder can also make people " Senior " too. I believe that bnk48 sisters, there will be more " Senior " in the heart than the same age.
" Senior " is not equal to " old age "
But may bring understanding life
...
2
"before I wasn't careful. If it's 30, we were out. Whatever happens, it's your business. Even if I don't have to say that sentence. No one needs to be in trouble. Now I'm trying to choose a word to have his heart."
This is one normal answer that shows the change between " age " and " young age
"Center" has changed from yourself to other people. Cursing the world has changed to work with yourself within.
...
3
In the midst of a world that changes quickly, many careers fall away from opportunities. It seems like there are plenty of them. But I have snatched it. Soon, I found a new rival. I see brother note found his answer, " to do small things in Our small place can live "
For example, " Jiro " Uncle, a great sushi maker who made sushi to become " Art people have been waiting for months to sell at more expensive than normal sushi.
Personally, I am interested in the word " small " that comes out of superstar's mouth. I guess brother note should have felt that his " solo " is not a small job, even some ages that I want to extend himself to cover. Space out as much as possible
But in a world that expands every second, brother note sees what he does is just " small things " that are in our " small place "
...
4
The Word " our small place " is important in the world. Nowadays, we need to find " that place " that we should not use the word " find " but we should use the word " build " place to lose.
I don't " build " in a hustle, but it's a meticulously, gradually, delicately. We are dedicated. " our little place " will slowly happen and open the opportunity for us to stand on a world full of change.
Brother note replied, " I just read brother boy ko's interview next to my interview. The surprise thing is that it's very similar in my thoughts. It should be like this for a 50 year old
I clicked to read the interview of brother boy in the cloud, which talks about his reputation, but the similar thing with brother note's answer is that I want to work until he said " when I die, I die in the room. Recording or making music and having a heart attack. If it's like this for me, it's happy ending "
While brother note talks about working that he didn't do it to make people say that it's awesome. It doesn't compare to himself in the past time, but he does it to " continue " do it because he loves to do it and the best " process of speaking rehearsal to get the best " Sushi " that makes it Life has meaning
Another interesting point is that the real texture of work is not doing it for yourself, but do it for others. Focus on doing it to make others happy. Similar to brother boy who wants to write a song to help people's heart when working with this kind of attitude " cool " it's a small thing and the " weight " of comparing both myself and others who carry on the shoulder is lighter immediately.
We "Craft" our work for the smile of those who have touched that work.
...
5
When craft our life will craft followed by exquisite. We do not do everything we can, but we will do only what we love and focus on doing our best.
Life like this will "choose" what you see that you have value for yourself and others, not doing everything that you have an open opportunity to do.
Not trying to stretch out limbs to possess the biggest kingdom, but the most intense with " our little place " and focus on doing our best " small things " and one day " small things " will be bloomed to make us live.
More importantly, it is to do your best " one thing " makes every day more meaningful than doing " everything " and attention, energy, ability is scattered that you can't feel the value of that and your own value.
When we focus on working, we will immediately feel that we are valuable.
When I do it through, please ask for it. I will feel that life is meaningless.
...
6
In the book " Haruki Murami to meet hayao kawai there is one point about it. is " commissioned " or dedication.
Mr. Kawaii said that young people will now feel "Dtachmentum" (Non-connected to anything / freedom) is cool and cool. Murami says he values the commissions. More and more and more.
I have noticed that with the speed of technology and information overflow like this, people "dipping themselves" into something. We are passionate, crazy and give time to go down to what they love what you are focused. Let's wish for less and less. Do one thing. You will change. Do another thing or work quickly. Each day. It's very difficult to have a chance to create exquisite work that requires " commit. " myself with that for a long time.
The way we work like " through day " makes us feel empty with our life. I want to " Dtash " from everything that makes us " lonely "
A meaningful life is a life that settles down, purify, do more than a hundred. Create a "Craft" whatever the work is.
Instead of seeking " freedom " in work or finance, what makes life meaningful becomes " binding " to what we see valuable.
Instead of thinking about " quitting " what makes life cheerful, it may be " dedicated " to the work that you do become meaningful in life.
...
7
Mr. Kawaii also suggested that " people should live with their most important things... identity will become clearer while living...
What is absolutely necessary in a world full of choices such as these days is to cut off and commissions only what matters.
It's a coincidence that keni's "Ikikai" book. For example, Uncle Jiro's sushi started small. Focus on it into a craft further than the market wants to make it even more quality than necessary. And that job will slowly take us into slippery and we will want to wake up to that job
" small job " in our " little place "
Uncle Jiro said it's like brother boy ko that he would want to die when she made sushi.
...
8
My life is now cut down to three important things. One is the body. Two is work. Three is relationship.
My body - I commissioned myself that I would run a marathon periodically. I have to practice continuously. I want to run better and try to "Craft" running slowly getting more beautiful in terms of statistics.
Work - after changing the way to cut off a little work out to write a thick book, I found myself powerful, fluidity and focused on this kind of work. More importantly, I feel happy with the work and prefer the work done more than working. Small pieces with large quantities but quality may not be intense.
Relationships - when selecting jobs and activities are important, more time gives more people closer and friends. Good relationships make life powerful to take care of your body and create the work.
In the past two years, I have learned that a good life doesn't have to compare to anyone. Even compare to myself in the past. Good work is a job that we are ready to focus on and want to develop the best. We can do that. We have to let go of the work that I want to do " but I don't want to do the most doing this continuously will make us feel like waking up to " purify " that thing better.
Yes, we may not do our best at the beginning. It's like a bad run. But if we keep doing it, we will gradually see the result in the work that we do. Just don't rush to let go of it.
" small work " in other people's eyes may be very valuable for our lives because it will slowly squatter the way to " our small place "
We don't need the whole world or the whole country or anything to make our loved work continue. We only need "a number" which is enough.
"a number" in line waiting to enter our little sushi shop
But that doesn't happen overnight. It lives standing, biting, not letting go and doing all my heart and skill until the most delicious "Sushi"
But it's worth "commissioned" with something because life that doesn't commissioned with anything seriously is empty and meaningless.
Find something to be exquisite with it. Do with all my heart.
And our lives will have meaning.
Then life will become "Art" in itself.Translated
cut and run in a sentence 在 แอ๊ปเปิ้ล (Apple Show) Facebook 的精選貼文
เช้านี้..จงใช้ชีวิตให้มีความสุขซะ
เพราะชีวิตนั้นมันสั้นนัก
แชร์ไว้.. #AppleShow อยากให้เธอได้อ่าน
ผมใช้เวลา 1 ชั่วโมงนี้ เพื่อแปลโพสต์สุดท้ายของ " Holly Butcher" สุภาพสตรีที่ป่วยเป็นมะเร็งในวัย 26 ปี เธอเสียชีวิตหลังจากโพสต์ข้อความนี้ใน Facebook เพียง 24 ชั่วโมง และครอบครัวก็นำมาเผยแพร่เพื่อให้ผู้อื่นอ่านและรับรู้ว่าชีวิตนี้มีค่ามาก
แม้จะเป็นการแปลแบบมือสมัครเล่นที่ไม่ได้ลุ่มลึกในเรื่องของการใช้ภาษานัก แต่ผมตั้งใจอย่างแรงกล้าที่จะถ่ายทอดมันออกมาให้ใครก็ตามที่ได้อ่านข้อความนี้
ผมขออุทิศโพสต์นี้ให้เธอ
******************************************************
"มันก็แปลกอยู่นะที่ฉันจะต้องยอมรับความตายในวัยแค่26ปี
ความตายเป็นสิ่งที่คนหนุ่มสาวอย่างเรามักจะเพิกเฉย เพราะเราคิดว่ายังจะมีวันพรุ่งนี้เสมอ เราจะมีชีวิตไปเรื่อยๆ ความตายเป็นเรื่องของวันข้างหน้าที่ไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดเมื่อไหร่ ฉันนึกภาพตัวเองตอนแก่ หน้าเหี่ยว ผมหงอกเต็มหัว อยู่ท่ามกลางครอบครัวที่อบอุ่น มีหลานๆวิ่งเต็มบ้าน ฉันอยากจะสร้างครอบครัวกับคนรักอย่างที่ฝันไว้
ฉันอยากได้ชีวิตแบบนั้น
คิดแล้วก็ทรมานเหลือเกิน
ชีวิตที่เรารักนี้มันเปราะบาง คาดเดาอะไรไม่ได้เลย ทุกวันที่มีชีวิตคือของขวัญต่างหาก ไม่ใช่การดำรงอยู่เพราะเรามีสิทธิที่จะมีชีวิตต่อไปอย่างที่เข้าใจ ตอนนี้ฉันอายุ 27 ปีแล้ว ฉันรักชีวิตของฉัน ฉันมีความสุขกับมัน ฉันมีความรักที่ดี
แต่ไม่มีใครควบคุมชะตาชีวิตได้ทั้งนั้น
ฉันเขียนโพสต์นี้ก่อนฉันจะตาย ความตายน่ากลัว แต่เราต่างก็มองข้ามและพยายามไม่คิดถึงมัน ฉันก็เคยคิดว่ามันคงไม่ได้จะเกิดกับตัวเองหรือใครในเร็ววัน การคิดถึงความตายเป็นเรื่องที่แย่จริงๆ
สิ่งที่ฉันอยากจะบอกคือ คุณเลิกกังวลกับปัญหางี่เง่าเล็กๆน้อยๆ ความเครียดที่ไม่ได้สลักสำคัญที่เกิดกับชีวิตเสียเถอะ และพึงระลึกว่าเราต่างต้องเผชิญกับโชคชะตาทั้งนั้น สิ่งที่เราทำได้ควรจะเป็นการใช้ชีวิตในแต่ละวันด้วยความรู้สึกที่ดี มีคุณค่าในตัวเอง ตัดเรื่องปัญญาอ่อนออกไปเหอะ
ฉันใช้เวลาคิด ไตร่ตรองชีวิตของตัวเองในวาระสุดท้ายนี้ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา และมันมักจะโผล่ขึ้นมากลางดึกซะด้วย ในช่วงเวลาที่คุณเอาแต่บ่นกระปอดกระแปด ขอให้รู้ว่าคนอื่นก็เจอปัญหาแบบเดียวกับคุณและอาจจะอยู่้ในเงื่อนไขที่แย่กว่า โยนมันทิ้งไปเถอะ
ต้องยอมรับนะว่าบางเรื่องมันก็กระทบจิตใจและสร้างความรำคาญให้ชีวิต แต่อย่าแบกมันเอาไว้ เพราะตัวคุณเองก็จะส่งต่อผลกระทบทางลบไปที่ชีวิตของคนอื่นรอบข้างด้วย
เมื่อคุณเริ่มเหวี่ยงหรือปล่อยพลังลบให้คนอืิ่่น ขอให้เดินออกมาจากตรงนั้นก่อน หายใจเข้าลึกๆให้เต็มปอด ดูท้องฟ้าที่ยังสดใส ดูความเขียวชะอุ่มของต้นไม้ เห็นไหมว่ามันสวยงามมากเลย คุณโชคดีแค่ไหนแล้วที่คุณยังมีชีวิตและหายใจได้ในตอนนี้
วันที่คุณเซ็งกับรถติดหรืออาจจะนอนน้อยเพราะลูกปลุกคุณทั้งคืน ช่างตัดผมตัดให้คุณสั้นเกินไป เล็บที่ไปต่อมาเป็นรอยไม่สวย คิดว่าตัวเองนมเล็กเกินไป หรือคุณอาจกังวลกับเซลลูไลท์ที่ต้นขาและพุงที่น่าเกลียดของตัวเอง
คุณปล่อยเรื่องบ้าๆพวกนี้ทิ้งไปเหอะ
ฉันสาบานว่าคุณจะไม่มีวันคิดเรื่องพวกนี้อีกถ้าคุณกำลังจะตายในอีกไม่ช้า เป็นเรื่องสำคัญนะที่คุณจะต้องถอยออกมาแล้วมองชีวิตแบบภาพรวมทั้งหมด ตัวฉันเองเห็นร่่างกายของตัวเองเสื่อมสลายไปต่อหน้าต่อตา โดยที่ฉันทำอะไรกับมันไม่ได้เลย สิ่งที่ฉันต้องการคือ ฉันอยากจะอยู่ให้ถึงวันเกิดของตัวเองหรือวันคริสต์มาสที่ได้ใช้เวลากับครอบครัว วันที่ฉันจะได้เล่นกับหมา มีความสุขกับคนที่รัก
แค่อีกสักครั้งเท่านั้น
ฉันได้ยินคนเอาแต่บ่นเรื่องปัญหาจากการทำงาน หรืออ้างแต่ว่าไม่มีเวลาไปออกกำลังกาย จงสำนึกในตอนนี้เถอะว่ามันดีแค่ไหนแล้วที่ร่างกายคุณยังทำงานหรือขยับเขยื้อนได้ แต่ละวันที่คุณทำงานหรือแต่ละก้าวที่คุณออกวิ่ง มันดูเหมือนเรื่องเล็กน้อยมากๆนะ แต่มันจะมีค่ามาก ถ้าคุณพบกับวันที่ไม่สามารถทำอะไรได้เลยอีกต่อไป
ฉันพยายามที่จะดูแลตัวเอง นั่นเป็นPassionของฉันเลยล่ะที่อยากจะมีสุขภาพแข็งแรง จงรักร่างกายของตัวเองเถอะ แม้ว่ารูปร่างเราอาจจะไม่ได้เป๊ะอย่างที่อยากก็ตาม ดูความมหัศจรรย์ของมัน กินอาหารที่สดและเป็นประโยชน์ รักตัวเอง แต่อย่าหลงใหลมันเกินเหตุนะ
จำเอาไว้ คำว่าสุขภาพที่ดีความหมายกว้างกว่าการมีร่างกายแข็งแรง สิ่งที่สำคัญคือสุขภาพจิต อารมณ์ และความสุขในระดับจิตวิญญาณต่างหาก เมื่อกลับมามองใหม่ คุณจะพบว่าเรื่องที่มีสาระยังมีมากกว่าการมีรูปร่างที่ดีไว้อวดในโซเชียลมีเดีย ไปลบหรือunfollowเพจที่คุณอ่านแล้วทำให้ตัวเองรู้สึกแย่ซะ หรืิอกระทั่งเลิกยุ่งเกี่ยวกับเพื่อนหรือใครก็ตามทีที่ทำให้คุณภาพชีวิตคุณตกต่ำ
จงดีใจเถอะถ้าวันนี้ร่างกายคุณยังแข็งแรงดีอยู่ หรืออาจจะแค่เป็นหวัด เมื่อยหลัง หรือข้อเท้าเคล็ดก็ตาม อาการพวกนี้ไม่ทำให้ถึงตายหรอก เดี๋ยวก็หาย
บ่นให้น้อยลง แล้วเกื้อกูลเพื่อนมนุษย์ด้วยกันเถอะ
โปรดให้ ให้ และให้ผู้อื่นเสมอ เรามักจะมีความสุขเวลาที่ทำสิ่งดีๆให้คนอื่นมากกว่าตอนที่ทำเพื่อตัวเองเสมอล่ะ ตัวฉันเองก็ยังอยากจะทำดีกับคนอื่นให้มากกว่านี้
ตั้งแต่ป่วยมา ฉันพบกับสิ่งวิเศษ ผู้คนที่จิตใจดีทั้งคนรู้จักและคนแปลกหน้า ความรักและกำลังใจจากครอบครัวที่ยอดเยี่ยมของฉัน พวกเขาให้ฉันมากเหลือเกิน มากกว่าที่ฉันจะตอบแทนได้หมด ฉันจะไม่มีวันลืมพวกเขาและสิ่งดีๆนี้เลย
เรื่องเงินก็ด้วย บทจะตายจริงๆ ฉันไม่ได้คิดเรื่องการใช้เงินเลย มันไม่ใช่เวลาที่เราจะออกไปชอปปิ้งและซื้อของที่ชอบ ซื้อชุดใหม่ที่อยากใส่ ตัวฉันเองคิดได้ว่าตัวเรานี่ใช้เงินไปเยอะมากกับเรื่องเสื้อผ้าและเรื่องสิ้นเปลืองอื่นๆในชีวิต ตลอดช่วงที่ผ่านมา
วันๆคุณอาจจะคิดแต่เรื่องการซื้อชุดใหม่ ของสวยงาม เครื่องประดับที่จะใส่ไปงานแต่งงานของเพื่อนครั้งต่อไป โดยที่คุณไม่รู้หรอกว่า 1. ไม่มีใครมานั่งดูหรอกว่าคุณใส่ชุดซ้ำหรือเปล่า 2. เป็นเรื่องที่ดีกว่าที่จะเอาเงินไปใช้ชีวิต กินข้าว ได้อยู่กับเพื่อนๆ อาจจะซื้อต้นไม้ หรืิอชุดสวยๆไปให้พวกเขา หรือจะหากิจกรรมดีๆด้วยกันก็ได้ จงเห็นคุณค่าในเวลาชีวิตของคนอื่น อย่าปล่อยให้พวกเขารอคุณเพราะนิสัยสายเสมอของคุณ เพื่อนๆอยากใช้เวลากับคนที่ไปถึงก่อนเวลาและแชร์สิ่งที่ดีกับพวกเขา ตัวคุณเองก็จะได้รับความเคารพจากพวกเขาเช่นกัน
ปีนี้ ครอบครัวของฉันไม่ได้ให้ของขวัญกันหรือตกแต่งต้นคริสมาสต์เหมือนเคย มันก็ดีเหมือนกันนะ จะได้ไม่ต้องกดดันว่าต้องไปหาซื้อของหรือเขียนการ์ดให้คนอื่น แต่ฉันก็แอบคิดนะว่าฉันน่าจะได้ของขวัญ มันอาจจะดูเหยาะแยะ แต่พวกการ์ดอวยพรที่เขียนให้กันมีความหมายกับฉันมากกว่าของขวัญที่ซื้อกันช่วงเทศกาลเสียอีก แต่่นั่นก็ไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่กว่าคริสต์มาสที่มีความหมายหรอก
ใช้เงินของคุณไปกับประสบการณ์ที่ดีเถอะ หรืออย่างน้อยก็อย่าผลาญเงินไปจนหมดจนคุณไม่ได้ทำอะไรที่เป็นประโยชน์ฺเลย คุณอาจจะขับรถไปชายหาดสักที่ จุ่มเท้าในน้ำหรือแทรกมันลงในกองทราย ให้น้ำทะเลเปื้อนหน้าบ้าง
จงอยู่กับธรรมชาติ
ดื่มด่ำกับสิ่งรอบตัวในช่วงเวลาที่ดี ไม่ใช่เอาแต่ถ่ายรูปหรือเล่นมือถืออย่างเดียว ชีวิตจริงไม่ใช่ความเคลื่อนไหวที่หน้าจอหรือคอยแต่มามุมถ่ายรูปที่สมบูรณ์แบบ ใช้ชีวิตกับมัน อยู่ตรงนั้น มีความสุขกับช่วงเวลานั้นเถอะ ไม่ต้องเผื่อแผ่คนอื่น
เรื่องที่ฉันไม่เข้าใจคือ ทำไมผู้หญิงต้องใช้เวลานานหลายชั่วโมงเพื่อแต่งหน้าทำผมในแต่ละวัน หรือกระทั่งคืนที่ออกไปเที่ยวก็ตาม ลองตื่นให้เช้าขึ้นสิ ฟังเสียงนกร้องและดูความสวยงามของพระอาทิตย์ขึ้น ฟังเพลง ฟังมันจริงๆถึงรายละเอียด การบำบัดด้วยดนตรีมันดีจริงนะ
เล่นกับหมาที่คุณเลี้ยงด้วย
แย่จัง ฉันจะไม่ได้ทำมันแล้ว
คุยกับเพื่อน เลิกสนใจมือถือ ใส่ใจหน่อยว่าชีวิตเพื่อนคุณโอเคหรือเปล่า
ทำงานเพื่อเลี้ยงชีพ อย่าพลีชีพเพื่อการทำงาน
คุณต้องทำให้หัวใจของคุณมีความสุข
กินเค้กเหอะ ไม่ต้องรู้สึกผิด
ไม่ต้องไปไล่ตามคนอื่น ไม่ต้องพยายามเติมเต็มชีวิตแบบที่คนอื่นทำ คุณอาจต้องการแค่ชีวิตพื้นๆ สบายๆเท่านั้น มันโอเคนะ!
บอกรักคนที่คุณรักทุกครั้งที่มีโอกาส รักในทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณมี
และเมื่อมีสิ่งใดที่ทำให้คุณทุกข์ คุณสามารถเปลี่ยนมันได้ จะเรื่องงาน เรื่องความรักหรือเรื่องอะไรก็ตามที คุณเปลี่ยนมันได้แน่ คุณไม่รู้หรอกว่าคุณเหลือเวลาอยู่บนโลกใบนี้อีกนานแค่ไหน อย่าไปเสียเวลากับปัญหาเลย ทุกคนพูดประโยคนี้กันหมดและมันเป็นเรื่องจริงที่สุด
เอาเถอะ ถือว่าเป็นคำแนะนำจากฉัน คุณจะสนใจหรือไม่ก็ตามที
โอ้..และสิ่งสุดท้าย ถ้าคุณสามารถทำอะไรดีๆเพื่อเพื่อนมนุษย์อย่างเช่นการบริจาคเลืิอด มันจะทำให้คุณรู้สึกยอดเยี่ยมที่ได้ช่วยชีวิตคนอื่น การบริจาคแต่ละครั้งช่วยผูุ้ที่ต้องการมันได้ถึง 3 คนแน่ะ มันทำง่ายและผลของมันยิ่งใหญ่จริงๆ
ฉันมีชีวิตอยู่ถึงตอนนี้ก็เพราะเลือดบริจาคของคนอื่นนี่แหละ ทำให้ฉันอยู่ต่อได้อีกตั้งปีนึง ปีที่ฉันตั้งใจจะใช้ชีวิตอย่างดีที่สุดบนโลกใบนี้กับครอบครัว เพื่อน และหมาที่ฉันรัก อีกสักปีที่จะยอดเยี่ยมที่สุดในชีวิตของฉัน
หวังว่าจะได้เจอกันอีกนะ,
ฮอล"
**********************************************************
ขอบคุณและขอให้ไปสู่สุขคติ ฮอลที่รัก
เล็ก-มนต์ชัย
21 มกราคม 2561 , บ่ายวันอาทิตย์
ปล. อ่านต้นฉบับโพสต์ของฮอลได้ที่ https://www.facebook.com/hollybutcher90/posts/10213711745460694
It took me 1 hours to translate the last post of " Holly Butcher a lady with cancer at the age of 26 years old. She died after posting this message on Facebook for only 24 hours, and family published so others read and aware. That this life is so precious.
Despite an amateur translation that is not in the subject of using language, I am very brave to convey it to anyone who reads this message.
I dedicate this post to her
******************************************************
" It's strange that I have to accept death at 26 years old.
Death is something that young people like us often ignore because we think there will always be tomorrow. We will live. Death is a matter of the future that no one knows when will happen. I imagine myself when I am old, full of gray hair. Heads in the midst of a warm family, grandchildren running. I want to build a family with love as I dream of.
I want that kind of life
Thinking about it and suffering.
This life that we love is fragile. It's unpredictable. Everyday living is a gift. Not existence because we have the right to live as we understand. Now I'm 27 years old. I love my life. I'm happy with it. I have. Good love
But no one can control the fate.
I wrote this post before I die. Death is scary. But we all overlook and try not to think about it. I thought it wouldn't happen to myself or anyone soon. Missing death is really bad.
What I want to say is that you stop worrying about the little stupid problems, stress that doesn't have to life and remember that we all have to face our destiny. What we can do should be living each day with good feelings. In myself, cut off the moron.
I've spent my own life in the last few months, and it's always popping up in the middle of the night. In the moment you keep complaining about the same problems as you and may be in terms. Worse than throw it away
I have to admit that some things hit the mind and annoy your life. But don't carry it because you will pass the negative impact on other people's lives around you.
When you start swinging or releasing negative power to people. Let's walk out of there. Take a deep breath. Look at the bright sky. See the green of the trees. See how beautiful it is how lucky you are. So you can still be alive and breathing now
The day when you're upset with traffic jam or maybe a little sleep because the baby wakes you up all night. The barber cut you too short. Nails that go later are not pretty. Think of yourself too small or you may worry about cellulite on your ugly belly and belly. Self-self
You let go of this crazy stuff
I swear you will never think about these things again if you're dying soon. It's important to step back and look at my whole life. I see my own body is broken in front of your eyes. I can't do anything with it. All I want is that I want to stay until my own birthday or Christmas to spend with my family. The day I can play with dogs. Happy with loved ones.
Just one more time
I hear people complain about work problems or claim that I don't have time to exercise. Be grateful that your body can still work or move each day you work or each step you run. It seems like a little thing but It would be worth it if you met a day that can't do anything anymore.
I'm trying to take care of myself. That's my Passion to be healthy. Love your body. Even though we may not be perfect as you want. Watch its magic. Eat fresh and beneficial food. Love yourself, but don't be passionate. It's beyond the cause.
Remember, the word good health is wider than having a healthy body. What matters is mental health, emotional and happiness. When you come back to see again, you will find that there are more sensible things than having a good shape to show off on social. Media go delete or unfollow the page you read and make yourself feel bad or stop interfere with friends or anyone who makes your quality of your life.
Be glad if your body is still healthy today or maybe just have a cold or sprained ankle. These symptoms won't make you die soon.
Complaining less and bountiful human friends together
Please always give and give to others. We always be happy when we do good things for others than when we do for myself. I still want to be more good to others.
Since I have been sick, I met magical things, kind hearted people, and strangers, love and encouragement from my wonderful family. They have given me so much more than I could ever repay. I will never forget them and this good things.
I really don't think about spending money. It's not time we go shopping and buy a new dress that I want to wear. I think that I have spent a lot of money on clothes and Other waste in life throughout the past.
You may only think about buying a new dress, jewelry to wear to your next friend's wedding without knowing if you have no one to see if you're wearing a repeated dress. Haha. It's better to take money. Go live, eat with friends. Maybe buy them a beautiful dress or find a good event together. Be valuable in other people's life time. Don't let them wait for you because of your always late, friends. Want to spend time with people who get there before time and share good things with them. You will also get respect from them.
This year my family is not giving gifts or Christmas decorations as usual. It's good too. I don't have to pressure to buy or write cards for others, but I think I should get gifts. It might look. So many greetings cards that mean more to me than the festive gifts, but that's not much bigger than Christmas.
Spend your money on a good experience or at least don't waste your money until you don't do anything beneficial. You might drive to the beach somewhere in the water or insert it in the sand. Sea water stained in the face
Be with nature
Immerse yourself in good times, not only taking photos or playing mobile phone. Real life is not a screen movement or waiting for the perfect photo corner. Live with it. Be happy with that moment. No need to spread other people.
What I don't understand is why women take hours to make up, do hair each day or even night out. Wake up early. Listen to the birds sing and see the beauty of the sunrise. Listen to it. It's really good music therapy. It's true.
Play with the dogs you raise with
Too bad I'm not doing it anymore
Talk to friends. Stop paying attention to the phone. Pay attention if your friend's life is okay.
Work for a living, don't martyred for work.
You have to make your heart happy
Eat cake. Don't feel guilty.
No need to chase others. Don't try to fulfill your life. You may only want a comfortable life. It's okay!
Say love someone you love every time you have a chance to love everything you have.
And when there is something that makes you suffer, you can change it, work, love or whatever you can change it. You don't know how long you have left on earth. Don't waste your time on problems, everyone. All say this sentence and it's so true
Well, it's my advice. You're interested or not.
Oh.. and one last thing if you can do something good for a fellow human being, such as a small donation, it would make you feel great to save someone else's life. Each donation helps 3 people who needs it. Easy to do and the result is really great.
I'm alive until now because of other people's blood. This has made me live for another year that I intend to live the best life on earth with my family, friends and my beloved dog. Another year that will be the most wonderful year of my life. I am.
Hope to see you again,
Hall "
**********************************************************
Thank you and rest in peace dear hall
Lek - Radchai
21 January 2561, Sunday afternoon
Ps. Read the original Hall post at https://www.facebook.com/hollybutcher90/posts/10213711745460694Translated
cut and run in a sentence 在 CDS Idioms and Phrases - Cut and Run - YouTube 的推薦與評價
... <看更多>